วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย.๑๖ มีดหมอ

มีดหมอ..Holy Knife , Magic Knife




   ความเชื่อเรื่องอำนาจที่เหนือธรรมชาติมีมาแต่ครั้งโบราณ  เรื่องของเทวดาและภูตผีปีศาจมีอยู่ในความเชื่อของทุกชาติในโลก แน่นอนว่าต้องรวมความเชื่อเรื่องเวทมนตร์คาถาเอาไว้ด้วย เวทมนตร์คาถาต่างๆนั้นนับเป็นเครื่องมือที่ใช้สนองความต้องการของมนุษย์ ให้ใช้ไปในด้านต่างๆสารพัด แต่เมื่อพิจารณาแล้วล้วนไม่พ้นไปจากหลักใหญ่สองประการคือ ใช้ในทางร้ายที่นิยมเรียกว่าไสยดำ และใช้ในทางดีที่นิยมเรียกว่าไสยขาว

   เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้งไสยดำไสยขาวนั้น ต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า ผู้เรียนรู้ทางเวทมนตร์คาถานั้น จำเป็นที่จะต้องมีวัตถุอาถรรพ์หรือของวิเศษประเภทหนึ่งเอาไว้ประจำตัว ซึ่งของวิเศษดังกล่าวนี้ ทั้งทางไสยขาวและไสยดำต่างมีวัตถุประสงค์ในการใช้ตรงกัน คือใช้ในการป้องกันตัวและใช้ทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม นั่นคือต้องมีอาวุธวิเศษประจำตัว โดยอาวุธวิเศษนี้จะต้องมีฤทธิ์ใช้กำจัดศัตรู ใช้ทำลายล้างเวทมนตร์ อาถรรพ์ภูตผีปีศาจ และป้องกันภัยจากอำนาจเร้นลับเหนือธรรมชาติได้

   ของวิเศษดังกล่าวนี้ ทางไทยเรามักนิยมที่จะใช้เป็น มีด พระขรรค์ ดาบ กริช เส้นหวาย ไม้เท้ายาว ไม้เท้าสั้น ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องลงอาคมอักขระเลขยันต์เสกปลุกไว้ ที่นิยมสร้างกันมากที่สุดก็คือทำเป็นมีดสั้นลงอักขระเลขยันต์ ลงคาถาอาคม เรียกว่า มีดหมอ

   
ภาพโดย sihawatchara มีดหมอด้ามงาช้าง
   คำว่ามีดหมอในที่นี้ มิได้หมายถึงมีดที่เป็นของคุณหมอหรือนายแพทย์ และมิได้หมายถึงอุปกรณ์ในทางการแพทย์ที่เป็นมีดเล็กๆที่เรียก Scalpel, Lancet คำว่ามีดหมอตามความหมายของแอดมินหรือผู้เขียนนี้ หมายถึงมีดที่เป็นวัตถุอาถรรพ์ชนิดหนึ่ง เป็นมีดที่ลงอาคมปลุกเสก เป็นมีดที่สำเร็จได้ด้วยเวทมนตร์ ใช้เป็นอาวุธวิเศษที่จะกำราบปราบอาถรรพ์ภูตผีปีศาจ กำจัดคุณไสยทั้งปวง ทั้งยังใช้ทำลายเวทมนตร์ที่ฝ่ายศัตรูใช้คุ้มกันตนเอง เช่นใช้มีดหมอทำลายปริมณฑลของเวทมนตร์ หรือที่ชัดๆก็คือใช้มีดหมอฟันแทงศัตรูที่อยู่ยงคงกระพัน

   ตำนานการสร้างมีดหมอลงอาคมของไทยเรานั้นมีมาก มีทั้งที่ทำได้โดยไม่ยากนัก คือ เอามีดที่ตีแบบทั่วไปหรือมีดที่ทำไว้ใช้งานทั่วๆไป เอามาลงอักขระเลขยันต์ แล้วเสกปลุกให้มีฤทธิ์ มีดแบบนี้ก็เป็นทำนองเดียวกันกับมีดหมอสมัยใหม่ ที่เอามีดสั่งทำสำเร็จรูปจากทางร้าน เอามาเสกปลุกให้ขลัง ซึ่งมีดจะขลังหรือไม่ขลังก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านผู้เสกปลุกมีด ว่าจะเป็นผู้มีสมาธิจิตจริงหรือไม่ มีดหมอทำนองนี้ที่ปรากฏว่าขลังจริงก็มีไม่น้อย และแน่นอนว่ามีดหมอแบบนี้ก็มีไม่น้อยที่ไม่ขลังเอาเสียเลย เพราะเป็นมีดหมอที่ทำมาเพื่อการพาณิชโดยตรง โดยคนสร้างไม่สนใจว่าจะขลังหรือไม่ เพราะตั้งใจมาขายมีดหมอเอาเงินอย่างเดียว ของจะดีไม่ดีข้าไม่สน


ภาพโดยsihawatchara มีดแบบทำสำเร็จรูปทั่วไป

   มีดหมอที่พิถีพิถันในการสร้างให้ถูกต้องตามตำราก็ยังมีสร้างกันบ้าง แบบนี้สร้างได้ยากจนถึงยากมาก และมีไปจนถึงสร้างยากสุดๆจนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีทางสร้างได้สำเร็จเลยก็มี เพราะข้อจำกัดในตำรามีมากเกินไป เช่นวัตถุธาตุที่ต้องใช้บางอย่าง ในยุคนี้กลายเป็นของที่หาไม่ได้แล้ว บางอย่างกลายเป็นของผิดกฎหมายก็มี ดังนั้นในปัจจุบันนี้ มีดหมอของพระอาจารย์ยุคเก่าที่สร้างตามตำรับมีดหมอจริงๆจึงมีราคาแพงมาก และหายากมากๆ นับเป็นของวิเศษในฝันของผู้นิยมเครื่องรางของขลังกันเลยทีเดียว


ภาพsihawatchara มีดหมอโรงงานแบบสำเร็จรูป ซื้อไปเสก
ตำรับการสร้างมีดหมอ

   มีดหมอมีอยู่ในทุกภาคของประเทศไทย ดังนั้นตำราการสร้างมีดหมอจึงมีอยู่หลายแบบ มีทั้งแบบที่สร้างได้ไม่ยากนัก มีไปจนถึงตำราการสร้างมีดหมอแบบที่ทำได้ยากสุดๆ ยากจนพอมาถึงยุคปัจจุบันนี้แล้ว ก็ไม่น่าที่จะสร้างได้เสียแล้ว แต่ถ้าจะแยกประเภทของมีดหมอแบบง่ายๆ จะมีอยู่สองประเภทคือ

     ๑.มีดหมอที่เป็นอาวุธ
     ๒.มีดหมอใช้ในพิธีกรรม

   มีดหมอทั้งสองประเภทนี้ความจริงแล้วก็เป็นมีดหมอที่ลงอาคมเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่แบบหนึ่งต้องการใช้เป็นอาวุธด้วย ส่วนอีกแบบหนึ่งต้องการใช้เฉพาะในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ


ภาพsihawatchara มีดหมอตำรับวัดประดู่ทรงธรรม ไม่มีคม


มีดหมอที่เป็นอาวุธ

   ความตั้งใจในการใช้มีดหมอแบบนี้ จะเจาะจงมาตั้งแต่แรกเลยว่า นอกจากจะใช้ในทางคาถาอาคมแล้ว ต้องการที่จะใช้เป็นอาวุธแบบใช้ฟันแทงกันจริงๆด้วย ดังนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่า วัสดุโลหะที่ใช้ทำใบมีด จะต้องมีความแข็งแกร่งให้สมกับที่เป็นอาวุธ รูปทรงของมีดจะต้องมีส่วนที่ทำให้แหลมและมีความคม ซึ่งก็คือสามารถใช้เป็นอาวุธได้จริงๆ มีดหมอชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่ตามขนาดที่ใช้งานได้จริง มักมีขนาดเขื่องๆเหมาะมือ นอกจากนี้ยังมีทำเป็นมีดขนาดใหญ่มากก็มี บางทีมีขนาดใหญ่จนแทบที่จะต้องเรียกกันว่าดาบสั้นกันเลย

   มีดหมอทุกชนิดจะใช้เป็นของวิเศษในการปราบภูตผีปีศาจ ทำลายคุณไสยอาถรรพ์ต่างๆ แต่มีดหมอแบบแรกนี้จะใช้เป็นอาวุธในการทำร้ายทำลายชีวิตคนด้วย คือใช้ทำร้ายหรือกระทั่งสังหารศัตรูที่มีวิชาอาคมไสยศาสตร์ หรือศัตรูไม่มีวิชาอะไร แต่ได้ผ่านกระบวนการที่เชื่อว่าทำให้หนังเหนียวอยู่ยงคงกระพัน เช่น แช่น้ำว่าน กินว่านยาทางคงกระพัน สักยันต์หนังเหนียว หรือมีวัตถุอาถรรพ์วัตถุมงคลทางคงกระพันคอยคุ้มครอง จึงต้องใช้มีดหมอลงอาคมฟันแทง จึงจะสามารถทำร้ายผู้อยู่ยงคงกระพันได้
ภาพsihawatchara มีดหมอมีคมแกะลวดลายที่ด้ามเป็นท้าวเวสสุวัณ

   แต่การที่จะเอามีดหมอที่ได้จากพระอาจารย์ไปทำร้ายสังหารชีวิตนั้น นับว่าเป็นบาปอย่างตรงๆหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นการก่อเวรเป็นบาปเป็นกรรมมาถึงตัวพระอาจารย์ผู้ที่สร้างมีดหมอลงอาคมด้วย พระอาจารย์ทั้งหลายจึงสั่งไว้เสมอว่า ถ้าไม่ถูกรังแกจนเจ็บแค้นขนาดน้ำตาเป็นสายเลือดแล้ว อย่าใช้มีดหมอไปสังหารล้างแค้นอย่างเด็ดขาด คือพระอาจารย์ท่านหมายถึงให้หลีกเลี่ยงการฆ่าชีวิตอันเป็นบาปใหญ่ ต่อเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆจนถึงที่สุด ค่อยใช้มีดหมอป้องกันตัว ให้ฟันแทงศัตรูพอให้ศัตรูบาดเจ็บให้หลาบจำ เพื่อเราเอาตัวรอดก็พอแล้ว

มีดหมอใช้ในพิธีกรรม

   มีดหมอแบบนี้จะมุ่งไปในด้านการใช้ประกอบพิธีกรรมประเภทสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์เป็นหลักใหญ่ เช่น ใช้ทำน้ำมนต์ถอดถอนเสนียดจัญไร ถอนอาถรรพ์ต่างๆ ใช้ทำน้ำมนต์รดพื้นที่กำหนดปริมณฑลป้องกันภัย ใช้ทำน้ำมนต์แก้โรคภัยไข้เจ็บ ใช้มีดหมอกดจี้ไล่ภูตผีปีศาจ จะไม่ใช้มีดหมอชนิดนี้เป็นอาวุธ เพราะรูปทรงของมีดนั้นจะไม่มีส่วนคมและปลายมีดก็จะไม่แหลมด้วย


sihawatchara มีดหมอวัดประดู่ทรงธรรม


   วัสดุที่ใช้ทำมีดหมอชนิดนี้ มีทั้งที่ใช้วัสดุแบบเดียวกันกับมีดหมอแบบที่ใช้เป็นอาวุธ เพียงแต่ไม่ทำให้มีดมีส่วนแหลมและไม่มีคม แต่การใช้วัสดุโลหะธาตุที่เหนียวและแกร่งมาทำเป็นมีดหมอชนิดนี้จะพบน้อย เพราะวัสดุที่ใช้นั้นอาจนับว่าเกินความจำเป็นไปบ้าง มีดหมอที่ใช้ในพิธีกรรมนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โลหะที่แข็งแกร่งมากนัก หรือไม่ต้องใช้โลหะที่มีคุณสมบัติแกร่งเหนียว เพราะไม่ได้เอาไปฟันแทงกับใครนั่นเอง จึงมักพบมีดหมอชนิดที่ใช้ในพิธีกรรมเป็นแบบมีดทองเหลือง สำริด เหล็กธรรมดา แม้กระทั่งมีที่ใช้ไม้มงคลไม้อาถรรพ์ เอามาเหลาขึ้นรูปเป็นมีด แล้วลงอักขระเลขยันต์เสกปลุกให้เป็นมีดวิเศษก็มี

ภาพsihawatchara มีดหมอวัดประดู่ทรงธรรม

ขั้นตอนการสร้างมีดหมอ

   การสร้างมีดหมอนั้นพอที่จะแบ่งเป็นขั้นตอนต่างๆได้ดังนี้

๑.ขั้นตอนเตรียมวัสดุ

   การสร้างมีดหมอทั้งแบบที่ใช้เป็นอาวุธและแบบที่ใช้เฉพาะในพิธีกรรมนั้น จะมีขั้นตอนคล้ายๆกัน จะต่างกันเพียงเรื่องที่จะใช้เป็นอาวุธด้วยหรือไม่เท่านั้น ถ้าจะใช้เป็นอาวุธด้วยก็ต้องพิถีพิถันในการตีใบมีดมากขึ้น

   ตำราการสร้างมีดหมอมีหลายตำรับ สุดแต่คตินิยมของแต่ละสำนัก แต่ที่เหมือนกันก็คือต้องลงอักขระเลขยันต์เสกปลุกทุกส่วนของมีด คือ ใบมีด ด้ามมีด ปลอกมีด

   เมื่อจะทำการสร้างมีดหมอ ขั้นแรกต้องจัดหาวัสดุโลหะธาตุต่างๆ ซึ่งมีด้วยกันหลายตำรา วัสดุหรือโลหะที่ใช้ทำใบมีดนั้น ส่วนมากจะเป็นสิ่งที่ถือกันว่ามีอาถรรพ์อยู่ในตัว มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว อาจใช้โลหะเพียงอย่างเดียวตีเป็นใบมีด หรือใช้โลหะหลายชนิดประกอบกันแล้วตีเป็นใบมีดก็มี ใบมีดแบบหลังนี้ค่อนข้างทำได้ยากจนถึงยากสุดๆ


ภาพsihawatchara มีดหมอหลวงปู่ฉาบวัดคลองจันทร์


   โลหะที่ใช้ในการสร้างมีดหมอถ้าเป็นแบบที่ใช้โลหะชนิดเดียว ส่วนมากจะใช้โลหะที่มีอาถรรพ์ เช่น เหล็กแทงศพ เหล็กน้ำพี้  เหล็กยอดเจดีย์ โดยจะใช้โลหะประเภทนี้เพียงอย่างเดียวตีเป็นใบมีด เชื่อกันว่าโลหะดังกล่าวจะมีอาถรรพ์พ่วงมาด้วย เช่น

   ใช้เหล็กแทงศพล้วนๆมาตีเป็นใบมีด ถือว่ามีอาถรรพ์เป็นพิเศษทางด้านกำราบภูตผีปีศาจ

   ใช้เหล็กน้ำพี้ตีเป็นใบมีด ถือว่ามีเดชอำนาจ ล้างอาถรรพ์

   ใช้เหล็กยอดเจดีย์ตีเป็นใบมีด ถือว่าเป็นศิริมงคลศักดิ์สิทธิ์มีมหานิยมและคุ้มครอง

ภาพsihawatchara มีดหมอทำจากเหล็กแทงศพ


   มีดหมอที่ใช้โลหะเพียงอย่างเดียวมาทำใบมีดนี้ ยังมีอีกหลายแบบตามชนิดของโลหะที่มีคตินิยมเฉพาะ ถ้าจะแยกประเภทของโลหะเดี่ยวๆที่ใช้ จะแยกได้ง่ายๆคือ โลหะอาถรรพ์ทางภูตผีปีศาจ กับ โลหะที่เป็นมงคล โลหะเหล่านี้ถ้าจะใช้ทำมีดหมอที่ใช้เป็นอาวุธด้วย ก็จะใช้เหล็ก แต่ถ้าทำเป็นมีดหมอที่ไม่เน้นความแข็งแรง ก็อาจใช้เป็นพวกทองแดง ทองเหลือง แต่ต้องมีคุณสมบัติทางอาถรรพ์รวมอยู่ในทองแดงทองเหลืองนั้นด้วย

   สำหรับมีดหมอที่ใช้โลหะหลายๆอย่างมาสร้างเป็นใบมีด จะมีทั้งที่ใช้โลหะหลายๆชนิดมาหล่อหลอมรวมกัน ได้เป็นโลหะผสมสูตรต่างๆ เช่น โลหะสำริด(สัมฤทธิ์) สัตตะโลหะ แต่ถ้าจะให้ใบมีดแกร่งเหนียวยืดหยุ่นทนทาน จะใช้กรรมวิธีผสมเหล็กที่เรียกว่า เหล็กลาย หรือ เหล็กดามัสกัส ซึ่งต้องใช้เทคนิคทางช่างโลหะชั้นสูง มีดหมอที่สร้างด้วยเหล็กลายหรือเหล็กดามัสกัสนี้จึงพบน้อย

ภาพsihawatchara มีดหมอเหล็กลายหรือดามัสกัส

ภาพsihawatchara เหล็กลายดามัสกัสแต่ละเล่มลายจะไม่เหมือนกัน


   โลหะสำริด(สัมฤทธิ์)ก็คือโลหะผสมชนิดหนึ่ง ที่นิยมใช้ทำอาวุธก่อนที่มนุษย์จะรู้จักใช้แร่เหล็ก โลหะสำริดเกิดจากการผสมทองแดงกับดีบุก ได้เป็นโลหะผสมที่แข็งแกร่งกว่าอาวุธทองแดงที่เคยใช้กันมาแต่เดิม

   สัตตะโลหะหมายถึงโลหะเจ็ดอย่าง โดยปกติแล้วจะหมายถึงการเอาโลหะเจ็ดอย่างมาหลอมรวมกัน โดยมากจะใช้ในงานช่างหล่อพระ มีรายชื่อโลหะต่างๆดังนี้

    ๑. เหล็ก
    ๒. ปรอท
    ๓. ทองแดง
    ๔. เงิน
    ๕. ทอง
    ๖. เจ้าน้ำเงิน
    ๗. บริสุทธิ์(สังกะสี)

   แต่คำว่าสัตตะโลหะในความหมายของโลหะที่ใช้ทำอาวุธนั้น จะมีความหมายต่างออกไป ข้อนี้ข้าพเจ้าเคยได้รับการยืนยันมาจากช่างผู้มีอาชีพตีมีดตีดาบโดยตรง มีศักดิ์เป็นลุงของข้าพเจ้าเอง ลุงแกว่าขืนเอาโลหะเจ็ดอย่างนี้มาหล่อหลอมเป็นแท่งแล้วตีเป็นมีดหรือดาบ รับรองได้เลยว่าใช้ได้ไม่กี่ทีก็ต้องหัก แกว่าถ้าบังคับว่าจะใช้สัตตะโลหะตามสูตรนี้หลอมทำอาวุธกันจริงๆแล้ว มีทางเดียวคือ ใช้เหล็กเป็นส่วนผสมหลัก ส่วนโลหะอย่างอื่นใส่แค่เป็นสะเก็ดๆพอเป็นพิธี

   สัตตะโลหะที่ใช้ทำอาวุธนั้น ลุงแกว่าความจริงแล้วก็คือเหล็กเจ็ดอย่าง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็คือเหล็กต่างๆตามแต่จะหาได้จากเจ็ดแหล่ง เช่น เหล็กเหนียว เหล็กน้ำพี้ เหล็กตะปูเห็ด เหล็กตะไบ เหล็กจากดาบหักพระแสงหัก  เหล็กโซ่ เหล็กสกัด รวมความว่าเอาเหล็กล้วนๆมาผสมกัน แล้วตีเป็นมีดหรือดาบเนื้อเป็นเหล็กจริงๆ

   ลุงแกยังบอกว่า สุดยอดของสัตตะโลหะที่ใช้ทำมีดทำดาบก็คือ เหล็กเจ็ดอย่างที่มีเหล็กเหนียวและเหล็กแกร่ง เอามาเรียงซ้อนๆกัน แล้วเผาเหล็กตีเฉือบให้เหล็กติดกัน จะได้อาวุธที่ทั้งแกร่งทั้งเหนียวยืดหยุ่นไม่หักง่าย ซึ่งวิธีนี้เป็นทำนองเดียวกันกับการตีเหล็กดามัสกัสนั่นเอง การซ้อนเหล็กเป็นชั้นๆนี้ ยังมีทั้งบิดซ้ายบิดขวาพับทบ ซึ่งเป็นเทคนิคของช่าง แต่ลุงแกบอกว่าแกยังไม่ชำนาญในการตีเหล็กลาย

ภาพsihawatchara มีดเหล็กลายบริเวณสันมีด


   โลหะที่นำมาใช้สร้างมีดหมอนั้น จะต้องมีการลงอักขระเลขยันต์ก่อน แล้วจึงทำการตีขึ้นรูปเป็นมีดหมอ

   วัสดุที่นิยมใช้ทำมีดหมอนั้น มีร่องรอยปรากฏอยู่ในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน ปรากฏอยู่ในตอนขุนแผนตีดาบฟ้าฟื้น ในตอนนี้จะกล่าวถึงโลหะต่างๆที่เอามาตีเป็นดาบวิเศษที่เรียกว่าดาบฟ้าฟื้น ซึ่งเป็นดาบวิเศษในตำนานสยาม สำหรับมีดหมอก็สามารถใช้วัสดุแบบเดียวกับดาบฟ้าฟื้นได้

   วรรณคดีขุนช้างขุนแผนบรรยายถึงการตีดาบฟ้าฟื้นไว้ดังนี้

  “จะจัดแจงตีดาบไว้ปราบศึก
ตรองตรึกหาเหล็กไว้หนักหนา
ได้เสร็จสมอารมณ์ตามตำรา
ท่านวางไว้ในมหาศาสตราคม
เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ
ยอดปราสาททวารามาประสม
เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม
เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
หอกสัมฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก
เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด
พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด
เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
เอาเหล็กไหลหล่อบ่อพระแสง
เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่
ทองคำสัมฤทธิ์นากอแจ
เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงดง”

   ในความเป็นจริง ถ้าจะหาโลหะต่างๆให้ครบตามแบบนี้ ก็สงสัยว่าชาตินี้คงไม่ได้สร้างมีดหมอตามตำราดาบฟ้าฟื้นของขุนแผนแสนสะท้านอย่างแน่นอน และถ้าหาโลหะได้ตามรายการต่างๆนี้ หรือเอาแค่ใกล้เคียงก็พอ แล้วเอามาหลอมเป็นแท่งแล้วตีเป็นมีดหรือดาบ รับรองได้เลยว่าพอใช้ฟันไม่กี่ที มีดหรือดาบตามสูตรโลหะแบบนี้ต้องหักแน่นอน ดังนั้นถ้าจะใช้โลหะตามตำนานดาบฟ้าฟื้น อย่างมากก็คงเลือกเอาโลหะอาถรรพ์ที่กล่าวถึงบางอย่างมาใช้ก็พอแล้ว


ภาพsihawatchara ใบมีดเหล็กลายดามัสกัส


   ตำนานโลหะดาบฟ้าฟื้นนั้น เป็นตอนที่ครูแจ้งวัดระฆังเป็นผู้แต่ง เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของสัมผัสนอกสัมผัสในของบทกลอน จึงมีรายละเอียดของโลหะบางอย่างแปลกชอบกล โลหะตามสูตรนี้ข้าพเจ้าหรือแอดมินเคยให้ลุงที่เป็นช่างตีมีดดู(อยู่ในค่ายทหารแห่งหนึ่ง) แก่บอกทันทีเลยว่าอย่างนี้เอามาหลอมรวมกันแล้วจะใช้ตีมีดตีดาบไม่ได้ เพราะเนื้อโลหะจะเปราะ เว้นแต่จะใช้วิธีรวมชิ้นเหล็กซ้อนๆกันแล้วตีเฉือบ ซึ่งก็คือกรรมวิธีการตีมีดเหล็กลายหรือมีดดามัสกัสนั่นเอง

   สำหรับอักขระเลขยันต์ที่ใช้ลงบนแผ่นโลหะที่จะใช้หลอมหรือตีเป็นใบมีดนั้น จะมีหลายตำราแตกต่างกันไปบ้างคล้ายกันบ้าง เช่น ลงด้วยปฐมอักขระ หัวใจพระเจ้าห้าพระองค์ หัวใจธาตุสี่ หัวใจธาตุพระกรณีย์ หัวใจแก้วสี่ดวง หัวใจพระไตรปิฎก หัวใจอาการสามสิบสอง เทพอาวุธสี่ประการ เทพอาวุธห้าประการ สูตรตรีนิสิงเห

   เรื่องของอักขระเลขยันต์ที่ใช้จะแยกหัวข้อเล่าถึงในตอนท้ายๆของบทความ เพราะเรื่องมันเยอะ

ภาพsihawatchara ปลายมีดเหล็กลายดามัสกัส


๒.ขั้นตอนจัดปริมณฑลสถานที่ 

   เมื่อจะทำการตีมีดหมอ ก็จะต้องจัดเตรียมสถานที่เอาไว้ โดยจะกำหนดปริมณฑลโดยล้อมพื้นที่ด้วยสายสิญจน์ บางทีใช้ใบหญ้าคาเอามาถักเป็นเส้นแล้วขึงรอบปริมณฑลพิธี

   ถ้าเป็นการพิถีพิถันในเรื่องพิธี ก็จะมีผ้ายันต์ติดไว้ที่สายสิญจน์ โดยติดไว้แปดทิศหรือสี่ทิศ ยันต์ที่ลงไว้จะเป็นยันต์ประจำทิศทั้งแปดเช่น ยันต์อิติปิโสแปดทิศ(แบบแยกเป็นแปดทิศแปดยันต์) ยันต์เสมาแปดทิศ หรือรูปเทวดาประจำทิศทั้งแปด บางทีใช้เป็นรูปของท้าวจตุมหาราชทั้งสี่ ส่วนด้านบนเหนือศีรษะจะขึงสายสิญจน์เป็นตารางยันต์ตรีนิสิงเห หรือใช้เชือกโยงผ้ายันต์ผืนใหญ่แบบที่เรียกว่าดาดเพดาน ที่เหมือนกับเรากางผ้าขึงเป็นหลังคานั่นเอง

   เรื่องการขึงสายสิญจน์นั้น ในชั้นหลังๆมาเกิดคติขึงสายสิญจน์ให้สลับซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม ถึงขนาดว่าต้องมีผู้ชำนาญการมาทำการขึงสายสิญจน์กันเลย แบบนี้วงสายสิญจน์จะอลังการมาก แต่ความจริงโบราณท่านขึงสายสิญจน์แบบเรียบง่าย ต้องการเพียงแค่กำหนดปริมณฑลพิธีเท่านั้น ในกรณีที่ไม่มีสายสิญจน์หรือวัสดุอื่นที่แทนสายสิญจน์ ก็จะเสกน้ำประพรมกำหนดเขต หรือเสกกรวดทรายโรยไว้

ภาพsihawatchara การโยงสายสิญจน์ด้านบน


๓.ขั้นตอนการตีใบมีด 

   ข้อนี้เป็นเรื่องของช่างตีมีดโดยตรง มีบ้างที่อาจารย์ผู้สร้างมีดหมออาจร่วมตีใบมีดด้วย ช่างตีมีดจะมีพิธีกรรมตามคติของช่าง เช่น ต้องไหว้บูชาครูเตา ลงอักขระเลขยันต์ที่ฟืนหรือถ่านเชื้อเพลิง ลงอักขระเลขยันต์ที่เครื่องมือที่ใช้ในการตีมีด เช่น ทั่ง ค้อน คีม เหล็กสกัด รางชุบเหล็ก ลูกสูบลมเข้าเตา เตา

   อักขระเลขยันต์ที่ลงไว้ในขั้นตอนนี้ ส่วนมากจะเป็นคาถาทางมหาอำนาจ คาถาผูกมัดกรึง คาถาทางอิทธิฤทธิ์ ยันต์จัตตุโร ยันต์ตรีนิสิงเห ยันต์มหาราช นะแบบต่างๆ เช่น นะทรหด นะลือชา นะทรงธรณี

ภาพsihawatchara ไหว้ครูอาจารย์และปริมณฑลวงสายสิญจน์


   ช่างตีมีดจะตีมีดตามฤกษ์งามยามดี ถ้ามุ่งไปทางด้านปราบทำลาย แน่นอนว่าจะตีมีดตีดาบในเพชฌฆาตฤกษ์ ช่างจะมีคาถาภาวนาในระหว่างที่ตีมีด ตีมีดไปภาวนาคาถาไปเรื่อยๆ ช่างจะตีมีดในช่วงระยะเวลาของฤกษ์ ต้องตีมีดขึ้นรูปให้เสร็จภายในระยะเวลาของฤกษ์เท่านั้น ถ้าหมดเวลาฤกษ์ก็ต้องหยุดตีมีด ต้องรอจนถึงช่วงฤกษ์ดีๆครั้งต่อไป จึงจะลงมือตีมีดต่อให้เสร็จ

   ใบมีดจะสวยงามและทนทานนั้น ขึ้นอยู่กับความชำนาญของช่างผู้ตีมีดเป็นสำคัญ ถ้าใบมีดเป็นเหล็กธรรมดาก็ทำได้ง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นการตีมีดแบบเหล็กลายหรือดามัสกัส แบบนี้ก็มีขั้นตอนซับซ้อนและยากขึ้น

ภาพsihawatchara มีดหมอแบบอาวุธ


   ในขั้นตอนตีใบมีดนี้ ถ้าเป็นมีดหมอแบบที่ต้องการใช้เป็นอาวุธ ก็จะทำปลายมีดให้แหลม และทำให้ใบมีดมีส่วนคม ตลอดจนกะขนาดและน้ำหนักให้พอเหมาะมือ ให้จ้วงแทงหรือฟันเฉือนได้ถนัด แต่ถ้าเป็นมีดหมอที่จะใช้เฉพาะในพิธีกรรม ก็จะทำให้ไม่มีส่วนคมและส่วนแหลม คือเป็นมีดหมอที่ทู่ๆและไม่ลับใบมีดให้คม

   บางตำรามีการฝังโลหะอาถรรพ์หรือโลหะที่ลงอักขระเลขยันต์เสกปลุกมาดีแล้วลงบนใบมีด บริเวณที่ฝังโลหะแบบนี้ไว้ก็คือบริเวนสันมีด โดยจะเอาโลหะดังกล่าวตอกอัดลงไปบนร่องที่บากเอาไว้บนสันมีด อาจฝังไว้ชิ้นเดียวหรือหลายชิ้น โลหะที่ใช้ฝังลงไปนี้ส่วนมากจะเกิดจากการลงยันต์บนแผ่นโลหะ แล้วหลอมรีดเป็นแท่งเล็กๆ ตัดให้พอดีกับร่องที่บากไว้บนสันมีด แล้วตีอัดลงไปให้สนิท ขัดแต่งให้เรียบเป็นเนื้อเดียวกัน บางทีใช้เป็น ทองคำ นาก เงิน หรือที่เรียกว่า สามกษัตริย์ ตอกอัดเรียงไว้บนสันมีด
ภาพsihawatchara โลหะที่ฝังบนสันมีด

ภาพsihawatchara ชิ้นโลหะที่หลอมจากแผ่นยันต์ใช้ฝังบนสันมีด


๔.ขั้นตอนการทำด้ามมีดหมอ

   ด้ามมีดหมอโดยทั่วๆไปจะใช้เป็นไม้มงคล เช่น ชัยพฤกษ์ ตรึงบาดาล กันเกรา ฯลฯ บางทีก็ใช้ไม้ตามท้องถิ่น ถ้านิยมไม้เนื้อแข็งก็มักใช้ ไม้ประดู่ ไม้ชิงชัน ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้พวกงาช้างเขาสัตว์ทำเป็นด้ามมีด ด้ามมีดนี้จะต้องลงอักขระเลขยันต์ตามตำราด้วย บางทีจะแกะสลักเป็นลวดลายสวยงาม หรือแกะเป็นรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระฤๅษี ท้าวเวสสุวัณ พระพิฆเนศ พระพรหม สัตว์หิมพานต์ที่มีฤทธิ์มาก


ภาพsihawatchara ด้ามมีดแกะเป็นท้าวเวสสุวัณ
ภาพsihawatchara ด้ามมีดหมอแบบพระฤๅษี


   ภายในด้ามมีดหมอ จะมีการบรรจุวัตถุอาถรรพ์วัตถุมงคลเอาไว้ ข้อนี้มีทั้งแบบที่เน้นวัตถุอาถรรพ์ตามธรรมชาติ วัตถุธาตุหรือแผ่นยันต์ผงวิทยาคม และมีแบบที่เน้นอาถรรพ์ภูตผีปีศาจล้วนๆ แบบหลังนี้จะใช้ชิ้นส่วนของซากศพของปีศาจที่เฮี้ยนๆแรงๆ

ภาพsihawatchara ด้ามมีดบรรจุของอาถรรพ์ต่างๆแล้วอุดรูด้วยง่าช้างกำจัด


   การบรรจุวัตถุอาถรรพ์ลงในด้ามมีดหมอ อาจบรรจุพร้อมกันไปในตอนประกอบใบมีดเข้ากับด้าม หรือบรรจุหลังจากประกอบมีดเสร็จแล้วก็ได้

   วัตถุอาถรรพ์ที่ใช้บรรจุในด้ามมีดหมอเท่าที่เคยพบเห็นและค้นคว้ามา พบว่าจะเป็นสิ่งต่างๆตามรายการต่อไปนี้ ข้อนี้ไม่ใช่ว่าใช้ทั้งหมดทุกอย่าง จะใช้เพียงเท่าที่หามาได้ บรรจุอย่างเดียวบ้าง หลายๆอย่างบ้าง และยังมีวัตถุอาถรรพ์อื่นๆอีกมาก สุดแต่คติตำรากำหนดไว้ โดยมากจะใช้วัตถุมงคลวัตถุอาถรรพ์ต่างๆดังนี้

   ตะกรุดเล็กๆลงยันต์ประจุขาด ใช้พันรอบกั่นมีด  
   ยาหมู่(ยาอย่างละเล็กละน้อยของกระเป๋าล่วมยาหมอแผนโบราณ)  
   สะเก็ดดาว  
   ผงวิทยาคม  
   เศษงาช้างกำจัดหรืองาช้างกำจาย  
   เศษเขี้ยวเสือ  
   เศษนอแรด  
   เศษหนังเสือ  
   เหล็กยอดเจดีย์ 
   เหล็กยอดพระธาตุ  
   เหล็กน้ำพี้  
   ดินเจ็ดป่าช้า  
   ดินโป่ง  
   ผงเถ้ากระดูกผี  กระดูกผี เส้นผมผี

๕.ปลอกมีด(ฝักมีด)

   ข้อนี้บางตำราไม่ได้ระบุไว้ ประมาณว่าเอามีดหมอเหน็บเอวกันดื้อๆเลย เพราะมุ่งความสำคัญไปที่ตัวมีดหมอ เมื่อมีมีดหมอที่วิเศษแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆเช่นปลอกมีดจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ

   ปลอกมีดหรือฝักมีดตามแบบไทยๆจะใช้ไม้เป็นหลัก โดยมากจะใช้ไม้ที่มีลายไม้สวยงาม หรือไม่ก็ใช้ไม้มงคลต่างๆ และยังมีการใช้งาช้างมาทำเป็นปลอกมีดด้วย เมื่อทำปลอกมีดแล้วก็ต้องมีการลงอักขระเลขยันต์ตามตำรา ถ้าตำราไม่บังคับเรื่องปลอกมีด ก็จะใช้อักขระเลขยันต์ที่เห็นสมควร หรือใช้ยันต์อื่นๆที่มีคุณวิเศษลงประทับไว้

ภาพsihawatchara มีดหมอพร้อมปลอกมีด

ภาพsihawatchara มีดหมอมีด้ามและฝักเป็นงาช้าง


   บางพระอาจารย์ท่านจะใช้ด้ายสายสิญจน์เสก แล้วผูกเงื่อนรัดปลอกมีด หรือใช้หวายที่ทำเป็นเส้นแบนๆ(จักตอก) รัดปลอกมีดและสานเป็นเงื่อนเสกไว้ด้วย

ภาพsihawatchara เส้นหวายที่รัดปลอกมีดสานเป็นเงื่อน


๖.ขั้นตอนประกอบมีดหมอ

   เมื่อได้ส่วนประกอบของมีดหมอครบแล้ว ก็จะหาฤกษ์ดีๆเพื่อประกอบชิ้นส่วนเป็นมีดหมอ จะมีการตั้งเครื่องบูชาคุณครูอาจารย์ตามประเพณี แล้วจึงทำการประกอบใบมีดเข้ากับด้ามมีด ขั้นตอนการประกอบมีดนั้นสุดแต่ช่างจะชำนาญวิธีไหน เช่น

   ช่างจะเจาะรูที่ด้ามมีด รูนี้จะมีขนาดใหญ่กว่ากั่นมีดเล็กน้อย เมื่อเอากั่นมีดเสียบลงไปในรู ก็จะเอาเศษไม้ที่ทำเป็นชิ้นรอไว้แล้วตอกอัดลงไปข้างๆกั่นมีดทั้งสองข้าง เคาะจนกั่นมีดอัดแน่นเข้ากับด้ามมีด

   หรืออีกวิธีหนึ่ง ช่างจะเอาชันอุดเข้าไปในรูด้ามมีด แล้วเอาด้านกั่นมีดเผาไฟให้ร้อนจัด แล้วเสียบกั่นมีดลงไปในรูที่มีชันอุดอยู่ ความร้อนของกั่นมีดจะเผาไหม้ชันให้ละลายจับทั้งกั่นมีดและด้ามมีด แล้วกระแทกโคนของด้ามมีดกับพื้นหรือของแข็ง เพื่อให้เกิดแรงกระแทกของใบมีดให้จมลงในด้ามมีดมากขึ้น ในบางกรณีจะมีการเอาเศษไม้เสียบประกบกั่นมีดแล้วตอกอัดเข้าไปเพื่อให้แน่นขึ้น

   ภายในด้ามมีดนั้นจะบรรจุวัตถุอาถรรพ์หรือวัตถุมงคลเอาไว้ด้วย อาจจะบรรจุก่อนใส่ใบมีด หรือบรรจุหลังจากประกอบใบมีดเข้ากับด้ามมีดสำเร็จแล้ว อย่างหลังนี้จำเป็นที่จะต้องเจาะรูปที่ก้นของด้ามมีด

   ในการประกอบใบมีดเข้ากับด้ามมีดนั้น เพื่อให้แน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น จะใช้ปลอกโลหะรัดตรงโคนด้ามมีดด้วย 
ภาพsihawatchara มีดหมอเล่มนี้บรรจุวัตถุอาถรรพ์เมื่อประกอบมีดเสร็จ

ภาพsihawatchara มีดหมอเล่มเล็กจิ๋วเล่มนี้บรรจุวัตถุอาถรรพ์ก่อนประกอบมีด

 การลงอักขระเลขยันต์บนมีดหมอ

   การลงอักขระบนมีดหมอนั้น อาจลงอักขระเลขยันต์บนใบมีดก่อนที่จะประกอบเข้าด้าม หรือประกอบมีดเข้ากับด้ามเสร็จแล้วจึงค่อยลงอักขระ อักขระเลขยันต์ที่ใช้มีหลายตำรับ มีทั้งแบบที่ลงอักขระเป็นจำนวนมาก และมีแบบที่ลงอักขระไม่กี่ตัว นอกจากนี้ยังมีแบบที่ไม่ลงอักขระที่ใบมีด แต่ลงอักขระเลขยันต์ตรงด้ามมีด เรื่องนี้เคยกราบเรียนสอบถามพระอาจารย์ผู้รู้วิชา ท่านอธิบายว่าเลี่ยงอาบัติ

   บางที่ไม่ลงอักขระเลยด้วยซ้ำ โดยถือว่าได้ลงอักขระเลขยันต์ไปตั้งแต่ขั้นตอนหล่อหลอมโลหะแล้ว พอขึ้นรูปเป็นอาวุธแล้วจะไปยุ่งเกี่ยวขนาดจับต้องลงยันต์ในอาวุธ จะสุ่มเสี่ยงอาบัติและจะยิ่งแย่ถ้าศิษย์เอาไปใช้สังหารชีวิตผู้อื่น พระอาจารย์ท่านจึงเลี่ยงๆไม่ลงอักขระเลขยันต์บนอาวุธโดยตรง แต่ถ้าเป็นมีดหมอที่ไม่มีคมไม่มีส่วนแหลม แบบนี้เอาไปใช้เป็นอาวุธไม่ได้ ก็อนุโลมว่าลงอักขระเลขยันต์ได้อย่างไม่ต้องมาตะขิดตะขวงใจ

ภาพsihawatchara อักขระหัวใจพระเจ้าห้าพระองค์ หัวใจธาตุสี่ หัวใจธาตุพระกรณีย์

ภาพsihawatchara อักขระหัวใจพระเจ้าสิบชาติ


   อักขระเลขยันต์ที่พบในมีดหมอ เท่าที่พบมากจะเป็นพระคาถาหรือหัวใจคาถาต่างๆ ส่วนยันต์พบน้อยเพราะลงรูปยันต์บนใบมีดได้ยาก คือ มีเนื้อที่น้อยเกินไปที่จะลงรูปยันต์นั่นเอง แต่ถ้ามีการลงเป็นรูปยันต์บนใบมีด ก็จะเป็นยันต์เล็กๆ หรือยันต์ที่เป็นรูปทรงทางยาวไปตามใบมีด


ภาพsihawatchara ยันต์นาคเกี้ยวและคาถาพระเจ้าสิบหกพระองค์

ภาพsihawatchara ปลายใบมีดลงยันต์ตรีเทพ


   เรื่องยันต์ที่ใช้ลงบนมีดหมอนั้น ต่างตำรับต่างสำนักก็อาจลงยันต์ไม่เหมือนกัน บางตำรับบอกรายละเอียดขนาดว่า ให้ลงอักขระเลขยันต์หรือวิชานะไว้ปลายมีด ลงอักขระคาถาที่หน้ามีดจนถึงท้องมีด ลงรูปยันต์เล็กๆที่เอวมีดหรือลงที่โคนมีด ลงหัวใจคาถาต่างๆที่สันมีด และลงอักขระคาถาต่างๆที่ด้ามมีด เฉพาะตรงด้ามมีดนี้บางตำรับให้ลงอักขระแบบพันรอบด้ามมีดอีกด้วย
ภาพsihawatchara โคนมีดลงยันต์พุทธซ้อน


ภาพsihawatchara ปลอกหรือฝ้กมีดงาช้าง


ภาพsihawatchara ด้านบนของด้ามมีดหมอ


ภาพsihawatchara มีดหมอเล่มนี้ลงเป็นเลขสูตรตรีนิสิงเห

การเสกปลุกมีดหมอ

   เมื่อประกอบมีดหมอสำเร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเสกปลุกมีดหมอ จะมีคาถาเสกตามตำรับตำราที่สืบต่อกันมา อาจใช้พระคาถาต่างกันไปบ้าง แต่มีพระคาถาที่ใช้กันมากจนแทบจะต้องเรียกว่า เป็นพระคาถาภาคบังคับของการสร้างมีดหมอกันเลยก็ว่าได้ คือ พระคาถาเทพอาวุธสี่ประการ หรือ พระคาถาเทพอาวุธห้าประการ พระคาถาสองบทนี้มักเลือกใช้เอาบทหนึ่ง จากนั้นจึงใช้พระคาถาบทอื่นๆเสกประกอบกันไปด้วย


ภาพsihawatchara พิธีเสกปลุกมีดหมอวัดประดู่ทรงธรรม


   พระคาถาที่ใช้เสกมีดหมอนั้น ความจริงแล้วส่วนใหญ่ก็ใช้พระคาถาที่ลงอักขระบนมีดหมอนั่นเอง แล้วจึงค่อยเสกพระคาถาอื่นๆที่มีคุณวิเศษสำทับลงไปอีก

ภาพsihawatchara พิธีชุบมีดหมอด้วยน้ำว่านและน้ำมนต์ตามตำรับวัดประดู่ทรงธรรม

   พระคาถาที่ใช้ลงอักขระและเสกมีดหมอบางสำนักจะยาวมาก เช่น ตำรับมีดหมอเทพศาสตราสำนักวัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา มีอักขระที่ลงบนมีดร่วมสามร้อยตัว การเสกปลุกก็มีพิธีเฉพาะของสำนัก ต้องมีการชุบน้ำว่านน้ำมนต์ ส่วนการชุบไฟนั้นทำมาตั้งแต่ขั้นตอนตีใบมีด


ภาพsihawatchara มีดหมอวัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา

ภาพsihawatchara มีดหมอชาตรี หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

ภาพsihawatchara มีดหมอชาตรีด้านหลัง


พระคาถาเสกมีดหมอที่นิยมกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

คาถาเทพอาวุธ  

สักกัสสะวะชิราวุธัง ยมมัสสะนะยะนาวุธัง เวสสุวัณณัสสะคะทาวุธัง อาฬะวะกัสสะทุสาวุธัง จัตตาโรอาวุธานัง เอเตสังอานุภาเวนะ สัพเพยักขาปะลายันติ

พระเจ้าสิบหกพระองค์ฝ่ายขวา   

นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง 

พระเจ้าสิบหกพระองค์ฝ่ายซ้าย   

อุมิอะมิ มะหิสุตัง สุนะพุทธัง อะสุนะอะ 

พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า  

อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ

พระบารมีสามสิบทัศ  

อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา อิติโพธิมะนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม

สรรพคุณของมีดหมอ

   มีหมอจัดว่าเป็นของวิเศษอย่างสำคัญ สมัยโบราณนั้นปกติจะทำหรือสร้างไว้เฉพาะผู้เรียนวิทยาคม เป็นอาจารย์ทางไสยศาสตร์ หรือเป็นทำนองพวกผู้วิเศษ และแม้แต่พวกพ่อมดหมอผี ส่วนคนธรรมดาสามัญน้อยคนที่จะมีโอกาสได้รับมีดหมอเอาไว้ใช้

   คุณวิเศษของมีดหมอนั้นความจริงมีหลายประเภทตามการใช้งาน แต่ถ้าจะแยกประเภทให้ละเอียดแล้วจะวุ่นวายสักหน่อย จึงขอแยกประเภทง่ายๆเป็นสองแบบ คือ เป็นอาวุธ กับ ใช้เฉพาะประกอบพิธี หรือ สายร้อนกับสายเย็น ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ ต่างกันตรงที่ใช้แทงคนกับไม่แทง นอกนั้นจะมีสรรพคุณทำนองเดียวกัน

   มีดหมอมีคุณวิเศษใช้ในการทำลายอาถรรพ์ ปราบสะกดภูตผีปีศาจวิญญาณ ทำลายเวทมนตร์ของฝ่ายตรงข้าม ใช้กำหนดเขตปริมณฑลกันอาถรรพ์กันปีศาจ ใช้สะกดจิตใจคน ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ต้องใช้มีดกระทำการทำลายล้างใดๆ มีดหมอก็เป็นเหมือนวัตถุมงคลที่มีคุณทางมหาอำนาจแคล้วคลาดมหาอุด

   มีดหมอบางตำราบอกวิธีใช้ไว้หลายอย่าง เช่น เสียบอยู่ในปลอก(ฝัก)เป็นมหาอุด ถ้าชักมีดขึ้นมาเล็กน้อยให้เห็นโคนมีด จะเป็นแคล้วคลาด ด้ามมีดใช้ถูตรงที่แมลงกัดต่อยจะแก้พิษ ใช้ด้ามมีดกวนน้ำทำน้ำมนต์ค้าขาย ใช้ปลายมีดจุ่มน้ำทำน้ำมนต์ล้างอาถรรพ์ต่างๆ

ภาพsihawatchara มีดหมอด้ามงาฝักงา เล่มเล็กขนาดปากกา


เรื่องเล่าประสบการณ์มีดหมอ

   ข้าพเจ้าหรือแอดมินนี้ค่อนข้างรู้จักพระอาจารย์มากท่าน สาเหตุมาจากอาชีพทางบ้านนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับทางวัดอยู่บ้าง เลยพลอยได้กราบนมัสการพระอาจารย์ต่างๆมาตั้งแต่ยังเด็ก ได้เห็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์เกี่ยวกับพระอาจารย์หลายครั้งหลายคราว หลายครั้งเห็นด้วยตาแบบประสบการณ์ตรง หลายครั้งได้ยินเจ้าของประสบการณ์เล่าให้ฟัง และหลายครั้งที่ลงมือพิสูจน์จนเกิดประสบการณ์กับตัวเอง

เรื่องที่ ๑

   ครั้งที่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก แต่เป็นเด็กขนาดรู้ความแล้ว ตอนนั้นเรียนชั้นประถม ช่วงปิดเทอมได้ไปเที่ยวบ้านของตาที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งทาง จ.ปราจีนในสมัยนั้นยังขึ้นชื่อในเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องยาสั่งที่คนกลัวกันมาก

   วันหนึ่งเห็นมีคนคลุ้มคลั่งอาละวาดถูกจับมัดมาที่บ้านตา วันนั้นมีผู้เฒ่าท่านหนึ่งมานั่งรออยู่ เป็นผู้มีวิทยาคมที่ชาวบ้านนับถือ เมื่อชาวบ้านพาคนที่คลุ้มคลั่งมานั่งอยู่ตรงหน้าท่านผู้เฒ่า ท่านผู้เฒ่าก็หยิบมีดพกขนาดกลางๆออกมา แล้วเอาปลายมีดกรีดไม้กระดานที่คนคลุ้มคลั่งนั่งอยู่ ปรากฏว่าคนคลุ้มคลั่งนั้นส่งเสียงร้องโหยหวน แล้วร้องว่ากลัวแล้วๆ จากนั้นก็ล้มพับหลับไป สักครู่ฟื้นขึ้นมากลับไม่รุ้เรื่องที่เกิดขึ้น และจำไม่ได้ว่ามาอยู่ต่อหน้าท่านผู้เฒ่าได้อย่างไร จำได้เพียงแต่ว่าตอนกลางคืนนั่งอยู่ที่บ้านเห็นเงาวูบเข้ามาที่ตัว จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งมานั่งตรงหน้าท่านผู้เฒ่าก็ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร

   อาการที่เกิดเห็นเงาวูบเข้ามาตรงหน้าแล้วไม่ได้สตินั้น เล่ากันว่าคืออาการอย่างหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่าลมเพลมพัด ซึ่งมีหลายลักษณะ ในกรณีนี้คือโดนผีแฝงเข้ามาควบคุมร่างกายแบบคราวเคราะห์ ไม่ได้โดนแรงผีแบบหมอผีบังคับผีมาเข้าสิง คือประมาณว่าถึงความซวยโดนผีกินแรง โชคดีที่ท่านผู้เฒ่าช่วยเหลือขับผีให้ โดยใช้มีดหมอกรีดไปบนไม้กระดานที่คนถูกผีสิงนั่ง อำนาจอันแรงกล้าของมีดหมอได้แผ่ออกไปแสดงฤทธิ์ ผีจึงกลัวแล้วหนีออกจากร่างไป

ภาพsihawatchara มีดหมอวัดประดู่ทรงธรรม


เรื่องที่ ๒

   เรื่องนี้เกิดกับเพื่อนของข้าพเจ้า เพื่อนคนนี้ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง แล้วได้เลื่อนตำแหน่งใหญ่ จึงเป็นเหตุให้ถูกคู่แข่งผูกใจเจ็บ คู่แข่งจึงคิดแก้แค้นด้วยการไปจ้างอาจารย์ไสยศาสตร์ทำคุณไสยใส่เพื่อนคนนี้(เรื่องนี้รู้ภายหลัง)

   เพื่อนคนนี้รู้สึกใจคอไม่ดีหงุดหงิด ต่อมารู้สึกหวาดระแวงแบบไม่มีสาเหตุ ถึงกับนอนไม่หลับระแวงไปต่างๆนาๆ ต่อมาก็เริ่มรู้สึกคล้ายๆเห็นภาพเงามายืนซุ่มอยู่ตามรั้วบ้าน โดยเฉพาะตรงต้นไม้ข้างบ้านจะเห็นบ่อยกว่าที่อื่น พอถึงขั้นนี้แล้วเพื่อนคนนี้จึงนึกสงสัยในเรื่องคุณไสย จึงมาปรึกษาข้าพเจ้า พอข้าพเจ้าได้ฟังก็นึกว่าเรื่องนี้มันผิดปกติชอบกล เพราะเพื่อนคนนี้เป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะดีมาก จึงสงสัยว่าคงเจอคนใช้แรงผีมากลั่นแกล้ง ข้าพเจ้าเลยมอบมีดหมอเล่มเล็กๆให้เพื่อน แล้วอธิบายวิธีใช้ตามที่ครูอาจารย์เคยบอกไว้

ภาพsihawatchara มีดหมอด้ามงาช้างเล่มเล็ก


   เมื่อเพื่อนได้รับมีดหมอไปแล้ว ก็กลับไปบ้านทำน้ำมนต์ โดยชักมีดหมอออกจากฝัก เอาปลายมีดจุ่มลงในขันน้ำ แล้วกำหนดจิตภาวนาบทพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เสร็จแล้วจึงเอาน้ำมนต์นี้ไปประพรมรอบบ้าน แล้วเอาน้ำมนต์ไปเทรดพื้นตรงบริเวณที่เห็นเงาดำซุ่มอยู่

   พอรดน้ำมนต์ตรงบริเวณที่เห็นเงาซึ่งอนุมานว่าเป็นผีแน่ๆ ปรากฏว่าเกิดมีกลิ่นเหม็นโชยมาจากจุดที่รดน้ำมนต์ หมาข้างบ้านเห่าหอนอย่างไม่มีสาเหตุ และมีเสียงดังเปรี๊ยะตรงต้นไม้ที่เคยเห็นเงาดำคล้ายคน หลังจากนั้นเพื่อนก็คอยสังเกตดูสิ่งผิดปกติ ก็ไม่พบเห็นเงาดังกล่าวอีก ทั้งยังรู้สึกโล่งอกสบายใจ กินอิ่มนอนหลับได้ตามปกติ เหตุการณ์ที่เห็นเงาดำและหงุดหงิดหวาดระแวงไม่เกิดขึ้นอีกเลย

เรื่องที่ ๓

   เรื่องนี้เกิดกับตัวข้าพเจ้าเองคือ เมื่อประมาณ ๓๐ ปีก่อน ข้าพเจ้ายังทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง จำเป็นที่จะต้องทำงานล่วงเวลาทุกวัน จึงเลิกงานตอนหนึ่งทุ่มกว่าๆทุกวัน และมีเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คนหนึ่งต้องทำงานล่วงเวลาด้วยเช่นกัน เพื่อนร่วมงานคนนี้เป็นผู้หญิง บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานมาก รุ่นพี่ผู้หญิงคนนี้เล่าว่า ตอนเดินทางกลับบ้านกลัวมาก เพราะมักจะเจอคนมาพูดจาแทะโลมบ่อยๆ เนื่องจากต้องเดินเข้าซอยบ้านเพียงคนเดียว ซอยลึกและเปลี่ยวด้วย เธอกลัวว่าจะโดนคนที่มาดักรอเธอนั้น จะฉุดเธอไปทำมิดีมิร้าย จึงขอร้องให้ข้าพเจ้าช่วยเป็นเพื่อนไปส่งที่บ้าน เนื่องจากตอนนั้นข้าพเจ้ามีมอเตอร์ไซด์

   ข้าพเจ้าจึงเป็นธุระไปส่งสาวรุ่นพี่ผู้นี้บ่อยๆ ซอยบ้านรุ่นพี่นี้เปลี่ยวจริงๆ ถึงจะมีบ้านตามข้างทางเป็นระยะๆ ก็เป็นบ้านล้อมรั้วทั้งนั้น ตามทางจึงไม่พบผู้คนเลย

   ต่อมารุ่นพี่ผู้หญิงขอให้เปลี่ยนไปใช้อีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งเป็นซอยเล็กทางขรุขระถนนไม่ดี ทั้งเปลี่ยวและรกร้างยังไม่มีใครมาปลูกบ้าน รุ่นพี่ว่าวันไหนที่ข้าพเจ้าไม่ได้มาส่ง เธอก็ใช้เส้นทางนี้แทนเส้นทางเดิม ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจว่าทางนี้น่าจะอันตรายจากคนฉุดมากกว่าเส้นทางเดิมเสียอีก

ภาพsihawatchara มีดหมอปากกา ด้ามและฝักงาช้าง


   วันหนึ่งเมื่อไปถึงซอยดังกล่าว ปรากฏว่าเกิดฝนตกจนซอยนี้เละเป็นโคลน จึงต้องเปลี่ยนไปใช้ซอยแรกที่เคยใช้ ข้าพเจ้าผิดสังเกตที่พอเข้าซอยไปได้สักพัก สาวรุ่นพี่จะกอดรัดข้าพเจ้าแน่นไม่ยอมพูดจา บางครั้งถึงกับซบหน้ากับแผ่นหลังและตัวสั่น ข้าพเจ้าได้แต่สงสัยว่าเธอน่าจะกลัวอะไร เพราะรู้แน่ว่าไม่ใช่เรื่องชู้สาวระหว่างเธอกับตัวข้าพเจ้าอย่างแน่นอน ตอนนั้นสงสัยว่าน่าจะเห็นพวกคนที่เคยมาดักพูดจาแทะโลม ช่วงนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เส้นทางนี้เป็นเดือนๆ เพราะอีกซอยหนึ่งนั้นทางเละเทะไปหมด

   แล้วความจริงก็ปรากฏ คืนหนึ่งพอข้าพเจ้าขับมอเตอร์ไซด์ถึงบริเวณเดิม สาวรุ่นพี่ก็ซบแผ่นหลังและกอดรัดตัวข้าพเจ้าแน่น ข้าพเจ้าฉุกใจคิดจึงคอยสังเกตทั้งสองข้างทางว่า จะมีคนมาซุ่มดักฉุดสาวรุ่นพี่หรือไม่ แต่สิ่งที่สังเกตเห็นก็คือ ตรงบ้านรั้วสูงทางซ้ายมือนั้น มีเงาเป็นรูปหัวคนขนาดใหญ่กว่าหัวคนจริงๆสักเท่าหนึ่ง พอที่จะมองเห็นรูปพรรณสัณฐานว่าคล้ายหัวมนุษย์ มองเห็นลางๆว่ามีตาจมูกปาก ที่สำคัญคือตาจองมองมาด้วย จึงรู้ได้ทันทีว่า ที่สาวรุ่นพี่ไม่ยอมให้ใช้เส้นทางนี้ก็เพราะว่าเธอเห็นผีนั่นเอง

ภาพsihawatchara  มีดหมอขนาดปากกา


   วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าจึงเตรียมมีดหมอติดตัวไปด้วย เป็นมีดหมอเล่มเล็กจิ๋ว ด้ามและฝักเป็นงาช้าง มีดหมอเล่มนี้ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เมื่อใกล้ถึงบ้านหลังดังกล่าวก็ชักมีดออกจากฝักเล็กน้อย พอถึงบ้านหลังนี้ก็กระแทกมีดกลับเข้าฝักทันที ปรากฏว่ามีเสียงเหมือนของหล่นจากรั้วสูงลงพื้นด้านในบ้าน หลังจากวันนั้นข้าพเจ้าใช้วิธีนี้ทุกครั้ง เสียงของหล่นยังมีอีกสองหรือสามครั้ง แล้วก็ไม่เกิดอีก จนสาวรุ่นพี่สังเกตเห็นอาการที่ผู้เขียนเหมือนตบกระเป๋าเสื้อ เธอเลยถามว่าทำอะไรตอนผ่านบ้านหลังนี้

   ข้าพเจ้าจึงถามเธอว่า ที่กลัวบ้านหลังนี้เพราะเห็นผีใช่ไหม เธอจึงเล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้มีคนร้ายเข้าไปฆ่าเจ้าของบ้านตายคาบ้าน หลังจากนั้นก็มีคนเห็นผีโผล่หัวขึ้นมาเหนือรั้วบ้านหลายครั้ง คนทั้งซอยเลยหนีไปใช้ซอยอื่นกันหมด แต่เธอสังเกตว่าพอข้าพเจ้าทำอาการเหมือนตบกระเป๋าเสื้อเวลาผ่านบ้านหลังนี้ เธอก็ไม่เห็นหัวผีตนนี้ ข้าพเจ้าจึงเล่าว่าได้ใช้มีดหมอทำการขับไล่ผีนั่นเอง

เรื่องที่

   เรื่องนี้เป็นเรื่องมีดหมอทำลายอาถรรพ์ของขลังที่มีส่วนผสมของกระดูกผี เรื่องนี้ข้าพเจ้าพบกับตัวเอง

   ข้าพเจ้าได้รับของขลังที่มีส่วนผสมจากกระดูกผีมาตนหนึ่ง รุ่นน้องเอามาให้โดยไม่ทราบสาเหตุ พอได้มาก็ไม่ได้สนใจอะไร เอาวางไว้บนชั้นวางของเฉยๆแล้วก็ลืมไป ของขลังชิ้นนี้เป็นของที่เสกปลุกจากท่านผู้มีชื่อว่าเชี่ยวชาญเรื่องนี้มาก

   วันหนึ่งข้าพเจ้าเอามีดหมอออกมาดูเล่น พอมีธุระกระทันหันก็เลยไม่ได้เก็บมีดหมอเข้าไว้ในที่ซึ่งเคยเก็บแต่เดิม ได้เอามีดหมอวางไว้ตรงชั้นเก็บของแล้วไปทำธุระ จากนั้นก็ลืมไปสนิทใจ

   ผ่านไปหลายวันนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เก็บมีดหมอ จึงหยิบมีดหมอจากชั้นวางของ ตอนนี้เองที่สังเกตเห็นว่า ของขลังที่มีชิ้นส่วนจากกระดูกผี ได้เกิดอาการแตกออกเป็นสองเสี่ยง แสดงว่าพอเอามีดหมอไปวางใกล้ของขลังที่มีกระดูกผีผสมไว้ อำนาจฤทธิ์ของมีดหมอได้ทำลายล้างอาถรรพ์แรงผี ที่อยู่ในของขลังชิ้นดังกล่าว ของขลังชิ้นนี้จึงแตกออกเป็นสองเสี่ยง แบบที่เรียกว่าของเสื่อมหรือของหนี

ภาพsihawatchara มีดหมอเทพศาสตราเล่มใหญ่


เรื่องที่ ๕

   สามสิบกว่าปีก่อน(นับจาก พ.ศ.๒๕๖๐) ข้าพเจ้าเกิดอาการท้องร่วงอย่างหนัก ต้องเข้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลเก่าแก่มีมานาน ก่อตั้งโดยคณะมิชชั่นนารีในอดีต นายแพทย์ผู้รักษาวินิจฉัยว่าข้าพเจ้าต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ได้เข้าแอดมิดที่ตึกเก่าของโรงพยาบาล เป็นห้องพิเศษเดี่ยว บรรยากาศของห้องดูเก่าแก่คลาสสิคมาก เครื่องใช้ในห้องและเตียงดูเป็นแบบเก่า ราวกับอนุรักษ์เอาไว้

   ข้าพเจ้านอนพักอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อน พอตกดึกก็ง่วงและอ่อนเพลียจึงหลับไป แต่หลับไม่สนิทจะหลับๆตื่นๆทั้งยังรู้สึกแปลกๆชอบกล พอจะหลับก็เหมือนมีอะไรกวนใจให้ตื่นทุกที ในที่สุดก็มองเห็นที่ปลายเตียงอย่างลางๆว่า เหมือนมีคนนั่งจ้องเราอยู่ ท่าทางคล้ายไม่หวังดีด้วย แต่ตอนนั้นข้าพเจ้านึกว่าเราอ่อนเพลียมาก สงสัยว่าสายตาคงอ่อนล้าพร่ามัวไปด้วย จึงรู้สึกเฉยๆกับสิ่งที่เห็น

   อาการหลับๆตื่นๆยังเป็นจนถึงรุ่งเช้า จึงเท่ากับว่านอนไม่เต็มอิ่ม เลยยังอ่อนเพลียอยู่มาก และอาการที่ท้องร่วงก็ยังไม่หาย แค่เพียงทุเลาลงไปบ้างเท่านั้น

   พอถึงกลางคืนตอนจะหลับก็เกิดความรู้สึกแปลกๆอีก คล้ายๆมีคนนั่งจ้องมองแบบไม่เป็นมิตรอีกแล้ว ข้าพเจ้าเริ่มสงสัยว่าตาเราไม่ฝาดแน่ เพราะเราแข็งแรงขึ้นมากกว่าเมื่อวาน นึกไปว่าคงเจอดีเข้าให้แล้ว เลยตั้งสติสำรวมใจรอรับมือเผื่อไว้ก่อน


ภาพsihawatchara มีดหมอชาตรีด้ามฤๅษี


   พอเคลิ้มจะหลับก็รู้สึกเห็นภาพคนนั่งจ้องอีกเหมือนเดิม คราวนี้ตั้งสติสำรวจตัวเองว่าเราตื่นแบบรู้ตัวจริงๆไม่ได้งัวเงีย แล้วเพ่งมองไปที่ปลายเท้าก็แน่ใจว่าเจอดีเข้าแล้วจริงๆ เพราะยังเห็นคนจ้องมาแบบไม่เป็นมิตร แถมยังใส่ชุดผู้ป่วยอีกด้วย

   เนื่องจากข้าพเจ้ายังอ่อนเพลียอยู่ ในที่สุดจึงหลับไป แต่คราวนี้ยุ่งแล้ว เพราะรู้สึกว่าเตียงสั่น จึงฝืนความง่วงกำหนดจิตแผ่เมตตาไปแบบกระท่อนกระแท่นเพราะง่วงมาก สิ่งที่นั่งจ้องนั้นไม่เห็นแล้ว เพียงแต่ว่าพอหลับก็รู้สึกว่าเตียงสั่นจนต้องตื่น นึกโมโหว่าไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็เพราะสิ่งแปลกปลอมดังกล่าว ตื่นขึ้นมาก็กำหนดจิตภาวนาคาถาตามที่เคยได้ทราบมาว่าไล่ปีศาจได้ เตียงก็หยุดสั่น แล้วก็ง่วงอ่อนเพลียหลับไปอีก

   คืนนั้นข้าพเจ้าต้องหลับๆตื่นๆแบบนี้หลายครั้ง ตื่นมาภาวนาคาถาแบบงัวเงียแล้วก็หลับ สักพักก็ตื่นเพราะเตียงสั่นอีก เราก็ภาวนาคาถาอีกแล้วนอนหลับ เป็นเช่นนี้จนข้าพเจ้ารู้สึกโกรธ

   พอถึงตอนเช้ามีเพื่อนมาเยี่ยม จึงขอให้ไปเอามีดหมอที่เก็บไว้ที่บ้านมาให้ เมื่อได้มีดหมอแล้วจึงเอาซุกไว้ที่ใต้หมอน พอถึงเวลากลางคืนก็เอามีดหมอมาขีดวงรอบห้อง และตั้งใจรอคอยสิ่งแปลกปลอม กะว่าวันนี้เราเอาเรื่องบ้างแล้วเพราะโมโหที่ไม่ได้นอน ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บางครั้งรู้สึกว่าสิ่งแปลกปลอมดังกล่าวคล้ายว่าอยู่นอกห้องเป็นครั้งคราว


ภาพsihawatchara มีดหมอเทพศาสตรา


   ข้าพเจ้ารอจนรู้สึกว่ามีอะไรอยู่นอกประตูห้อง จึงชักมีดหมออกจากฝักฟันอากาศออกไปทางประตู คราวนี้มีความรู้สึกว่า เหมือนมีแรงสั่นไหวจนรู้สึกได้อยู่นอกห้อง หลังจากนั้นก็ได้นอนพักอย่างไม่มีอะไรมากวนใจ

  เช้าวันต่อมาตอนสายๆมีคนมาทำความสะอาดในห้อง จึงสอบถามว่าก่อนที่ข้าพเจ้ามาพักที่ห้องนี้ มีคนป่วยเสียชีวิตใช่หรือไม่ ก็ได้รับคำยืนยันว่าใช่ และยังได้ยินเรื่องเล่าว่า คนบนชั้นนี้มองเห็นผู้ป่วยคนเดิมเดินเข้าเดินออกห้องมาหลายวัน และห้องพักผู้ป่วยห้องนี้ก็เพิ่งมีข้าพเจ้ามาพักเป็นคนแรก

   ข้าพเจ้านอนรักษาตัวอีกสองคืน ไม่มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นอีก และบนชั้นนี้ก็ไม่มีใครเห็นสิ่งแปลกปลอมนี้อีกเลย เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลผู้ป่วยบนตึกชั้นนี้เล่าให้ฟังว่า ผู้ป่วยที่นอนในห้องดังกล่าวนั้น นอนป่วยอยู่เป็นเวลาหลายสัปดาห์ สุดท้านเสียชีวิตบนเตียงโดยที่ไม่มีญาติทันเห็นใจ ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยที่ตายไปมาปรากฏตัวให้เห็นว่าเดินเข้าเดินออกห้อง บางทีก็เห็นว่าอยู่บนเตียงบ้างนั่งบ้าง คล้ายว่าวิญญาณของผู้ตายยังวนเวียนอยู่ แต่สองคืนสุดท้ายที่ข้าพเจ้าพักอยู่นั้น ไม่มีใครเห็นวิญญาณหรือผีตนนี้แล้ว


ภาพsihawatchara มีดหมอเทพศาสตราด้ามงาฝักงาเล่มใหญ่


   เรื่องผีกับโรงพยาบาลนี้ มีเรื่องเล่ากันทุกโรงพยาบาล สำหรับข้าพเจ้าเองเคยมีประสบการณ์เจอวิญญาณหรือผีในโรงพยาบาลแบบเจอผีจริงๆแน่นอนสองครั้ง เจอในระยะเผาขนฉิวเฉียด สติสัมปชัญญะดีร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงมั่นใจได้แน่นอนว่าเป็นผี และยังเจอแบบไม่มั่นใจว่าเป็นผีอีกสามถึงสี่ครั้ง ลายละเอียดที่เจอผีโรงพยาบาลครั้งอื่นนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องมีดหมอ จึงไม่ขอเล่าถึง

   ที่ข้าพเจ้าดันเจอผีหรือคล้ายเจอผีหลายครั้งที่โรงพยาบาลนั้น เรื่องของเรื่องก็คือมีแฟนเป็นพยาบาล ต้องไปนั่งรอรับแฟนออกเวรเที่ยงคืนบ่อยๆนั่นเอง

เรื่องที่ ๖

   เรื่องนี้ก็เกิดกับข้าพเจ้าอีก

   ช่วงหนึ่งในชีวิต ข้าพเจ้าต้องเดินทางระหกระเหินไปทั่วประเทศ หลายครั้งต้องเลาะไปตามตะเข็บชายแดน นอนตามป่าบ้างขออาศัยนอนที่กุฏิพระบ้าง หลายครั้งต้องผ่านหรือพักอยู่ในบริเวณที่ชาวบ้านลือกันเรื่องเร้นลับไสยศาสตร์ผีสาง ข้าพเจ้าจึงพกมีดหมอติดตัวไปด้วยเสมอ

   วันหนึ่งต้องผ่านไปยังหมู่บ้านที่ไม่ค่อยมีคนใช้เส้นทางนี้  เส้นทางที่ไปนี้มีวัดเก่าแก่อยู่เชิงเขา ซึ่งบริเวณวัดก็ยังเป็นป่าดีๆนี่เอง ทั้งวัดมีพระอยู่แค่สามรูป วัดเปลี่ยววังเวงไม่น้อย พระท่านให้ลูกน้องข้าพเจ้าไปพักที่ศาล าเพราะมีหลายคนถ้าอยู่กุฏิจะไม่สะดวก ข้าพเจ้าได้พักอยู่ที่กุฏิเก่าหลังหนึ่ง ตอนที่เข้าไปที่กุฏินั้น สังเกตเห็นพระรูปหนึ่งมองมาแบบแปลกๆ ท่านทำท่านชะโงกศีรษะมองซ้ายมองขวาไปที่กุฏิ แล้วอมยิ้มแบบแปลกๆ ข้าพเจ้านึกทันทีว่า บนกุฏินี้น่าจะมีอะไรทีเด็ดแน่ๆ

   ใครที่ไม่เคยไปนอนตามวัดที่อยู่ในป่า หรือวัดที่อยู่ห่างไกลความเจริญมากๆ รับรองได้เลยว่าจะไม่มีวันรู้ว่า ความเปลี่ยวเปล่าเงียบเหงาวังเวงแบบเสียวๆนั้นเป็นเช่นไร ความเงียบนั้นเงียบขนาดว่าถ้าไม่มีเสียงจักจั่นเรไรดังมาจากป่า มันจะเงียบจนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของตัวเอง บางทียังคล้ายว่าได้ยินเสียงหัวใจเราเต้นด้วยซ้ำ


ภาพsihawatchara มีดหมอเหล็กลาย ด้ามแกะเป็นท้าวเวสสุวัณ


   พอตกดึกจัดและเป็นคืนข้างแรมด้วย บรรยากาศจึงมืดๆมัวๆพอมีแสงจันทร์สลัวๆ ข้าพเจ้ายังเคลิ้มๆจะหลับก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบๆที่นอกหน้าต่าง ก็นึกว่าน่าจะเป็นสัตว์ป่าหรือสัตว์ในวัดเดินไปเดินมาจึงไม่สนใจ ยังคงนอนแต่ยังไม่หลับ พอนานๆก็มีเสียงกรอบแกรบๆที่นอกหน้าต่างอีก แล้วก็มีเสียงดังเหมือนมีอะไรขว้างมาโดนที่ฝาห้องด้านนอก จึงนึกถึงภาพพระอมยิ้มเลยรู้ตัวว่าน่าจะเจอสิ่งแปลกปลอมอีกแล้ว

   ข้าพเจ้าลุกขึ้นมาสวดมนต์แผ่เมตตา แล้วนั่งเล่นรอดูเหตุการณ์ว่าจะมีอะไรอีกหรือไม่ สักพักก็มีเสียงดังกรอบแกรบๆอีก คราวนี้ดังใกล้เข้ามากว่าเดิม แล้วก็มีเสียงดังเหมือนโดนของขว้างใส่กุฏิ ตราวนี้ข้าพเจ้าจึงหยิบมีดหมอออกมาจากเป้สัมภาระ ชักมีดหมอออกมาแล้วเอาปลอกมีดวางขวางไว้ที่ขอบหน้าต่าง ตอนวางปลอกมีดนั้นรู้สึกเหมือนกับว่า มีเสียงกรอบแกรบๆถอยห่างออกไป


ภาพsihawatchara มีดหมอแบบมีดพก


   พอกลับมานอนลงไปยังไม่หลับก็มีอะไรแปลกๆอีก คือ เหม็นกลิ่นสาบสางบางอย่าง มีเสียงใบไม้เขย่าๆเป็นบางครั้ง ข้าพเจ้ารำคาญกลิ่นเหม็นนี้มากจนนอนไม่ได้ แล้วก็มีเสียงดังเหมือนโดนขว้างอีกแต่ไม่ได้ดังที่ข้างฝาห้องแล้ว เสียงดังเหมือนของหล่นตรงหน้าไกลออกไป ข้าพเจ้าโมโหขึ้นมาจึงเอามีดหมอมาจบภาวนาพระคาถาตามที่เคยทราบมา แล้วเป่าลมไล่ออกไปตามใบมีดออกไปยังทิศนอกหน้าต่าง เกิดมีเสียงไหวๆของต้นไม้ และกลิ่นเหม็นหายไปในทันที จากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   รุ่งเช้าข้าพเจ้าจึงเดินสำเร็จไปยังทิศทางดังกล่าว สังเกตว่ามีร่องรอยของทางเดินเก่า แสดงว่าเป็นเส้นทางที่ยังมีคนใช้ แต่ทิศทางมุ่งเข้าป่าลึกเข้าไปอีก พอเดินไปจนสุดทางก็พบแนวก่ออิฐคล้ายกำแพงเตี้ยๆเล็กๆยาวราวๆสองเมตรอยู่สองแนวขนานกัน ตรงกลางระหว่างแนวอิฐเป็นช่องว่าง ตรงช่องว่างมีเศษไม้ที่ไหม้เกรียมและมีเศษขี้เถ้าอยู่มาก ก็ทราบในทันทีว่าตรงนี้เป็นเชิงตะกอนเผาศพนั่นเอง

เรื่องที่ ๗

   เพื่อนคนหนึ่งได้รับมีดหมอเล่มเล็กไปจากข้าพเจ้า เพื่อนคนนี้ชอบสะสมวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง มีของจริงบ้างของเก๊บ้างปนๆกันไป แต่จะต้องพกมีดหมอเล่มเล็กนี้ติดตัวเสมอ เพราะเชื่อมั่นว่าถ้าข้าพเจ้าเชื่อว่ามีดหมอเล่มนี้ดีก็ต้องดีแน่นอน

   วันหนึ่งเพื่อนไปเที่ยวบ้านน้องชาย พบว่าน้องชายไม่สบายหมดเรี่ยวหมดแรงนอนซม น้องชายคนนี้เป็นคนเจ้าชู้หน้าตาดีมีเมียหลายคน พอเพื่อนเห็นน้องชายไม่สบายก็แวะไปเยี่ยมอีกหลายครั้ง ครั้งหลังเมียตัวจริงของน้องชายปรึกษาว่า สงสัยจะถูกคุณไสยที่มีคนทำใส่ และเล่าว่าได้ยินคนซุบซิบว่าผัวไปเจ้าชู้เรี่ยราดอีก แล้วผู้หญิงจะเอาตัวไว้ให้ได้ จึงไปจ้างอาจารย์ไสยศาสตร์ทำคุณไสย


ภาพsihawatchara มีดหมอแบบใช้เป็นอาวุธ


   เพื่อนคนนี้ได้ฟังน้องสะใภ้เล่าให้ฟัง ก็เลยใช้มีดหมอทำน้ำมนต์ เพื่อนคนนี้ไม่ได้เป็นผู้มีวิชาคาถาอาคมแต่อย่างไร เพียงแต่ชอบสะสมเครื่องรางของขลังเท่านั้น พอทำน้ำมนต์ก็เอามีดหมอจบขึ้นเหนือหัว ขอบารมีพระอาจารย์ผู้สร้างมีดหมอเล่มนี้ช่วยด้วย แล้วจึงชักมีดออกจากฝัก จี้ปลายมีดจุ่มลงน้ำกวนน้ำวนๆสามรอบ แล้วเอาไปให้น้องชายกิน

   ปรากฏว่าน้องชายทะลึ่งพรวดลุกขึ้นอาเจียนออกมา มีเส้นผมหลายเส้นหลุดออกมาด้วย หลังจากอาเจียนแล้วก็มีสติแจ่มใสขึ้น เล่าให้ฟังว่าตอนนอนหลับชอบฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง รู้สึกกระสับกระส่ายร้อนใจอยากแอบไปหา และผู้หญิงคนนี้ความจริงแล้วตนเองทิ้งไปแล้วด้วย พออาเจียนออกมาเป็นเส้นผม จึงมั่นใจว่าโดนผู้หญิงทำคุณไสยใส่ในของกิน เพราะเจอกันครั้งหลังนี้ได้นั่งรับประทานอาหารที่บ้านผู้หญิง หลังจากนั้นก็เริ่มฝันถึง

เรื่องที่ ๘

   เรื่องนี้ข้าพเจ้าอยู่ในเหตุการณ์ ความจริงไม่อยากเล่า เพราะมีพาดพิงถึงบุคคลอื่นด้วย

   วันหนึ่งพระที่รู้จักกันมานานมากได้ปรึกษาว่า จำเป็นที่จะต้องทำพิธีอย่างหนึ่งแต่ไม่แน่ใจ เพราะไม่มั่นใจและไม่เคยทำมาก่อน จึงขอร้องให้ข้าพเจ้าช่วยไปเป็นเพื่อนทำพิธี ธุระเรื่องพิธีนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

   เมื่อถึงวันนัดหมายข้าพเจ้าก็เดินทางไปที่วัดนี้ พระได้นั่งรออยู่แล้ว พอที่วัดเงียบไม่มีคนพลุกพล่าน ก็จึงค่อยๆแอบหลบออกไปทางหลังวัดซึ่งเป็นที่เปลี่ยวรกร้าง เป็นป่าช้าของวัดนั่นเอง แล้วก็เริ่มทำพิธีกันเดี๋ยวนั้น มีเพียงพระกับลูกมือเป็นสัปเหร่อมือใหม่และข้าพเจ้า เรื่องว่าเป็นพิธีอะไรไม่ขอเล่า

   พอทำพิธีก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น เช่น มีเสียงเหมือนคนเดินเข้ามาบ้าง มีเสียงเขย่าต้นไม้บ้าง มีกลิ่นเหม็นโชยมาบ้าง กลิ่นเหม็นนี้มันกลิ่นศพชัดๆ มีกลิ่นศพทั้งๆที่ป่าช้านี้ถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้มานานแล้ว พระและลูกมือเหงื่อแตกพลั่กทั้งๆที่อากาศเย็นค่อนข้างหนาวด้วยซ้ำ จู่ๆพระกับลูกมือร้องอื้อๆมองด้วยสายตาขอความช่วยเหลือว่าให้ทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งสักที


ภาพsihawatchara มีดหมอแบบเหล็กอาถรรพ์


   ข้าพเจ้าจึงชักมีดหมอเล่มใหญ่ออกจากฝัก แล้วทำตามวิธีที่เคยทราบมา โดยชี้ปลายมีดหมอลงพื้นดิน เดินวนตามเข็มนาฬิการอบจุดที่พระทำพิธีดังกล่าว ระหว่างนั้นรู้สึกได้ว่าตรงทางที่เดินผ่านไปนั้น จากที่รู้สึกมืดๆมัวๆคับข้องชอบกลกลับเหมือนโปร่งโล่ง มีเสียงเหมือนของหล่นของกลิ้งออกไปในบางครั้ง เมื่อเดินวนครบรอบแล้วก็เสียบมีดหมอกลับเข้าฝัก พระก็ทำธุระไปจนเสร็จ

   เรื่องของเรื่องก็คือต้องเข้าไปในป่าช้าเก่าที่ทิ้งร้างมานานแล้ว บริเวณป่าช้านี้วังเวงมาก ไม่มีคนใช้เส้นทางนี้มานานนับสิบปีแล้ว รอบๆป่าช้าเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ล้อมไว้เหมือนหนังผีไม่มีผิด ยังมีร่องรอยหลุมศพเก่าๆให้เห็นอยู่หลายหลุม ส่วนเจดีย์ที่บรรจุอัฐิก็มีอยู่หลายจุด ทั้งยังมีสภาพเก่าแก่ปรักหักพังขาดการดูแลมานานเป็นสิบๆปี มีเชิงตะกอนแบบเก่าที่ใช้ท่อนฟืนมาวางทับศพแล้วจุดไฟเผาด้วย ป่าช้านี้เลิกใช้ไปแล้ว บรรยากาศสภาพแวดล้อมของป่าช้าชวนเสียวสันหลังไม่น้อย ป่าช้านี้เหมาะกับการถ่ายทำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับผีสางมาก

เรื่องที่ ๙

   เรื่องนี้เกิดกับเพื่อนผู้หญิงของข้าพเจ้า

   เพื่อนผู้หญิงคนนี้รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ รู้จักกับสามีเพื่อนด้วย วันหนึ่งเพื่อนขอคำปรึกษาว่าสงสัยสามีถูกคุณไสยทางเสน่ห์ คือถูกผู้หญิงทำเสน่ห์ให้ลุ่มหลงนั่นเอง เพื่อนหญิงคนนี้ขอให้หาอาจารย์ไสยศาสตร์มาช่วยทำการแก้ไขด้วย เพื่อนทุกข์ใจเรื่องสามีมาก พอข้าพเจ้าได้ฟังปัญหาของเพื่อนหญิงแล้ว ยังปลอบใจไปว่าอย่าเพิ่งคิดว่าโดนของ เพราะของอย่างนี้ไม่ได้ทำกันง่ายๆ อาจารย์ไสยศาสตร์ในสมัยนี้ที่ทำได้มีน้อยมาก สามีเพื่อนไม่น่าที่จะซวยไปโดนของเสน่ห์ อาจจะแค่ไปหาเศษหาเลยนอกบ้านบ้างเท่านั้น

   เพื่อนหญิงบอกว่าสามีโดนทำของใส่แน่นอน เพราะเคยอยู่ด้วยกันดีๆกลับมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ สามียังชอบออกจากบ้านไปในตอนกลางคืน บางทีหลายวันถึงจะกลับบ้าน รูปร่างหน้าตาก็หมองคล้ำ พูดคุยอะไรกันเดี๋ยวก็ลืมจำไม่ได้ นอกจากนี้เพื่อนยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตัวเองก็ถูกทำของใส่ด้วย เพราะรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้รู้สึกหวาดระแวงกลัวบ่อยๆ ชอบเห็นเงาหรือได้ยินเสียงกุกๆกักๆรอบบ้าน ได้กลิ่นเหม็นศพเป็นครั้งคราว จึงหวาดกลัวนอนไม่ค่อยหลับ ข้าพเจ้าได้ฟังแล้วก็ใจหาย รู้สึกห่วงเพื่อนหญิงคนนี้มาก แต่ความห่วงนั้นไม่ใช่ห่วงว่าโดนทำคุณไสย แต่ห่วงเพราะกลัวว่าเพื่อนจะเป็นโรคประสาทคิดไปเอง เรื่องโดนคุณไสยนั้นยังไม่เชื่อ


ภาพsihawatchara มีดหมอทำจากเหล็กแทงศพ


   ด้วยความห่วงเพื่อนจึงมอบมีดหมอเล่มเล็กให้ไปหนึ่งเล่ม และบอกวิธีใช้อย่างละเอียดแบบที่ไม่เคยบอกใคร คือบอกวิธีใช้มีดหมอแก้คุณไสย และบอกวิธีใช้มีดหมอทำร้ายให้ด้วย ข้อหลังนี้คิดแค่ว่าให้เพื่อนสบายใจ ไม่ต้องหวาดกลัวคุณไสยหรือภูตผีปีศาจ เพราะคราวนี้มีอาวุธเวทมนตร์แล้ว

   เพื่อนเอามีดหมอไปทำน้ำมนต์โดยเอาปลายมีดจุ่มภาวนาบทพระไตรสรณาคมน์ แล้วเอาไปผสมน้ำดื่มไว้ในตู้เย็น โดยคิดว่าถ้าให้สามีดื่มอาจไม่ยอมดื่ม จึงแอบเอาน้ำมนต์แช่ไว้ในตู้เย็น สามีจะได้หยิบมาดื่มเอง นอกจากนี้ยังเอาน้ำมนต์ที่เหลือไปประพรมรอบบ้าน ประพรมน้ำมนต์ทุกๆห้อง

   หลายวันต่อมาเพื่อนเล่าว่าตั้งแต่ได้มีดหมอไปก็เอาติดตัวตลอด ตอนที่ประพรมน้ำมนต์ก็รู้สึกแปลกๆว่าเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวหนีออกไป ที่แปลกมากก็คืออยู่ๆก็เห็นเศษไม้มีเชือกพันเอาไว้ โดยพบบริเวณสนามหญ้า ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นทั้งๆที่รดน้ำต้นไม้บ้างนั่งเล่นบ้าง ยังไม่เห็นเศษไม้นี้เลย พอประพรมน้ำมนต์มีดหมอ กลับมองเห็นว่าหล่นอยู่ในสนามหญ้า


ภาพsihawatchara มีดหมอเหล็กแทงศพเล่มเล็ก


   พอข้าพเจ้าได้ยินตรงนี้ก็รู้ได้ทันทีว่า ที่เพื่อนเล่าว่าโดนทำคุณไสยนั้นเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว เพราะเศษไม้ที่มีเชือกมัดนั้น ที่แท้ก็คือเศษโลงศพที่มัดด้วยเชือกที่มัดตราสังศพนั่นเอง เพื่อนหญิงคนนี้ก็ใจถึง ตอนเห็นเศษไม้นี้ก็เดาว่าคงเป็นคุณไสย เลยเอามีดหมอฟันแทงเศษไม้โลงศพนี้ แล้วเอาน้ำมันราดจุดไฟเผาด้วยความโกรธแค้น เพื่อนเล่าว่าเกิดเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ มีกลิ่นเหม็นโชยขึ้นมาวูบหนึ่ง

   หลังจากนั้นเพื่อนก็ใช้มีดหมอตามวิธีใช้ทำร้าย ข้าพเจ้าไม่นึกว่าเพื่อนจะทำ ตอนบอกวิธีก็แค่อยากให้เพื่อนสบายใจเท่านั้น ยังบอกไปเลยว่าถ้ารู้ว่าโดนคุณไสยจริงๆให้เรียกข้าพเจ้า เดี๋ยวจะจัดการเป็นธุระให้ แต่นี่เพื่อนกลับใจถึงกล้าทำเอง

   ผลจากการใช้มีดหมอในแบบทำร้ายที่เพื่อนลงมือทำนั้น ได้ผลอย่างเหลือเชื่อ คือ เพื่อนจัดการกับผู้หญิงคนที่เพื่อนสงสัย แล้วผู้หญิงคนดังกล่าวก็เกิดมีเคราะห์ร้ายซ้ำๆซากๆ เจ็บป่วยออดๆแอดๆ และไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนหญิงของข้าพเจ้า สามีเพื่อนก็เลิกสนใจยุ่งเกี่ยวผู้หญิงคนนี้ กลับมาเอาใจเพื่อนหญิงของข้าพเจ้าเหมือนเดิม

   วิธีใช้มีดหมอทำร้ายนั้น ต้องขออภัยที่ไม่สามารถเล่าได้

เรื่องที่ ๑๐

   เรื่องนี้สัปเหร่อเก่าคนหนึ่งเล่าให้ฟัง ตระกูลนี้ทำอาชีพสัปเหร่อกันเลยทีเดียว

   สัปเหร่อผู้นี้เป็นคนภาคกลางแต่ไปมีครอบครัวอยู่ภาคอิสาน ยึดอาชีพสัปเหร่อตามอาชีพเดิมของตระกูล สัปเหร่อผู้นี้ไม่ได้มีวิชาอาคมอะไรมาก แถมยังเป็นคนสำมะเลเทเมาด้วย แต่เป็นคนที่เชื่อมั่นในครูอาจารย์ที่เสกปลุกมีดหมอเล่มที่ตนเองใช้เป็นประจำ

   แกเล่าว่ามักจะได้รับการขอร้องให้ไปปราบผีอยู่บ่อยๆ โดยมากจะเป็นกรณีที่เคยมีหมอผีมาทำพิธีไล่ผีแต่ไม่สำเร็จ คนเลยต้องมาเชิญให้แกไปทำพิธี แกก็ไปทำพิธีให้ทุกครั้งเพราะอยากได้ค่าจ้าง


ภาพsihawatchara มีดหมอเหล็กแทงศพ


   พอแกไปถึงบ้านที่มีคนถูกผีเข้าทีไร แกก็จะเอามีดหมอยกขึ้นจบเหนือหัว แล้วทำทีเป็นท่องคาถาปากมุบมิบ แต่ความจริงนึกถึงครูบาอาจารย์ที่เสกปลุกมีดหมอ แล้วเอามีดหมอจิ้มเข้าไปที่คนถูกผีเข้า ปรากฏว่าผีที่สิงอยู่หนีออกจากร่างทันที บางรายผีในร่างคนที่ถูกผีสิงกำลังอาละวาดอยู่ พอแกไปถึงชักมีดหมอออกมาเท่านั้น คนที่ถูกผีเข้าก็ร้องว่ากลัวแล้วๆทุกที

   บางทีก็มีคนมาจ้างให้ไปเอาของบางอย่างจากศพ สัปเหร่อผู้นี้ก็ใช้มีดหมอเล่มนี้จัดการสะกดผี โดยเอามีเคาะไปที่ศพบ้าง เอามีดจิ้มศพบ้าง เอามีดกดหัวศพบ้าง แล้วเอาของที่ต้องการจากศพไปขายให้คนที่มาว่าจ้าง มีดหมอเล่มนี้แกใช้ทำสารพัด ตั้งแต่ไล่ผี ถอนของ แหวะซากศพ เขี่ยศพ แม้แต่ผีที่เชื่อกันว่าเฮี้ยนๆแรงๆเช่นผีตะเคียน แกก็ใช้มีดหมอทำพิธีไล่ไปอย่างง่ายๆ เช่นแทงเข้าไปที่ต้นไม้ แกเล่าว่าบางครั้งแกตกใจเหมือนกัน เพราะพอแทงต้นไม้แล้วได้ยินเสียงกรีดร้องก็มี สัปเหร่อผู้นี้รับจ้างไล่ผีถอนของจนมีคนนับถือว่ามีวิชาอาคมขลัง

เรื่องที่ ๑๑

   เป็นเรื่องจากความทรงจำในวัยเด็ก

   ตอนที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่ชั้นประถมปลาย(ช่วงไม่เกิน พ.ศ.๒๕๑๕) ได้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของมารดา ขณะนั้นเป็นช่วงปิดเทอม จึงได้ไปเที่ยวที่นั่นและพักอยู่หลายวัน แล้ววันหนึ่งก็ได้พบเรื่องประหลาด เรื่องมีอยู่ว่า

   คืนหนึ่งได้ยินลุงสั่งกำชับว่า ตอนดึกๆถ้าได้ยินเสียงอะไรก็อย่าร้องทัก และไม่ต้องตกใจ คืนนี้เขาจะลองวิชากัน ตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจ

   พอตกดึกเงียบสงัดอย่างน่าแปลกใจ เกิดมีเสียงลมพัดกระโชกเป็นครั้งคราวแต่เหมือนไม่มีลม บางทีก็มีเสียงยอดไผ่ดังลั่นเหมือนมีอะไรมาชน บางทีมีเสียงปล้องไม้ไผ่แตกดังลั่น บางทีก็มีเสียงคนหัวเราะเฮๆ(คนที่คอยสังเกตการณ์) ที่ผิดปกติคือ วันนั้นชาวบ้านเข้านอนกันเร็วกว่าปกติ ไม่เห็นมีคนมานั่งล้อมวงคุยกันเหมือนอย่างเคย


ภาพsihawatchara มีดหมออาจารย์ชุม ไชยคีรี


   ที่บ้านของมารดานั้น บางทีคนที่อยู่ในบ้านก็ออกเสียงเบาๆว่ามาแล้วๆ สังเกตว่าเป็นช่วงที่เหมือนมีเสียงลมพัดแรงๆ หรือช่วงมีเสียงยอดไผ่ดังลั่น ครั้งหนึ่งมีเสียงอุทานว่า เอ้า..แรงดีแท้ ไม้หักเลย

   พอรุ่งเช้า ก็มีคนเอาของใส่หม้อมาให้ญาติๆที่บ้านมารดาดู ปรากฏว่าเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ ได้ความว่าเป็นเนื้อที่ถูกส่งมาลองของ ถ้าแก้ได้ก็ได้กินเนื้อฟรีๆ พวกญาติๆเล่าว่า เมื่อคืนเขานัดลองวิชากัน มีการผลัดกันปล่อยของแล้วให้อีกฝ่ายแก้ เนื้อก้อนนี้ได้จากการเสกมีดหมอฟันไปที่กิ่งต้นกล้วย แล้วก้อนเนื้อก้อนนี้ก็หล่นลงมา จากที่ได้ยินญาติๆเล่าให้ฟัง แกว่าคราวนี้มีควายธนูบินมาชนยอดไผ่หักเลย ควายธนูโดนมีดหมอตบจนแฉลบออกไปชนต้นไผ่ ตอนนี้ชาวบ้านเลยช่วยกันตัดไม้ไผ่ที่หักคาต้น จะเอามาใช้ทำแคร่เอาไว้นั่งเล่นในหมู่บ้าน


ภาพsihawatchara มีดหมอหลวงพ่อฤๅษีลิงดำขนาดจิ๋ว


   ขณะนั้นข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก แต่ก็รู้ความแล้ว จึงมีความประทับใจในคุณวิเศษของมีดหมอ และสนใจเสาะหามีดหมอที่ขลังๆมาจนถึงทุกวันนี้

เรื่องและภาพโดย sihawatchara อนุญาตให้นำไปใช้ได้

Reading for foreigners
Some spells chapter of  holy knife ( protection, Devils defense)

1. The magic weapon of the four Gods.
sak gas sa wa chi ra wut tang
yom mus sa na ya na wut tang
wes su wan nus sa kha ta wut tang
ah ia wag gas sa thu sa wut tang
jud ta ro ah wut tha nang
a' te sang ah nu pha way na
sup phe yuk ka pa la yan ti

2.The 16 God
na ma na ah
nor gor na ka
gor or nor ah
na ah ka aug

3.The crown of Lord Bhudda (The crown of God)
e ti pie so wi se se e
e se se bhud dha na me e
e mae na bhud dha tang so e
e so tang bhud dha pie tee e