วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย.๑๓ น้ำมันพราย


น้ำมันพราย Devil's perfume


น้ำมันพราย

   ตำนานไสยศาสตร์ของไทยมีหลายเรื่อง แถมยังมีครบทุกแบบทุกด้าน มีทั้งแบบที่เป็นเรื่องคุ้มครองป้องกันภัย เสน่ห์เมตตามหานิยม มีทั้งทางด้านค้าขายร่ำรวย มีทั้งเวทมนต์คาถารักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งไสยศาสตร์แนวนี้มักเรียกกันว่าเป็นไสยขาว ไสยศาสตร์แนวนี้นับว่ามีประโยชน์มากเหมือนกัน และไม่ได้ใช้ไปในทางเบียดเบียนใคร

   แต่ตำนานไสยศาสตร์ของไทยที่นับว่าออกจะร้ายจนถึงร้ายมากๆก็มีอยู่ไม่น้อย หลายๆเรื่องสยดสยองอย่างไม่น่าเชื่อ ดังเช่นตำนานน้ำมันพราย ที่เป็นของอาถรรพ์ทางด้านมหาเสน่ห์ แต่เป็นมหาเส่ห์ที่เจือปนไว้ด้วยความสยองเป็นอย่างยิ่ง

   น้ำมันพรายเป็นตำนานมหาเสน่ห์แบบสะกดจิตบังคับใจด้วยอำนาจของภูตผีปีศาจ จัดเป็นไสยดำในตำนานขั้นสุดยอดอย่างหนึ่ง น้ำมันพรายนี้ถ้าใครโดนเข้าไปแล้ว เป็นต้องเกิดความลุ่มหลงขาดสติไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องยอมมอบกายมอบใจ(แบบขาดสติ)ไปลุ่มหลงเจ้าของน้ำมันพรายนั้น มหาเสน่ห์แบบน้ำมันพรายจะออกไปในทางบังคับสะกดจิตสะกดใจ โดยอาศัยแรงภูตผีปีศาจบังคับ ซึ่งต่างกับวิชามหาเสน่ห์มหานิยมแบบไสยขาว คนที่ถูกน้ำมันพรายไปนานๆในที่สุดแล้วจะเสียสติวิกลจริตวิปลาส


ภาพโดยsihawatchara น้ำมันพราย

   ตำนานน้ำมันพรายมีมานานตั้งแต่ครั้งโบราณ ตำนานน้ำมันพรายเล่ากันมานานจนไม่สามารถสืบสาวราวเรื่องได้ว่า ต้นกำเนิดของตำนานน้ำมันพรายนั้นมีตั้งแต่สมัยไหน คงรู้กันเพียงว่าน้ำมันพรายใช้ทางเสน่ห์สะกดใจได้อย่างชะงัด และอาถรรพ์ของน้ำมันพรายนั้นร้ายแรงนัก อาถรรพ์น้ำมันพรายจะมีตั้งแต่เริ่มที่จะทำน้ำมันพรายกันเลยทีเดียว

   ความเป็นมาของน้ำมันพรายนั้นเล่าต่อๆกันมาว่า น้ำมันพรายเป็นของอาถรรพ์ที่มีภูตผีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง ต้องใช้ซากศพเข้ามาเป็นส่วนประกอบสำคัญ คือต้องเอาน้ำเหลืองจากศพมาปลุกเสกด้วยเวทมนต์ เมื่อจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำเหลืองจากศพ ดังนั้นจึงแน่นอนว่าศพที่ใช้นั้น จะต้องเป็นศพที่ยังไม่แห้ง จะไม่ใช่เป็นโครงกระดูก ซึ่งกระดูกคนตายนี้ก็มีวิธีทำเป็นวัตถุอาถรรพ์อีกแบบที่ไม่ใช่น้ำมันพรายโดยตรง

   ชื่อของน้ำมันพรายก็บอกไว้ชัดเจนแล้วว่าเป็นของเหลว คือใช้น้ำเหลืองหรือมีน้ำมันที่เยิ้มๆออกมาจากศพนั่นเอง ดังนั้นจึงใช้ศพที่แห้งกรังมาลนน้ำมันพรายไม่ได้ เพราะของเหลวจากศพแห้งไปหมดแล้ว เมื่อใช้ศพแห้งไม่ได้ย่อมหมายความว่า จำเป็นต้องใช้ศพที่ยังพอที่จะคงรูปคงร่างของมนุษย์อยู่ แน่นอนว่าสภาพของศพย่อมต้องมีการขึ้นอืดบ้าง หรือถึงขนาดเน่าดูน่าเกลียดน่ากลัว เมื่อนึกถึงสภาพศพที่ต้องใช้ทำน้ำมันพรายแล้ว เพียงแค่นี้ก็สยองไม่น้อย


ภาพโดยsihawatchara น้ำมันพรายก้นขวด

   ผู้รู้วิชาทำน้ำมันพรายโดยมากมักเป็นอาจารย์ไสยศาสตร์ที่โน้มเอียงไปทางหมอผี มักยึดอาชีพเป็นหมอผีจึงทำน้ำมันพรายจริงบ้างปลอมบ้างขายกันเป็นที่เอิกเกริก ส่วนอาจารย์ไสยศาสตร์หรือพระเกจิอาจารย์ท่านไม่ค่อยทำกัน เว้นแต่ท่านอาจลองวิชาเลยทดลองทำน้ำมันพรายขึ้นมา แต่ทำแล้วทดลองแล้วก็มักทำลายน้ำมันพรายนั้นทิ้งไป เท่าที่เคยพบมาพระอาจารย์ดีๆท่านทำอย่างนี้ทั้งนั้น

   คนแทบทั้งหมดมักเข้าใจผิดกันไปว่า น้ำมันพรายต้องทำจากศพหญิงที่ตายทั้งกลมหรือคลอดลูกตาย โดยใช้วิธีจุดเทียนลนไฟใต้คางศพผีตายทั้งกลม เพื่อให้มีน้ำมันหยดลงมาจากคางศพ แล้วจึงเอาไปใช้เป็นน้ำมันพราย แต่ความจริงแล้วการทำน้ำมันพรายนั้นสามารถใช้ศพผีตายแบบอื่นได้ด้วย เช่น ศพผีตายโหง จะใช้ทั้งศพหญิงศพชายก็ได้ เพราะมุ่งหมายให้มีแรงภูตผีปีศาจเข้ามาช่วย จึงไม่จำกัดเฉพาะว่าต้องเป็นเพศใด ทั้งบางทียังไม่ได้ใช้แค่เพียงศพเดียว อาจใช้มากกว่าศพเดียวไปเป็นหลายสิบศพตามแต่จะหาได้


ภาพจากภาพยนตร์ไทยเรื่อง น้ำมันพราย 3 D



ภาพยนตร์ไทย น้ำมันพราย 3 D

   ที่เข้าใจกันว่าน้ำมันพรายทำมาจากศพผีตายทั้งกลม ก็เพราะเชื่อกันว่าผีตายทั้งกลมเป็นผีที่เฮี๊ยนที่สุดดุร้ายที่สุด เพราะผีตายทั้งกลมมีแรงผีของผู้หญิงที่คลอดลูกตาย ซึ่งมีผีเด็กที่ตายพร้อมกันด้วย จึงมีแรงผีเป็นทวีคูณ ส่วนการที่เข้าใจกันไปว่า น้ำมันพรายต้องใช้เทียนลนไฟใต้คางผีตายทั้งกลมนั้น เนื่องจากดั้งเดิมวิธีนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ทำน้ำมันพราย แต่ยังมีวิธีอื่นอีกด้วย แต่บังเอิญว่ามีการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับผีตายทั้งกลมและการทำน้ำมันพราย ในภาพยนตร์นั้นสร้างให้ตื่นเต้น จึงมีฉากใช้เทียนลนไฟใต้คางผีตายทั้งกลม โดยใช้เวทมนต์บังคับศพให้ลุกขึ้นจากหลุมมานั่งให้ลนไฟใต้คาง เพื่อเอาน้ำมันที่หยดลงมา


ภาพยนตร์ไทย นางนาก แสดงสภาพศพที่มัดตราสัง

   ภาพยนตร์เกี่ยวกับน้ำมันพรายมีการสร้างกันมานานนมกาเลมาก แน่นอนว่าไม่มีภาพยนต์ที่เกี่ยวกับผีตายทั้งกลมเรื่องใดจะดังเท่าเรื่อง แม่นาคพระโขนง ซึ่งมีการสร้างกันมานานตั้งแต่ พ.ศ.2470 และในเรื่องแม่นาคพระโขนงนี่เอง ที่มีฉากไฮไลท์ของเรื่องเป็นตอนทำน้ำมันพราย โดยใช้เวทมนต์ปลุกผีแม่นาคให้ลุกขึ้นจากหลุม แล้วหมอผีจุดเทียนลนใต้คางศพแม่นาค เพื่อเอาน้ำมันพราย คนจึงจำกันไปว่าน้ำมันพรายต้องทำด้วยวิธีนี้เท่านั้น

   จากการที่ผู้เขียนเคยมีโอกาสพบเห็นตำราทำน้ำมันพรายมาบ้าง บังเอิญเคยพบอาจารย์ฆราวาสและพระอาจารย์ต่างๆที่เคยทำน้ำมันพราย ท่านที่เป็นพระนั้นท่านทดลองวิชาแล้วทำลายน้ำมันพรายทิ้ง ส่วนฆราวาสที่รู้จักยังเก็บน้ำพรายไว้ใช้ ที่สำคัญคือเอาไว้ขาย ทุกท่านต่างก็ให้ข้อมูลตรงกันว่า น้ำมันพรายทำจากน้ำเหลืองน้ำมันจากศพ ไม่บังคับว่าต้องทำจากศพผีตายทั้งกลมแต่อย่างไร บางตำราใช้กระทั่งเอาเมือกจากศพทารกมาทำเป็นน้ำมันพรายก็มี ส่วนพวกเศษกระดูกนั้นจะเอาไปทำเป็นผงผีไว้ใช้ประกอบกันบ้าง หรือใช้ในเรื่องผีๆรูปแบบอื่น


ภาพยนตร์ไทยเรื่อง นางนาก

สถานที่ทำน้ำมันพราย

   การทำน้ำมันพรายเป็นเรื่องผิดศีลธรรมเป็นอย่างยิ่ง และเป็นการกระทำทารุณกรรมกับศพอีกด้วย เมื่อการทำน้ำมันพรายเป็นเรื่องไม่ดีถึงขนาดนี้ จึงเป็นที่แน่นอนว่าการทำน้ำมันพรายจะต้องแอบทำ และต้องทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ขืนมัวทำชักช้าหรือทำให้เป็นที่เอิกเกริก เป็นต้องถูกคนพบเห็นจับเอาง่ายๆ ทั้งยังจะโดนญาติพี่น้องของคนตายรุมประชาทัณฑ์อย่างแน่นอน

ป่าช้า  น้ำมันพรายต้องทำจากศพ ดังนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่าต้องไปทำน้ำมันพรายในป่าช้า แต่สมัยนี้ป่าช้าไม่เปลี่ยวไม่ลับตาเหมือนเดิมแล้ว เว้นแต่ป่าช้าตามต่างจังหวัดที่ห่างไกลความเจริญที่ยังคงเป็นที่เปลี่ยวๆอยู่บ้าง แต่วัดกับชุมชนนั้นๆย่อมเจริญกว่าสมัยก่อนมาก ถ้ามีคนต่างถิ่นโผล่เข้าไปทำน้ำมันพราย ก็ต้องโดนเพ่งเล็งแน่นอน

   ถ้าสามารถแอบเข้าไปทำน้ำมันพรายในป่าช้าได้ ตามความเชื่อว่าบริเวณป่าช้าย่อมมีนายป่าช้าที่เป็นหัวหน้าภูติผีในที่นั้น จึงต้องจัดเครื่องเซ่นไปให้นายป่าช้าก่อน เชื่อกันว่านายป่าช้าชื่อยายกะลา ตากะลี หรือยายกะลี ตากะลา บางท้องถิ่นก็ว่าชื่อยายกะสีตากะสัง เรื่องเครื่องเซ่นตามตำราโบราณมักบอกเพียงว่า ให้จัดกุ้งพร่าปลายำและเหล้าไปเซ่น ส่วนจะมีเครื่องเซ่นอื่นๆก็สุดแต่จะจำๆกันมา เครื่องเซ่นผีตามจารีตนั้นใช้เป็นกระทงและกระบะสามเหลี่ยม

   เมื่อเข้าไปถึงหลุมฝังศพผีที่จะเอามาทำน้ำมันพรายแล้ว จึงรีบทำน้ำมันพรายให้เสร็จแล้วรีบฝังศพคืนลงหลุม


ภาพยนตร์ไทย นางนาก

ศพอยู่บนศาลาหรือเก็บไว้ในโรงทึมเก็บศพ  แบบนี้ต้องรู้กันกับสัปเหร่อ เพราะจะเข้าไปทำน้ำมันพรายในสถานที่นั้นกันเลย จะใช้วิธีพยุงศพขึ้นมาพอให้ทำน้ำมันพรายได้

สถานพยาบาลเถื่อน  สถานที่ๆเกี่ยวกับศพที่ใช้ทำน้ำมันพรายอีกประเภทหนึ่งก็คือสถานพยาบาลเถื่อน เช่นร้านหรือคลีนิคทำแท้ง แบบนี้จะเอาชิ้นส่วนศพ หรือบางทีถึงขนาดเข้าไปทำน้ำมันพรายถึงที่ เพราะรู้กันกับเจ้าของหรือรู้จักกับคนใน อาจารย์ฆราวาสคนหนึ่งยืนยันว่า แหล่งหาน้ำมันพรายที่สะดวกก็คือสถานที่แบบนี้

   ไม่ว่าจะไปทำน้ำมันพรายในสถานที่ไหน ก็ต้องรีบทำให้เร็วที่สุด ดังนั้นการทำน้ำมันพรายจะไม่มีพิธีที่ยืดเยื้ออะไร แต่พอได้น้ำมันพรายจากศพแล้ว ในภายหลังหมอผีจะใ้ช้เวลาปลุกเสกผสมน้ำมันพรายที่สำนักนานเท่าไรก็สุดแต่ว่ากันไป

    วิธีทำน้ำมันพรายจากคำบอกเล่าของท่านที่เคยทำน้ำมันพรายทั้งพระและฆราวาส พบว่ามีอยู่หลายวิธีสุดแต่ตำราจะว่าไป พอจะประมวลโดยสังเขปและเป็นส่วนที่เปิดเผยได้แบบไม่อันตรายมีดังนี้

น้ำมันพรายที่ใช้วิธีลนไฟใต้คาง

   วิธีทำน้ำมันพรายแบบนี้คนไทยเราจะคุ้นเคยกันมาก เพราะเห็นในภาพยนตร์ไทยบ่อยๆ ทั้งหมดจะเป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับผีๆสางๆและวัตถุอาถรรพ์ ภาพยนตร์ที่มีฉากทำน้ำมันพรายที่ฮิตที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นภาพยนตร์เรื่อง “แม่นาคพระโขนง” ซึ่งมีการสร้างมาตั้งแต่พ.ศ.2470 และยังสร้างติดต่อกันมาอีกนับสิบๆครั้ง แทบทุกครั้งต้องมีฉากลนไฟใต้คางศพแม่นาคเพื่อทำน้ำมันพราย

   ตามความเชื่อของคนทั่วๆไปนั้น มักคิดเชื่อตามภาพยนตร์ว่า น้ำมันพรายต้องทำจากศพผีตายทั้งกลม ผีตายทั้งกลมหมายถึงผีผู้หญิงที่ตายตอนคลอดลูก โดยลูกก็ตายก่อนคลอดออกมาด้วย ผีที่ตายพร้อมกันทั้งแม่ลูกนี้ คนไทยถือว่าเป็นผีที่ดุร้ายที่สุด หมอผีจะต้องไปนั่งที่ปากหลุมศพของผีตายทั้งกลมแล้วปลุกผีให้ลุกจากหลุมมานั่งด้วยเวทมนต์ แล้วจึงจุดเทียนเอาไฟลนที่ใต้คางศพที่นั่งอยู่ ความร้อนจากเปลวเทียนจะทำให้มีน้ำมันไหลลงมา จากนั้นจึงเอาถ้วยรองรับน้ำมันที่หยดลงมาจากคางศพ เพื่อน้ำไปปลุกเสกด้วยเวทมนต์คาถาในภายหลัง


ภาพยนตร์ไทย นางนาก

 ทำไมจึงต้องลนไฟจากใต้คางศพที่ขุดขึ้นมาจากในหลุม ข้อนี้มีสาเหตุอยู่คือ การทำศพของทางไทยเรานั้น จะมีการมัดตราสังศพก่อน จากนั้นจะมีการห่อศพด้วยผ้าขาวแล้วมัดด้วยด้ายดิบสีขาวหรือด้ายที่มีเส้นเป็นกลุ่ม การมัดด้วยด้ายดิบนี้จะมัดถึง 5 ปล้อง นับว่าแน่นหนาเอาการ ดังนั้นการที่หมอผีจะแกะเชือกที่มัดห่อศพนั้นจะต้องใช้เวลาไม่น้อย ถึงจะใช้วิธีตัดเชือกเอาดื้อๆก็ไม่สะดวกในการเก็บศพให้เข้าที่ เพราะศพต้องขึ้นอืดแน่นอน

   การที่ต้องใช้ผ้าห่อศพและผูกให้แน่นหนาถึงเพียงนี้ เหตุผลก็คือเพื่อแก้ปัญหาสภาพของศพที่จะต้องขึ้นอืดจนอาจดันโลงแตก จึงห่อศพแล้วมัดบังคับสภาพศพไว้ แต่การห่อศพมัดเอาไว้นี้จะมีเว้นช่องพอให้แหวกผ้าออกได้ตรงใบหน้าของศพ เพราะในพิธีศพนั้นจะต้องมีการใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพนั่นเอง ถ้าห่อศพจนไม่เหลือช่องว่างตรงใบหน้าศพแล้ว พอถึงต่อทำพิธีล้างหน้าศพก็ต้องรื้อผ้าห่อศพเป็นที่โกลาหล ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องเว้นช่องหลวมๆพอให้แหวกผ้าห่อศพได้บ้าง

   ในการทำน้ำมันพรายนั้น แน่นอนว่าถ้าหมอผีมัวทำพิธีชักช้า ก็อาจมีคนมาเห็นอาจถูกจับได้ และยิ่งถ้าเป็นญาติพี่น้องของคนตายมาเจอด้วยแล้ว รับรองได้เลยว่าพวกหมอผีต้องถูกรุมประชาทัณฑ์อย่างแน่นอน ดังนั้นการที่หมอผีจะทำน้ำมันพรายจึงต้องแอบทำ และใช้เวลาให้น้อยที่สุดในการเอาน้ำมันพรายจากศพ ด้วยเหตุนี้เองจึงใช้วิธีจุดเทียนลนไฟที่ใต้คางศพผีตายทั้งกลม เพราะผ้าห่อศพมีจุดนี้เพียงจุดเดียวที่เปิดผ้าออกมาได้ง่ายที่สุด

   น้ำมันพรายที่ใช้ไฟลนจากใต้คางศพจะมีปริมาณไม่มาก อาจได้มาเพียง 5-6หยด เมื่อได้มาแล้วจึงเอาไปผสมกับน้ำมันหรือน้ำหอม แล้วใช้เวทมนต์คาถาปลุกเสกเป็นของอาถรรพ์ที่มีแรงผีหนุน




น้ำมันพรายที่เป็นน้ำเหลืองศพไม่ใช้ไฟลน

   น้ำมันพรายแบบนี้จะใช้น้ำเหลืองน้ำมันที่ไหลเยิ้มออกมาจากศพ ไม่บังคับว่าศพนี้จะต้องเป็นผีตายทั้งกลม ไม่บังคับว่าเป็นศพผู้หญิง ของให้เป็นศพก็ใช้ได้ แต่นิยมว่าถ้าเป็นศพผีตายโหงก็จะเฮี๊ยนดี วิธีเอาน้ำเหลืองจากศพทำโดยใช้กระโถนไปรองเอาไว้ หรือใช้สำลีไปซับน้ำเหลือง เมื่อได้น้ำเหลืองน้ำมันมาแล้ว จะทำการปลุกเสกน้ำมันพรายต่อไป

 การใช้กระโถนไปรองรอเอาน้ำเหลืองที่ไหลเยิ้มออกมานั้น จะได้ปริมาณน้ำมันพรายพอควร แต่ใช้เวลามากเพราะต้องรอให้น้ำเหลืองค่อยๆหยด ศพที่ใช้จึงมักเป็นศพที่เก็บไว้ในโกดังเก็บศพเพื่อรอเผา ซึ่งญาติๆไม่ต้องมาดูเฝ้าศพแล้ว แต่การที่ไปทำน้ำมันพรายในโกดังเก็บศพนั้น ก็มีความน่ากลัวน่าสยองไม่น้อย เพราะต้องไปอยู่ท่ามกลางศพอื่นๆอีกหลายศพ แถมยังเป็นโรงเรือนจำกัดขอบเขตมิดชิด ซึ่งให้ความรู้สึกอึดอัดแบบไม่มีทางหนีสภาพแวดล้อมน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับเข้าไปอยู่ในบ้านของชุมชนผี ต่างกับในป่าช้าที่อย่างน้อยยังเป็นที่โล่ง ที่ให้ความรู้สึกว่าถ้ามีอะไรขึ้นมายังพอวิ่งหนีได้

   พระอาจารย์ผู้เรืองวิชาของจริงรูปหนึ่งเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ท่านยังหนุ่มเคยทดลองทำน้ำมันพราย ที่ทำน้ำมันพรายนั้นท่านไม่ได้ทำเพื่อเอาไปให้ใครใช้เบียดเบียนคน ท่านทดลองทำเพื่อดูปฏิกิริยาของอาถรรพ์น้ำมันพราย เพื่อที่เวลาแก้ไขจะได้แก้ได้อย่างเด็ดขาดจริงๆ เข้าทำนองเรียนผูกแล้วเรียนแก้นั่นเอง

   วิธีการของพระอาจารย์ท่านว่า เมื่อมีศพผีตายโหงของผู้ที่ท่านคุ้นเคยเอามาไว้ที่กุฏิ ท่านได้แจ้งขออนุญาตจากญาติพี่น้องของศพว่า ท่านจะทดลองวิชาน้ำมันพรายเพื่อที่จะทดลองวิชาแก้ เมื่อทดลองเสร็จแล้วก็จะคลายมนต์ที่ผูกวิญญาณผู้ตาย พอนำศพมาตั้งไว้ในกุฏิ ก็จัดให้ศพนั้นนอนหงายโดยช่วงศีรษะของศพนั้นยื่นล้ำออกจากเตียง ด้วยลักษณะนี้ศีรษะของศพจึงห้อยตกลง(น่ากลัวชะมัด) ท่านก็เอากระโถนไปรองไว้ที่ใต้ต้นคอศพ 

   หลังจากนั้นก็รอให้ศพขึ้นอืด(นี่ก็น่ากลัวอีก) ระยะนี้จะมีน้ำเหลืองเยิ้มออกจากศพ จากท่าของศพที่จัดไว้ตามที่พระอาจารย์เล่าให้ฟังนั้น น้ำเหลืองจึงจะไหลลงมาตามต้นคอแล้วหยดลงไปในกระโถน จากนั้นพระอาจารย์จึงทำการเสกปลุกให้เป็นน้ำมันพราย

   วิธีการของท่านก็คือใช้อาคมเรียกวิญญาณของผู้ตายให้มาปรากฏ จากนั้นจึงผูกกรึงวิญญาณนั้นไว้ก่อน เพื่อไม่ให้วิญญาณล่องลอยไปไหน ขั้นตอนนี้ยากต้องประกอบด้วยสมาธิจิต เพราะเป็นการฝืนแรงกรรมบ้างในบางกรณี ตอนผูกกรึงวิญญาณนั้นก็ผูกไว้ที่น้ำมันพรายนั่นเอง

   เมื่อผูกวิญญาณไว้กับน้ำมันพรายได้แล้ว จึงเท่ากับว่าน้ำมันพรายนี้มีวิญญาณผีตายโหง


ภาพโดยsihawatchara สีผึ้งผสมน้ำมันพรายและผงกระดูก

   พอได้น้ำมันพรายผีตายโหงแล้ว จึงทดลองโดยให้ศิษย์เอาไปดีดน้ำมันพรายใส่ผู้หญิง แต่วิธีการของท่านแยบคายมากๆ เพราะท่านให้ไปดีดน้ำมันพรายใส่ผู้หญิงที่เกลียดศิษย์ แล้วให้ศิษย์กลับมานั่งรอที่กุฏิ ข้อนี้เพราะท่านไม่เปิดโอกาสให้ศิษย์ฉวยโอกาสทำอะไรเกินเลยกับผู้หญิงนั่นเอง

   เมื่อศิษย์ไปดีดน้ำมันพรายใส่ผู้หญิงและศิษย์กลับมาที่กุฏิแล้ว สักพักผู้หญิงคนนี้ก็เดินซึมมาที่กุฏิเพื่อมาหาศิษย์ของพระอาจารย์ ผู้หญิงคนนี้เคยดูหมิ่นเกลียดชังคนดีดน้ำมันพรายมาก แต่พอมาถึงก็แสดงอาการหลงใหลไม่ได้สติ

   พระอาจารย์จึงทำน้ำมนต์ประพรมแก้ไขผู้หญิงที่โดนน้ำมันพราย พอน้ำมนต์โดนตัวเท่านั้นก็ได้สติแล้วงงๆว่าตนเองมานั่งที่วัดได้อย่างไร หลังจากนั้นพระอาจารย์จึงทำขวัญผู้หญิงคนนี้ด้วยวัตถุมงคลชั้นยอดของท่าน

   น้ำมันพรายที่มอบให้ศิษย์ไปทดลองนั้น จะเห็นได้ว่าพระอาจารย์เรียกวิญญาณผีตายโหงมาผูกไว้กับน้ำมันพราย ซึ่งเป็นขั้นตอนการปลุกวิญญาณเรียกวิญญาณ แล้วจึงผูกวิญญาณไว้กับน้ำมันพรายเพื่อใช้งาน แต่รายละเอียดยังมีมากกว่านั้นคือ พระอาจารย์ท่านจำกัดขอบเขตการใช้น้ำมันพรายไว้ เพื่อให้ใช้ได้แต่เฉพาะน้ำมันพราย แต่ไม่สามารถใช้วิญญาณผีตายโหงตนนั้นได้ เพราะเรื่องนี้อันตรายเกินไปสำหรับคนธรรมดา

   พระอาจารย์ปลุกเรียกวิญญาณมาผูกไว้ในน้ำมันพราย และทดลองอาถรรพ์ของน้ำมันพรายแล้ว ท่านจึงใช้อาคมกำกับสั่งให้วิญญาณนั้นไปสืบข่าวตามที่ท่านสั่ง โดยการใช้อาคมบังคับส่งวิญญาณไปทำการ เรียกว่า ส่ง และขับ เมื่อท่านทดลองแล้วท่านจึงทำลายอาถรรพ์น้ำมันพราย โดยการทำน้ำมนต์รดที่น้ำมันพราย และจัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณเจ้าของน้ำมันพรายให้ไปสู่สุคติ

   หลวงพ่อพระอาจารย์รูปนี้เล่าว่า การเอาผีมาใช้นั้นบางทีไม่มีผลอะไรเลย เพราะผีวิญญาณนั้นเขาไปเกิดแล้ว 

   การส่งขับวิญญาณผีที่เอามาทำน้ำมันพราย จะต้องเป็นเรื่องของผู้รู้วิทยาคม ดังเช่นพระอาจารย์ที่ปลุกวิญญาณก่อนแล้วจึงเรียกให้มา จากนั้นจึงผูกกรึงวิญญาณไว้กับน้ำมันพราย แล้วจึงให้ศิษย์นำไปใช้ ส่วนการส่งขับวิญญาณนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประมาณว่าว่าใช้วิญญาณให้ไปทำการใดๆ เช่นที่มีเรื่องเล่ากันมาแต่สมัยโบราณว่า ผู้มีอาคมสามารถใช้ผีให้ไปสิงสู่ไปหลอกหลอนคนได้นั่นเอง

   การเสกปลุกน้ำมันพรายของพระอาจารย์เป็นเรื่องจริง เพราะท่านเป็นผู้เรืองวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง ภายหลังท่านเป็นพระอาจารย์ที่โด่งดังในระดับต้นๆของเมืองไทยในช่วงครบสองร้อยปีรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา 


น้ำมันพรายที่ใช้ของเหลวอื่นๆจากศพ

   น้ำมันพรายแบบนี้จะมีปริมาณมากกว่าน้ำมันพรายแบบอื่น น้ำมันพรายที่ได้บางทีได้ถึงเป็นขันหรือเป็นลิตรเลยก็มี ผู้เขียนเคยเห็นมากับตาว่า อาจารย์ฆราวาสคนหนึ่งใส่น้ำมันพรายไว้ในขวดโหลขนาดค่อนข้างใหญ่ ประมาณร่วม 3 ลิตร

   การทำน้ำมันพรายแบบนี้จะใช้น้ำเหลืองน้ำหนองเลือดเมือกรวมทั้งไขมัน ตลอดจนมีเศษเนื้อที่เละๆเน่าเปื่อยปนมาด้วย ลักษณะแบบนี้ลองนึกถึงก้อนเนื้อที่เน่าเฟะที่มีน้ำแฉะๆเหนียวเหนอะน่ะ หรือที่พอจะใกล้เคียงอีกก็คือปลาร้าที่เละๆแบบเนื้อละลายง่ายๆ

   บางทีได้เป็นก้อนเลือดที่เริ่มก่อตัวเป็นทารกในครรภ์ แต่เคราะห์ร้ายแท้งลูกเสีย หรือมีการทำแท้งไม่ให้เด็กได้เกิด อาจารย์ฆราวาสผู้เฒ่าคนหนึ่งเล่าว่า ถ้าจะให้สะดวกที่สุดก็ใช้เป็นก้อนเลือดที่ได้จากการทำแท้ง ก้อนเลือดนี้จะว่าไปแล้วก็คือทารกในอนาคตนั่นเอง จึงถือเป็นซากศพหรือใกล้เคียงกับซากศพ




การปลุกเสกน้ำมันพราย

   เมื่อได้น้ำมันพรายมาแล้ว จะต้องทำการเรียกวิญาณมาผูกสะกดไว้ เพื่อให้คอยให้แรงผีกำกับน้ำมันพราย บางตำรายังให้เสกด้วยคาถามหาเสน่ห์ต่างๆ แต่บางตำรานั้นผู้เขียนหรือแอดมินก็เห็นว่าชอบกลๆไม่น่าจะใช่ เพราะดันให้เสกด้วยพุทธคุณ หรือบางอาจารย์ให้เสกกำกับน้ำมันพรายเวลาจะใช้ด้วยพระพุทธมนต์ แบบนี้มั่วแน่นอน

   บางตำรับให้เสกน้ำมันพรายเจ็ดเสาร์เจ็ดอังคาร หรือห้าเสาร์ห้าอังคาร หรือให้เสกจนกว่าจะเห็นวิญาณเจ้าของน้ำมันพรายมาปรากฏร่าง แต่ส่วนมากจะใช้วิธีถามที่เรียกว่าพูดเองเออเอง คือถามวิญาณว่ามาแล้วหรือยัง แล้วพูดตอบเองว่ามาแล้ว

   จากการกราบเรียนสอบถามพระอาจารย์หลายท่านได้ความตรงกันว่า ตอนที่ทำน้ำมันพรายหรือวิชาใดที่ต้องใช้ศพใช้ผีนั้น ต้องรวบรัดทำให้เร็วแล้วจึงค่อยไปเสกคาถาอาคมบทยาวภายหลัง ตอนที่ทำแรกๆจึงนิยมใช้พระคาถานิพพานสูตรซึ่งสั้นๆแต่มีฤทธิ์คือ

   ปลุกผี   โสสะอะนิ
   เรียกผี   สะอะนิโส
   ผูกผี      อะนิโสสะ
   ขับผี      นิโสสะอะ


ภาพยนตร์ไทนน้ำมันพราย 3 D

   น้ำมันพรายนี้จะเอาน้ำมันหรือน้ำมันหอมต่างๆมาผสม น้ำมันที่นิยมใช้ในสมัยก่อนมักใช้น้ำมันงาน้ำมันมะพร้าว แต่ที่ต้องการที่สุดคือน้ำมันหอม บางทีก็ผสมกับสีผึ้งซึ่งมีทั้งสีผึ้งธรรมดากับสีผึ้งปิดหน้าศพ เมื่อผสมแล้วปลุกเสกแล้วจึงค่อยเอาไปใช้ ผู้เขียนเคยถูกขอร้องจากฆราวาสผู้เฒ่าที่ทำน้ำมันพราย ให้ช่วยเป็นธุระหาน้ำมันหอมมาให้ เพื่อที่แกจะเอาไปผสมกับน้ำมันพรายที่ทำเอาไว้ พอผู้เขียนส่งไปให้แกก็ดีใจว่า น้ำมันหอมที่ส่งไปนั้นหอมมากๆ หอมแบบที่แกไม่เคยเจอมาก่อน หอมจนกลบกลิ่นเหม็นของน้ำมันพรายที่ทำไว้ได้มาก

   ฆราวาสผู้เฒ่าที่ทำน้ำมันพรายนี้ เคยมอบน้ำมันพรายหัวเชื้อให้ผู้เขียนถึงหนึ่งขวดเนสกาแฟขวดใหญ่ แต่ผู้เขียนไม่เอาเพราะไม่ชอบทางนี้ ที่สำคัญก็คือ พอเปิดฝาขวดดูก็มีกลิ่นเหม็นคาวมากๆฟุ้งไปหมด ทนกลิ่นไม่ได้จริงๆ เลยคืนแกไปซึ่งแกก็งงๆว่าทำไมผู้เขียนจึงไม่เอา เพราะมีแต่คนมาขอซื้อจากแกบ่อยๆ แกแบ่งขายให้คนละหน่อยเดียว


ภาพโดยsihawatchara น้ำมันพราย

  อาถรรพ์น้ำมันพราย

   นอกจากวิธีเอาน้ำมันพรายมาผสมกับน้ำหอมแล้ว บางทียังเอามาผสมกับสีผึ้ง แต่สีผึ้งน้ำมันพรายนี้ไม่ได้ใช้สีปากแต่อย่างไร วิธีนี้เป็นการเก็บน้ำมันพรายที่สะดวกวิธีหนึ่ง สีผึ้งผสมน้ำมันพรายใช้พกติตัวเก็บรักษาได้ง่าย ไม่ต้องกลัวว่าจะหล่นพื้นขวดแตกเหมือนน้ำมันพรายแบบผสมน้ำหอม ซึ่งใส่ขวดแก้วเล็กๆ

   อาถรรพ์ของน้ำมันพรายนั้น จุดมุ่งหมายของการทำน้ำมันพรายย่อมมุ่งไปที่บังคับสะกดใจให้ลุ่มหลง หรือที่เรียกกันว่าทำเสน่ห์นั่นเอง น้ำมันพรายนี้ถ้าเอาไปดีดไปป้ายถูกใคร คนๆนั้นก็จะต้องเกิดอาการขาดสติ เกิดหลงรักเจ้าของน้ำมันพรายที่เอาไปป้ายโดนตัว ยอมมอบกายให้ยอมเชื่อฟังคำสั่ง ถ้าไม่ได้เจอกันก็จะพร่ำเพ้อ พอนานเข้าก็จะป้ำๆเป๋อ ในที่สุดแล้วจะเสียสติ


ภาพโดยsihawatchara น้ำมันพรายในรูปแบบสีผึ้ง


ภาพโดยsihawatchara สีผึ้งน้ำมันพรายเลอะไปถึงกระดาษที่ห่อไว้

   เสน่ห์แบบน้ำมันพรายแฝงโทษเอาไว้ด้วย คือผู้ที่โดนน้ำมันพรายหรือที่เรียกกันว่าโดนของนั้น จะขาดสติเพราะโดนอำนาจของผีที่เอาศพมาทำน้ำมันพราย จะโดนอาถรรพ์น้ำมันพรายสะกดจิตสะกดใจให้ไปหลงรักคนที่ใช้น้ำมันพราย ต่อให้เคยเกลียดแสนเกลียดก็ต้องพร่ำเพ้อไปหลงรักคนใช้น้ำมันพราย คนที่โดนน้ำมันพรายนั้นถ้าไม่แก้อาถรรพ์แล้ว พอนานๆก็จะแก้ไขได้ยาก แบบนี้เชื่อกันว่าโดนน้ำมันพรายนานจนน้ำมันพรายเข้าถึงกระดูก

   อาการของคนที่โดนอาถรรพ์น้ำมันพราย จะมีอาการเหม่อลอย จะคิดถึงเห็นภาพเจ้าของน้ำมันพรายจนพร่ำเพ้อ บางทีก็เห็นภาพว่าเจ้าของน้ำมันพรายมานั่งพรอดรักด้วยกัน มีอาการนั่งหรือนอนพูดคนเดียวถึงเจ้าของน้ำมันพราย ถึงขนาดว่ารู้สึกว่าพูดคุยกับเจ้าของน้ำมันพรายอยู่จริงๆ ถ้าแก้ไขอาถรรพ์น้ำมันพรายไม่ทัน สุดท้ายก็จะเสียสติวิกลจริต ในที่สุดก็จะผ่ายผอมตายไป หรือเสียสติอาละวาดทำร้ายตัวเองจนตาย อาการที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นการโดนอำนาจผีบังคับ

   ถ้าเก็บน้ำมันพรายไว้ที่ไหน บริเวณนั้นมักวังเวงชอบกล อาจระแวงเห็นเป็นเงา บางคนอาจถึงกับเห็นเป็นผีกันเลยทีเดียว




   อาถรรพ์น้ำมันพรายอีกอย่างหนึ่งนั้นไม่ค่อยทราบกันนัก เพราะนึกกันเพียงแต่ว่าน้ำมันพรายใช้ทางเสน่ห์ ความจริงแล้วน้ำมันพรายยังถูกใช้ในแบบรังควานทำร้ายด้วย แต่วิธีนี้โดยมากพวกหมอผีเป็นผู้ใช้

   การใช้น้ำมันพรายในแบบรังควานทำร้ายนั้น หมอผีจะเป็นผู้บังคับใช้ผีที่เอามาทำน้ำมันพราย ให้ไปรังควานหลอกหลอนหรือเข้าสิงคน นับว่าเป็นการใช้คุณไสยแบบหนึ่ง แต่ที่เคยพบส่วนมากนั้นจะให้คนเอาน้ำมันพรายไปหยดไว้ในบ้านหรือบริเวณบ้านของเป้าหมายที่จะทำคุณไสย

   บ้านหรือกิจการร้านค้าที่เป็นเป้าหมายทำคุณไสยน้ำมันพราย จะเกิดลักษณะที่เรียกกันว่าซวยซ้ำซวยซ้อน คนในบ้านจะทะเลาะเบาะแว้ง หรือคนในบ้านเจ็บป่วยโดยไม่มีสาเหตุรักษาก็ไม่หาย บ้านจะขาดชีวิตชีวาดูวังเวงขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ ถ้าเป็นกิจการก็จะถดถอยย่ำแย่ บางทีอาจเห็นเป็นภูติผีปีศาจมาหลอกให้ตกใจกลัว ที่ร้ายสุดคือผีตนที่เป็นต้นกำเนิดน้ำมันพรายจะเข้าสิงร่าง ทำให้เสียสติวิกลจริตจนกระทั่งถึงตายได้

แก้อาถรรพ์น้ำมันพราย

   วิธีแก้อาถรรพ์น้ำมันพรายนั้น จะแก้ด้วยการรักษาอาการคลุ้มคลั่งแบบแพทย์สมัยใหม่ไม่ได้ เพราะการคลุ้มคลั่งนั้นเกิดจากแรงผีและเวทมนต์คาถาไสยศาสตร์ จึงต้องแก้ด้วยไสยศาสตร์หรือต้องใช้อำนาจพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ คัดล้างอาถรรพ์น้ำมันพรายออกจากร่างกาย

   การถอนอาถรรพ์น้ำมันพรายมักใช้การเสกน้ำมนต์ให้คนโดนน้ำมันพรายดื่มและอาบ และเอาน้ำมนต์ไปรดที่น้ำมันพรายเพื่อทำลายอาถรรพ์ น้ำมันพรายที่ถูกล้างอาถรรพ์ไปแล้ว จะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป

   ในกรณีที่โดนอาถรรพ์น้ำมันพรายด้วยวิธีทำคุณไสยปล่อยมาที่บ้านเรือน ก็เอาน้ำมนต์ไปประพรมตรงบริเวณที่เห็นผี หรือบริเวณที่รู้สึกว่าไปยืนใกล้ๆแล้วรู้สึกวังเวงเสียวหวาดๆ ถ้าไม่แน่ใจก็ให้เอาน้ำมันประพรมทั่วบ้านเลย ถ้าบ้านนั้นโดนคุณไสยน้ำมันพรายจริงๆ และน้ำมนต์ของเราเป็นน้ำมนต์ขลังจริงๆ จะต้องเห็นอะไรผิดปกติขึ้นมา เช่น อาจได้กลิ่นเหม็นของซากศพวูบขึ้นมา อาจได้ยินเหมือนมีของตกหล่น หรือพอประพรมน้ำมันแล้วอยู่ๆก็รู้สึกโล่งอกสบายใจหรือมาหายกังวล ในบางกรณีนั้นบางทีถึงกับเห็นเป็นเงาผีวูบหนึ่ง


ภาพโดยsihawatchara ขันน้ำมนต์

   เมื่อประมาณสี่สิบกว่าปีก่อน ผู้เขียนเคยเห็นหลวงพ่อเอียวัดบ้านด่าน จ.ปราจีนบุรี แก้อาถรรพ์น้ำมันพราย คือมีชาวบ้านพาผู้หญิงที่คลุ้มคลั่งคนหนึ่งมาขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อเอีย หญิงคนนี้เพ้ออาละวาดจะไปหาผู้ชาย ชาวบ้านจึงแน่ใจว่าต้องไปโดนน้ำมันพรายมาแน่ๆ จึงจับตัวพามาหาหลวงพ่อเอีย 


หลวงพ่อเอียวัดบ้านด่าน จ.ปราจีนบุรี

   หลวงพ่อเอียใช้ให้ผู้เขียนไปเอาถังน้ำมาวางไว้ที่ข้างหน้าท่าน จากนั้นหลวงพ่อเอียก็ทำน้ำมนต์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วประพรมน้ำมนต์ไปที่ผู้หญิงคนนี้ ปรากฏว่าพอโดนน้ำมนต์หลวงพ่อเอียเข้าเท่านั้น หญิงคนนี้ก็อาเจียรออกมาเป็นน้ำเมือกเหม็นมาก แล้วก็ได้สติหายเป็นปกติ พอพูดคุยซักถามได้ความว่า ก่อนหน้านี้อยู่ๆก็รู้สึกวูบขึ้นมา เห็นเหมือนมีเงาเข้ามาหาตัว แล้วจำอะไรไม่ได้นอกจากรู้สึกทุรนทุรายอยากไปหาชายคนหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีคนชวนให้ไปหา ผู้หญิงคนนี้เล่าว่ารู้สึกตัวได้สติก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่วัดหลวงพ่อเอีย ก่อนหน้านั้นจำอะไรไม่ได้เลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง

   ประสบการณ์จริงเรื่องหนึ่งเกิดกับเพื่อนของผู้เขียน เพื่อนคนนี้รู้ตัวว่ามีคู่แข่งในที่ทำงานคอยปัดแข้งปัดขา คอยใส่ร้ายในเรื่องหน้าที่การงานบ่อยๆ แต่ก็ทำอะไรเพื่อนผู้เขียนไม่ได้เพราะเพื่อนเป็นคนดีที่ได้รับการยอมรับในวงงาน แต่แล้วเพื่อนก็ได้รับการเตือนจากผู้หวังดีที่แอบมาบอกว่า คู่แข่งไปจ้างอาจารย์ไสยศาสตร์ทำคุณไสยใส่

   เพื่อนคนนี้มานึกดูก็รู้สึกว่า ช่วงเวลาดังกล่าวนั้น รู้สึกมีอะไรผิดปกติแต่ไม่ได้นึกถึงมาก่อน เพียงแต่รู้ตัวว่ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น คือรู้สึกว่าภรรยาหงุดหงิดชวนทะเลาะบ่อยแบบที่ไม่เคยเป็น ที่บ้านดูไม่มีชีวิตชีวาไม่สดชื่นแบบแปลกๆ เวลาดึกๆมองหรือเดินไปที่ข้างรั๊วบ้านรู้สึกหวาดๆชอบกล คล้ายๆเห็นมีคนมายืน บางทีก็รูสึกตัวว่าคล้ายๆมีคนมายืนมอง หรือมีอะไรเข้ามาทางด้านหลังบ่อยๆ


ภาพโดยsihawatchara มีดหมอเล่มเล็ก

   เพื่อนจึงแน่ใจว่าโดนคุณไสยเข้าให้แล้ว จึงเล่าให้ผู้เขัยนฟังและหาทางแก้ไข ผู้เขียนจึงมอบมีดหมอลงอาคมเล่มเล็กๆของพระอาจารย์ให้ มีดหมอที่ปลุกเสกมาดีแล้วนับเป็นของวิเศษที่ป้องกันและแก้อาถรรพ์มนต์ดำได้อย่างชะงัด เพื่อนจึงเอามีดหมอไปทำน้ำมนต์ถอนอาถรรพ์ โดยเอามีดไปแกว่งในขันน้ำอธิษฐานถึงครูบาอาจารย์ขอทำน้ำมนต์

   เมื่อทำน้ำมนต์แล้วจึงประพรมน้ำมนต์ไปทั่วบ้าน สุดท้ายเอาน้ำมนต์มาประพรมตรงบริเวณรั๊วบ้านตรงที่เคยเห็นเงา ปรากฏว่าเกิดมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที เป็นกลิ่นซากศพชัดๆ และรู้สึกว่าต้นไม้ตรงรั๊วนั้นเกิดสั่นไหวครู่หนึ่งเหมือนเอาไม้ไปตีแรงๆ

   หลังจากที่เพื่อนทำน้ำมนต์ล้างอาถรรพ์แล้ว อยู่ๆที่บ้านมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ภรรยาก็หายหงุดหงิดเอาดื้อๆ เพื่อนบ้านก็ไปมาหาสู่ทักทายกันเป็นปกติ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าต้องมีคนมาทำคุณไสยใส่แน่นอน

   หลังจากนั้นเพื่อนจึงสืบทราบว่า คู่แข่งไปจ้างอาจารย์ไสยศาสตร์ทำคุณไสยใส่เพื่อนคนนี้ และได้น้ำมันพรายมาแอบเอาไปเทไว้ตรงใกล้โคนต้นไม้หน้าบ้าน ซึ่งก็คือตรงบริเวณที่เพื่อนเห็นเงาผีนั้นเอง

     น้ำมันพรายเป็นไสยดำที่ร้ายแรง คนที่นำไปใช้นับว่าก่อเวรกรรมเป็นบาป แต่ก็มีคนใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของน้ำมันพรายกันอยู่เสมอ และยังคงมีคนต้องการเป็นเจ้าของน้ำมันพรายตลอดไป

   น้ำมันพรายจะยังคงเป็นตำนานมหาเสน่ห์ปนสยองต่อไปอีกนานแสนนาน












เรื่องจากความทรงจำที่เคยกราบเรียนถามพระอาจารย์ต่างๆ รวมทั้งตำราที่เคยพบ และฆราวาสผู้เฒ่าที่ทำน้ำมันพรายจริง
รูปภาพจากภาพยนตร์ไทยเรื่อง นางนาก และ น้ำมันพราย 3 D
รูปโดยsihawatchara อนุญาตให้นำไปใช้ได้ตามสบาย