วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย.๕ นางพรายตานี

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย.๕
นางพรายตานี
Tree Fairy (Ghost of Musa balbisiana,Nang Tanee)



ภาพต้นกล้วยตานี จาก nanagrden.com

นางพรายตานี

   ภูติผีปีศาจเพศหญิงยอดฮิตของไทยเรานั้น ต้องนับเอานางพรายตานีหรือนางตานีให้อยู่ในอันดับต้นๆ เรื่องของผีนางพรายตานีเป็นที่เล่าขานสืบต่อกันมาช้านานแล้ว นิยมเล่าขานกันให้เป็นเรื่องสยองขวัญบ้าง เล่ากันเพื่อหลอกเด็กหลอกผู้หญิงหรือคนกลัวผีบ้าง มีแม้กระทั่งเล่ากันในทำนองเรื่องพิศวาสวาบหวามรัญจวนใจ เรื่องผีนางพรายตานีมีทั้งเป็นนิทานตำนาน มีเล่าเป็นละครเป็นภาพยนตร์ ซึ่งก็มักจะได้รับความนิยมอยู่เสมอ

ตำนานนางพรายตานีนั้นเล่าว่า นางพรายตานีหรือนางตานีเป็นภูติประจำต้นกล้วยตานี เป็นภูตผีผู้หญิงที่เป็นสาวสวย เมื่อเป็นภูตผีไทยก็ต้องนุ่งห่มแบบไทยๆ คือ ต้องนุ่งผ้าถุงหรือนุ่งโจงกระเบน ต้องห่มสไบ สีของเครื่องนุ่งห่มต้องมีสีเขียวใบตอง และสีของเครื่องนุ่งห่มจะเปลี่ยนไปตามอายุของต้นกล้วยตานีด้วย

ภาพ bangsuanporpeang.com

   ผีนางพรายตานีที่ประจำอยู่ที่ต้นกล้วยตานีมีที่มาอย่างไรนั้น ยังไม่พบตำนานที่กล่าวถึงเป็นจริงเป็นจัง แต่เมื่อพิจารณาถึงต้นกล้วยตานีแล้ว ก็พอจะมีเบาะแสพอที่จะสันนิษฐานได้เค้ามูลเรื่องบ้างคือ ต้นกล้วยตานีเป็นต้นกล้วยที่สูงได้มาก โดยทั่วไปแล้วประมาณว่าสูงได้ถึง 3.5 – 4 เมตร ถ้าขึ้นเป็นดงกล้วยด้วยแล้วจะดูครึ้มๆมาก ยิ่งถ้าอยู่ในพื้นที่ๆมีดินดี ก็อาจสูงขึ้นได้อีกหน่อยหนึ่ง ในสวนของแม่ยายของผู้เขียนที่อยู่ที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร มีดงกล้วยตานีอยู่ด้วย เมื่อเข้าไปเห็นครั้งแรกนั้นผู้เขียนถึงกับสะดุ้งตกใจว่า ต้นกล้วยอะไรถึงได้สูงใหญ่ถึงขนาดนี้ ในดงกล้วยตานีที่เข้าไปนั้นครึ้มถึงขนาดว่าแสงแดดส่องไม่ถึงพื้นดินเลย บรรยากาศที่พบทำให้นึกได้ทันทีเลยว่า ทำไมคนถึงได้รู้สึกเกรงกลัวต้นกล้วยตานี จนกระทั่งคิดว่ามีภูติผีสิงสู่อยู่

ภาพ นางพรายตานีจากละครโทรทัศน์

    ความครึ้มๆสลัวๆในดงกล้วยตานีก่อให้เกิดบรรยากาศลึกลับ ถ้าเป็นคนขวัญอ่อนด้วยแล้วรับรองได้เลยว่า ถ้าเข้าไปอยู่ในดงกล้วยตานีแล้ว ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นเป็นต้องหวาดๆหนาวๆ และต้องระแวงว่าในบริเวณนี้ต้องมีผีอยู่แน่นอน และจะนึกถึงอะไรไปไม่ได้นอกจากนึกถึงผีนางพรายตานี


   คนโบราณเล่าสืบต่อกันมาว่า ผีนางพรายตานีเป็นผีสาวสวยที่ค่อนข้างใจดี ปกติแล้วนางพรายตานีจะปรากฏตัวออกมาเป็นสาวสวย นุ่งห่มแบบไทยโบราณ โดยต้องมีเครื่องนุ่งห่มเป็นสีเขียวเหมือนใบตอง นางพรายตานีมักจะใจดีให้โชคให้ลาภแก่คนที่มาบูชา หรือให้ลาภกับเจ้าของบ้านเจ้าของที่ ซึ่งมีต้นกล้วยตานีขึ้นอยู่

   มีปรากฏการณ์นางพรายตานีใช้โชคลาภกับมนุษย์หลายครั้ง ในหลายกรณีก็น่าพิศวงเพราะหาเหตุผลมาพิสูจน์หักล้างไม่ได้ ต้นกล้วยตานีหลายๆต้นในเมืองไทยเลยกลายเป็นต้นกล้วยวิเศษ เพราะมีคนไปบูชากราบไหว้กันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ไปขอหวย นางพรายตานีจึงกลายเป็นเจ้าแม่ตานีที่รักและเคารพยิ่งของมวลมหาชนคนรักหวย

ดาราสาวสวยไทยในชุดนางตานี

ภาพ www.thaizaa.com

    แต่ถ้าไปทำอะไรที่ขัดใจหรือลบหลู่ นางพรายตานีก็จะแสดงความดุออกมา บางกรณีถึงขนาดดุร้ายเอาเลย ที่เฮี๊ยนหนักมากๆก็อาจโดนนางพรายตานีเล่นงานเอาถึงตายได้ แต่นางพรายตานีก็ไม่ดุเท่านางพรายตะเคียน เพราะยังพอที่จะขอขมาขอร้องให้นางพรายตานียกโทษให้



   ผีนางตานีเป็นผีสาวสวย ดังนั้นผีนางพรายตานีบางตนก็อาจพึงตาพึงใจชายหนุ่มบางคน จึงสำแดงตนให้เห็นให้ได้พูดคุยกันได้ บางทีถึงกับสะกดเอาชายหนุ่มไปอยู่ด้วยกันเป็นคู่พิศวาส มีเรื่องเล่ากันมาทุกภูมิภาคของประเทศไทยเราว่า ชายหนุ่มหน้าตาดีในหมู่บ้าน อยู่ๆก็หายตัวไปดื้อๆโดยไม่มีร่องรอย จะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ พอคนค้นหาไปเห็นดงกล้วยตานีก็เฉลียวใจ ลองเข้าไปดูในดงกล้วยตานี ก็จะพบชายหนุ่มนอนระทดระทวยอยู่ที่ใต้ต้นกล้วยตานี บางทีถึงกับใกล้จะอ่อนแรงตายเพราะอดอาหาร

   เมื่อนำตัวออกมาได้แล้วฟื้นขึ้นมา ก็จะเล่าว่าได้พบผู้หญิงสาวสวย ได้ครองรักอยู่กินกันโดยลืมโลกภายนอกไปอย่างสนิท


นางพรายตานี้ตนนี้ไม่น่ากลัว
 

นางตานีน่ารัก


   บางกรณีก็กลับตาลปัตร คือ มนุษย์ผู้ชายนี่แหละที่อยู่ๆก็อยากได้ผีนางพรายตานีมาเป็นเมีย ถ้าเป็นแบบนี้ก็มักเป็นพวกชอบทางไสยศาสตร์ หรือพวกที่คิดแผลงๆอยากลอง โดยมีวิธีการเริ่มตั้งแต่เข้าไปทำความสะอาดบริเวณดงต้นกล้วยและที่ต้นกล้วยตานีต้นที่หมายตาไว้ จากนั้นก็เอาเครื่องหอมเช่นแป้งหอมน้ำหอม เอามาประพรมต้นกล้วยตานี ทำท่าเกี้ยวพาราสีต้นกล้วยตานี ในระหว่างนั้นก็หมั่นรดน้ำต้นกล้วย และเอาข้าวปลาอาหารขนมนมเนยมาเซ่นสรวง


   ตำนานนางพรายตานีบอกไว้ว่า เมื่อเกี้ยวพาราสีต้นกล้วยตานีพร้อมมีสิ่งของเครื่องหอมประกอบไปเรื่อยๆ ในที่สุดนางพรายตานีจะใจอ่อน จนกระทั่งยอมปรากฏตัวออกมาให้เห็น ถ้าคนจีบนางพรายตานีใจกล้าพอ ก็จะเอานางพรายตานีทำเมีย แล้วนางพรายตานีจะบันดาลโชคลาภให้อย่างที่สุด แต่ห้ามนอกใจนางพรายตานีอย่างเด็ดขาด จนกว่าต้นกล้วยตานีจะออกลูกออกเคลือ

ภาพ จากละครโทรทัศน์


นางพรายตานีของนอก




    เมื่อต้นกล้วยตานีออกหวีกล้วยแล้ว ในที่สุดเมื่อถึงตอนนี้นางพรายตานีจะมาลาไปเกิดและเคลือกล้วยหรือผลกล้วยตลอดไปจนถึงเมล็ดกล้วยตานีของต้นกล้วยที่มีนางพรายตานีนั้น นับถือกันว่ามีคุณวิเศษทางมหาโชคมหาลาภเป็นอย่างยิ่ง เพราะเชื่อว่านี่คือสิ่งสุดท้ายที่นางพรายตานีแสนสวยได้เหลือไว้ให้เป็นอนุสรณ์ของความรัก

   ผีนางพรายตานีในบางกรณีก็ถือว่าเป็นนางไม้เป็นรุกขเทวดาชนิดหนึ่ง โดยมีอายุขัยค่อนข้างเป็นรองนางไม้ของต้นไม้ใหญ่ๆเช่นนางพรายตะเคียน แต่ผีนางพรายตานีก็เป็นผีหรือนางไม้ที่อยู่ใกล้ชิดมนุษย์มากกว่านางไม้อื่นๆ แถมมนุษย์ที่เป็นมวลชนสมาคมคนรักหวยก็อยากที่จะใกล้ชิดเคารพบูชากราบไหว้นางพรายตานีเอามากๆเสียด้วย เห็นต้นกล้วยตานีเป็นอดไม่ได้ที่จะต้องเอาผ้าแพรสารพัดสีไปพันรอบต้นกล้วยตานี แล้วก้มๆเงยมองหาเลขเด็ด

   การที่จะสังเกตดูว่าต้นกล้วยตานีต้นใดที่น่าจะมีนางพรายตานีสิงอยู่นั้น เชื่อกันว่าให้ดูที่ต้นกล้วยตานีที่สูงใหญ่ที่สุดในดงกล้วยตานีนั้น หรือดูที่ความแปลกประหลาดของต้นกล้วยตานีเช่น ต้นกล้วยตานีออกลูกออกเคลือต่างจากธรรมชาติ แตกหน่อแบบผิดธรรมชาติ ถ้ามีคนไปเจอต้นกล้วยตานีแบบนี้เมื่อไรแล้ว รับรองว่าบริเวณสถานที่นั้น จะต้องกลายเป็นที่นัดพบยอดฮิตของชาวสมาคมคนรักหวยอย่างแน่นอน

   ผีนางพรายตานีจะอยู่คู่กับคนรักหวยไปจนตลอดกาล

 
www.thairath.com

ภาพจาก ไทยรัฐ


นี่..บูชาต้นกล้วยและปลีกล้วย
kafewteeranuch.blogspot.com

ภาพ nanagarden.com

ภาพ oknation.com

stromclub.com

  
























วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย.๔ นางพรายตะเคียน

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย
นางพรายตะเคียน
Tree Fairy (Ghost of Iron Wood,Nang Takean)




นางตะเคียนหรือนางพรายตะเคียน

   ตำนานเรื่องเร้นลับของไทยเราที่เกี่ยวกับผีสางนางไม้นี้มีมาก ซึ่งต่างก็มีเรื่องเล่าขานสืบต่อๆกันมานมนานกาเล มีทั้งสนุกตื่นเต้นและบางทีก็น่ากลัวชวนให้เสียวสันหลังวาบ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องตำนานภูตผีปีศาจด้วยแล้ว หลายๆเรื่องบางทีในขณะที่เล่าเรื่องไปก็เสียวสันหลังไปทั้งคนเล่าคนฟัง

   ภูตผีปีศาจที่จัดว่าเป็นผียอดฮิตของไทยเรานั้น ต้องนับเอาเรื่องนางตะเคียนหรือนางพรายตะเคียนให้เป็นภูติผีปีศาจยอดนิยมอยู่ในลำดับต้นๆ และนางพรายตะเคียนในหลายกรณีก็ออกจะเข้าทำนองผีเจ้าผู้มีฤทธิ์เดช หรือทำนองเป็นรุกขเทวดาประเภทหนึ่งกันเลย

   ตำนานของนางตะเคียนหรือพรายตะเคียนนั้นเป็นเรื่องเก่าแก่มาก มีทั้งให้นางตะเคียนเป็นเจ้าแบบนางไม้ แม่ย่านาง บางทีก็เล่ากันไปในทางว่าเป็นภูตผีปีศาจที่ดุๆ

   นางตะเคียนตามเรื่องเล่าจึงแบ่งได้เป็นสองแบบคือ

๑.นางตะเคียนแบบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าหรือนางไม้

๒.นางตะเคียนแบบที่เป็นผีดุ

   เรื่องประเภทของนางตะเคียนนี้คงแล้วแต่ภาคพื้นท้องถิ่นเป็นหลัก หากเป็นแถบที่เป็นป่าเขาลำเนาไพร นางตะเคียนก็ต้องเป็นเจ้าเป็นนางไม้กระทั่งเป็นรุกขเทวดาก็ได้ แต่นางตะเคียนแบบที่เป็นผีดุนั้น แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับคนตายที่เป็นผู้หญิง นางพรายตะเคียนแบบผีดุนี้ทั้งหมดจะต้องเป็นทำนองว่า มักจะเป็นผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายที่ต้นตะเคียน หรือตายแล้วเอามาฝังไว้ที่ใต้ต้นตะเคียน จะไม่พ้นจากทำนองนี้ไปได้


นางตะเคียนแบบที่เป็นเจ้าหรือนางไม้   

 นางตะเคียนหรือนางพรายตะเคียนที่เป็นแบบเจ้าหรือนางไม้นั้น จะเป็นนางตะเคียนในแถบภูมิประเทศที่เป็นป่าเขา หลักสำคัญที่สุดก็คือต้องเป็นป่าที่มีต้นตะเคียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องเป็นต้นตะเคียนที่มีขนาดใหญ่มีอายุนับร้อยๆปี เชื่อกันว่านางพรายตะเคียนที่สิงอยู่ในต้นตะเคียนใหญ่ๆและมีอายุมากๆนั้น จะเป็นนางตะเคียนที่มีความเฮี้ยนศักดิ์สิทธิ์มากเป็นพิเศษ


ต้นตะเคียนทอง ภาพ nanagarden.com

   ตำนานนางตะเคียนประเภทนี้เชื่อกันว่า ต้นตะเคียนที่มีอายุเป็นร้อยๆปีนั้น บางต้นจะมีนางไม้สิงสู่อยู่ เข้าทำนองว่าอาจเป็นรุกขเทวดาก็ได้ แต่ถ้าเป็นเพศหญิงมักเรียกกันว่านางไม้หรือเจ้าแม่ พอที่จะนับเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาในระดับหนึ่งก็ได้เหมือนกัน


   ต้นตะเคียนเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวเป็นร้อยๆปี ยิ่งอายุมากก็ยิ่งมีลำต้นใหญ่และสูงมาก ต้นตะเคียนเป็นจำนวนมากสูงถึงประมาณ ๕๐ เมตร ลำต้นบางทีต้องใช้คนตัวใหญ่ๆถึง ๗ คนจึงจะโอบรอบได้ เมื่อเป็นต้นไม้ใหญ่และเก่าแก่จึงเป็นธรรมดาที่คนจะเชื่อว่าน่าจะมีอะไรที่ไม่ธรรมดา กระทั่งมาเป็นความเชื่อว่าต้นตะเคียนที่ใหญ่ๆนี้ต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติสิงสู่อยู่

ภาพ monmai.com

       เชื่อกันว่านางตะเคียนเป็นเจ้าแม่หรือนางไม้แสนสวย แต่สวยได้ก็ดุได้ และดุมากเสียด้วย และแน่นอนว่าเมื่อเป็นเจ้าแม่หรือนางไม้แบบไทยๆ ก็ต้องแต่งตัวแบบไทยๆคือนุ่งผ้าถุงห่มสไบ เล่ากันว่านางตะเคียนจะนุ่งห่มผ้าสีออกไปทางเหลือง คงเป็นทำนองสีของเนื้อไม้ ถ้าเป็นนางตะเคียนที่สิงอยู่ในต้นตะเคียนทองด้วยแล้วก็ต้องนุ่งสีเหลืองออกไปทางส้มหรือสีทอง ซึ่งก็คล้ายสีของดอกตะเคียนทองนั่นเอง

ภาพ painaidii.com

ภาพ image dek-d.com

   เชื่อกันว่าวิธีสังเกตว่าต้นตะเคียนที่ขึ้นอยู่ในป่านั้นมีนางตะเคียนสิงอยู่หรือไม่ ก็ให้สังเกตจากบริเวณรอบๆต้นตะเคียน ถ้าหากว่ารอบๆต้นตะเคียนสะอาดเรียบร้อยเหมือนมีคนมากวาดเอาไว้ อย่างนี้แสดงว่าต้องมีนางตะเคียนสิงอยู่ เพราะนางตะเคียนจะออกมาปัดกวาดบริเวณรอบต้นตะเคียนเป็นปริมณฑล แต่ถ้าที่โคนต้นตะเคียนดูรกๆแล้ว อย่างนี้ก็เป็นต้นตะเคียนธรรมดาๆ


   นางตะเคียนของต้นตะเคียนป่าโดยปกติแล้วมักจะอยู่เฉยๆ แต่ถ้าหากมีมนุษย์ไปทำไม่ดีออกไปในทางลบหลู่แล้ว นางตะเคียนหรือเจ้าแม่ตะเคียนก็จะแผลงฤทธิ์ให้ได้เห็น และลงโทษคนที่ลบหลู่นั้นอย่างน่าสพรึงกลัวเช่น ไปปลดทุกข์หนักเบาที่ใต้ต้นตะเคียน หรือพูดจาท้าทายนางตะเคียน นางตะเคียนก็จะออกฤทธิ์ทำการสะกดผู้ลบหลู่ให้ปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูงๆแล้วแขวนค้างอยู่บนต้นไม้ เมื่อฟื้นคืนสติขึ้นมาก็ลงจากต้นไม้ไม่ได้เพราะสูงมากจนเกินไป


   บางทีนางตะเคียนก็จะเข้าฝันมาหลอกหลอนเอาชีวิตอย่างน่ากลัว หรือทำให้หลงเดินวนอยู่ในปริมณฑลของต้นตะเคียนอย่างไม่รู้จักจบสิ้น บางทีนางตะเคียนก็ทำให้เจ็บป่วยกะทันหัน เพ้อเห็นนางตะเคียนมาทำร้ายจนตกใจเสียสติ มีกระทั่งว่านางตะเคียนมาสะกดเอาไปเป็นคู่ก็มี อย่างนี้ถ้าแก้ไขไม่ถูกวิธีก็ตายลูกเดียว

จากภาพยนตร์ไทยเรื่อง ตะเคียน


   มีเรื่องเล่าขานตรงกันในทุกภาคของประเทศไทยว่า เมื่อไปตัดต้นไม้ในป่าโดยไม่ดูให้ดีเสียก่อน ปรากฏว่าไปตัดต้นตะเคียน พอฟันลงไปทีแรกเท่านั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนทันที ตรงรอยที่ฟันนั้นถึงกับมียางของต้นตะเคียนไหลออกมาเป็นสีเลือดทันที นางตะเคียนที่เฮี้ยนมากๆอาจดลบันดาลให้เกิดพายุพัดกระหน่ำเกิดฝนตกหนักเกิดน้ำป่าไหลบ่า ซัดขบวนคนที่จะตัดไม้ให้เสียหายล้มตายได้

    เล่ากันว่านางตะเคียนในป่าที่เฮี้ยนมากๆจนปราบไม่ได้นั้น ต้องเอาตราครุฑหรือตราแผ่นดินมาตีประทับไว้เท่านั้น จึงจะแก้ฤทธิ์นางตะเคียนได้

   ต้นตะเคียนที่โค่นตัดมาใช้นั้น ต้นที่มีนางตะเคียนเฮี้ยนๆมากนั้น ถึงตัดมาแล้วก็ยังมีอิทธิฤทธิ์อยู่มาก ดังเช่นที่เล่าสืบต่อกันมาถึงเรื่องแม่ย่านางเรือที่ขุดจากต้นตะเคียน เสาบ้านที่เป็นเสาต้นตะเคียนที่ตกน้ำมัน ที่เล่าขานสืบต่อมาจนดังเป็นอมตะก็มีตำนานอำเภอเสาไห้

ภาพ thaizaa.com

เรือต้นตะเคียน ภาพ komchadluek.net
 ตำนานเสาร้องไห้ วัดสูง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี

 จาก khaoyaizone.com
    มีตำนานเล่ากันว่า เมื่อครั้งสร้างกรุงเทพฯ เป็นราชธานี ได้มีการเกณฑ์เสาจากหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อคัดเลือกเสาที่มีรูปร่างลักษณะงดงาม เพื่อจัดเป็นเสาเอก ทางเมืองสระบุรีได้จัดส่งเสาต้นหนึ่งที่มีลักษณะงดงามมากล่องลงมาตามลำน้ำ ป่าสัก แต่มาถึงกรุงเทพฯ ช้าไปเล็กน้อย และได้มีการคัดเลือกเสาเอกไปก่อนแล้ว จึงได้เป็นเสารอง ซึ่งถ้าเสาต้นนี้มาทันเวลาก็ต้องได้เป็นเสาเอกอย่างแน่นอน เพราะมีลักษณะใหญ่ และสวยงามมาก ด้วยความยาว 13 เมตร กว้าง 0.75 เมตร เสาต้นนี้จึงเกิดความเสียใจลอยทวนน้ำกลับขึ้นมาจมลง ณ ตำบลแห่งนี้อยู่ประมาณ 100 กว่าปี


เสาตะเคียนที่วัดสูง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ภาพ khaoyaizone
     จนถึงเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2501  นางเฉลียว จันทร์ประสิทธิ์ ได้ฝันว่ามีหญิงคนหนึ่ง บอกว่าเป็นนางไม้ประจำเสาที่จมน้ำอยู่  ให้บอกสามีเอาเสาขึ้นมาจากน้ำด้วย นายเผ่าผู้เป็นสามีก็ไม่เชื่อ มีคนเล่าต่อกันมาว่า นางไม้ของเสาต้นนี้ได้ไปเข้าทรงกับผู้อื่นอีกหลายครั้ง จนในที่สุดชาวบ้านหลายคนก็ได้ไปร้องขอให้นายเผ่าเอาเสาต้นนี้ขึ้นมาให้ได้ ตามคำล่ำลือ จนนำมาสู่การนำเอาเสาขึ้นมาจากน้ำ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2501 และในวันนี้เอง ได้รับคำบอกเล่าจากนายจำลอง ขาววรรณะว่า วันนั้นแดดร้อนจัดมากขณะที่กำลังนำเสาขึ้นจากน้ำ ท้องฟ้าก็มืดครื้มไปหมดทันที มีเสียงฝ้าผ่าดังมากเป็นประกายสีเขียวไปทั่ว เสียงฟ้าร้องคำรามทำท่าคล้ายฝนจะตก ทำให้ผู้คนที่มาเข้าร่วมพิธีกันเป็นจำนวนมากต่างตื่นตาตื่นใจ

ขณะนำเสาตะเคียนขึ้นจากน้ำ

   วันที่ 23 เมษายน 2501 เป็นวันที่เชิญเสาไปประดิษฐานที่วัดสูง เวลา 9.00 น. เริ่มพิธีเคลื่อนเสาไปสู่วัดสูง โดยตั้งศาลสูงเพียงตา มีหัวหมูซ้ายขวา บายศรี 3 ชั้น ใช้ด้ายสายสิญจน์ผูกที่เสาแล้วใช้เชือกผูกแพที่รับเสาไห้ประชาชนดึง เมื่อได้ฤกษ์ พระสงฆ์ 9 รูปเจริญชัยมงคลคาถา ประชาชนที่อยู่บนฝั่งหน้าที่ว่าการอำเภอเสาไห้ก็ดึงเชือกแพลูกบวบให้เคลื่อน ไปทางทิศตะวันออก มีเรือแตรวงนำขบวน มีเรือต่างๆร่วมขบวนอีกเป็นจำนวนมาก

   ในวันที่นำเสาขึ้นจากน้ำมีประชาชนมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมากประมาณสามหมื่นคน นับเป็นวันประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของชาวอำเภอเสาไห้ที่ต้องจารึกไว้  ต่อมาจึงได้สร้างศาลถาวรขึ้นที่หน้าพระอุโบสถในวัดสูง เป็นศาลกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร มีมุขออกด้านตะวันออก พื้นคอนกรีต มีฐานก่ออิฐสูงรองรับเสาตะเคียน ต่อมาเมื่อวัดสูงได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ขึ้น จึงได้ดัดแปลงศาลาการเปรียญหลังเดิมเป็นอาคารทรงไทยสวยงาม และอัญเชิญเสาแม่นางตะเคียนมาประดิษฐานที่ศาลหลังใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2530 มาจนถึงทุกวันนี้

   ปัจจุบัน แม่นางตะเคียน วัดสูง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวอำเภอเสาไห้ และยังคงได้รับการสักการะจากผู้คนที่เชื่อถือ ศรัทธามาโดยตลอด เทศบาลตำบลเสาไห้ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อส่งเสริมงานประเพณีอาบน้ำแม่นางตะเคียน เนื่องในเทศกาลสงกรานต์วัดสูงเป็นประจำทุกปี เพื่อสืบสานงานประเพณีท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป

(ภาพและเรื่องเสาไห้ จาก khaoyaizone.com )

   นางตะเคียนแบบที่เป็นเจ้าหรือนางไม้นี้ จะว่าไปแล้วก็ดูออกจะมีใจดีไม่น้อย ถึงจะมีความดุอยู่ก็เป็นเพราะคนไปเกะกะระรานก่อนทั้งนั้น นางตะเคียนจึงต้องตอบโต้สั่งสอนให้เข็ดหลาบบ้าง นางตะเคียนแบบนี้เมื่อถูกอัญเชิญมาประดิษฐานให้ดีในที่อันสมควรแล้ว ก็มักมีประชาชนแห่กันไปขอโชคลาภกันแน่นขนัด ดังจะเห็นได้จากข่าวกันเนืองๆ



นางตะเคียนแบบที่เป็นผีดุ


   นางตะเคียนแบบนี้มีที่มาที่ไปคือ เป็นผู้หญิงที่มาตายที่ต้นตะเคียน หรือตายแล้วเอามาฝังบริเวณใต้ต้นตะเคียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นต้นตะเคียนคู่ ก็จะยิ่งกลายเป็นผีนางตะเคียนที่ดุเอามากๆ เล่ากันว่าจะคอยหลอกหลอนผู้คนที่ผ่านมาใกกล้ต้นตะเคียน

   เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่นางตะเคียนที่ดุร้ายเฮี๊ยนสุดๆนั้น มักจะมีประวัติเกี่ยวกับการตายของผู้หญิงเช่น ถูกฆาตกรรมใต้ต้นตะเคียน ผูกคอตาย(แบบนี้คงต้องเป็นต้นที่ไม่สูงมาก) หรือเอาศพมาฝังใต้ต้นตะเคียน เท่าที่เคยร่ำลือกันก็มักมีประวัติไปในทำนองนี้ทั้งนั้น นางตะเคียนแบบนี้จึงเป็นผีดุของจริง ซึ่งต่างกับนางตะเคียนแบบนางไม้ ที่ดูแล้วออกจะเป็นครึ่งภูติครึ่งเทวดา


ภาพจากภาพยนตร์ไทยเรื่อง นางตะเคียน
 นางตะเคียนแบบผีดุนี้ชาวบ้านจะกลัวกันมาก เพราะให้โทษมากกว่าให้คุณอย่างเทียบกันไม่ได้ เล่ากันว่านางตะเคียนแบบนี้มักปรากฏให้เห็นในลีลาน่ากลัวสยองขวัญ มักบันดาลให้เจ็บป่วยปางตาย หรือไปเข้าสิงร่างคนที่ทำการลบหลู่ ซึ่งจะขอขมาเท่าไรก็ไม่ยอมให้อภัยกันง่ายๆ ต้องหาพ่อมดหมอผีมาจัดการปราบสถานเดียว แต่หมอผีก็เสร็จผีนางตะเคียนแบบนี้ไปไม่น้อย

   ตำนานนางตะเคียนผีดุนี้เล่าว่า นางตะเคียนจะอาละวาดรอจนกว่ามีผู้หญิงมาตายที่ใต้ต้นตะเคียนที่สิงอยู่นั้น เมื่อมีคนมาตายที่ต้นตะเคียนแล้ว นางตะเคียนตนเดิมจึงจะไปเกิดได้ ส่วนหญิงที่มาตายที่ใต้ต้นตะเคียนก็ต้องรับสืบทอดเป็นนางตะเคียนต่อไป ตำนานไม่ได้บอกไว้ว่าถ้าคนตายเป็นผู้ชาย อย่างนี้จะเรียกเป็นนางตะเคียนด้วยหรือไม่





    ความดุและเฮี้ยนของผีนางตะเคียนนั้น ดุขนาดว่าจะบังคับสะกดให้มีคนมาตายที่ต้นตะเคียนกันเลยทีเดียว มีเรื่องเล่าทำนองนี้มาไม่น้อย ซึ่งความเชื่อเช่นนี้ถูกกับรสนิยมของชาวบ้านยิ่งนัก ยิ่งเล่าต่อๆกันไปด้วยแล้วนางตะเคียนก็ยิ่งดุมากขึ้นทุกที

   เรื่องของนางตะเคียนนางไม้และนางตะเคียนผีดุ ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้งหลายหน ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจคนดูยิ่ง เพราะนางตะเคียนแต่ละตนจะสวยๆด้วยกันทั้งนั้น 

ภาพ www.เกร็ดความรู้.net

ภาพ banmuang


ภาพ mcot.net


























ภาพจากละคร แค้นนางตะเคียน