พระพุทธรูปสวัสดิมงคลเลื่อนยศ และ พระพุทธรูปชวนวิวาท
สมัยรัชกาลที่ ๕
พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรเป็นพระอุโบสถหินอ่อนที่สวยงามมาก
ใครๆต่างก็ทราบว่าภายในพระอุโบสถมีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน แต่ในปัจจุบันมีน้อยคนที่ทราบว่า
ที่วัดเบญจมบพิตรนี้ เดิมเมื่อแรกสร้างพระอุโบสถชั่วคราวนั้น
เคยมีพระประธานมาก่อนพระพุทธชินราชจำลอง เมื่อสร้างพระอุโบสถใหญ่เสร็จ และหล่อพระพุทธชินราชจำลองสำเร็จแล้ว
พระประธานของพระอุโบสถชั่วคราวจึงถูกอัญเชิญไปประดิษฐานอยู่ในพระบรมมหาราชวัง
พระพุทธรูปองค์นี้ก็คือ พระพุทธนรสีห์
![]() |
ภาพจากวิกิพิเดีย วัดเบญจมบพิตร |
พระพุทธนรสีห์เป็นพระที่นับถือกันว่า
เป็นพระที่มีอภินิหารให้เกิดสวัสดิมงคล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ได้ทรงเล่าเรื่องพระพุทธนรสีห์ไว้ในหนังสือ นิทานโบราณคดี
โดยทรงเล่าควบคู่กันกับพระพุทธรูปประหลาดองค์หนึ่ง
ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีอาถรรพ์ทำให้คนวิวาทกันได้
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพในครั้งที่ยังเป็นพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นดำรงราชานุภาพ
ทรงเสด็จตรวจราชการมณฑลพายัพครั้งแรกเมื่อพ.ศ.๒๔๔๑ ทรงใช้เส้นทางเรือจากกรุงเทพฯถึง
จ.อุตรดิตถ์ จากนั้นจึงเสด็จทางบกไป แพร่ น่าน ลำปาง ลำพูน แล้วจึงถึงเชียงใหม่
![]() |
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ |
ตอนที่เสด็จถึงอุตรดิตถ์ทรงต้องพระทัยพระพุทธรูปองค์หนึ่ง
พระพุทธรูปองค์นี้แหละที่ว่าเป็นพระแปลกประหลาด เชื่อกันว่าทำให้คนวิวาทกัน
เรื่องนี้จะกล่าวถึงตอนหลัง จะขอกล่าวถึงพระพุทธรูปองค์หนึ่งก่อน
ที่ต่อมาได้ชื่อว่าพระพุทธนรสีห์ ที่เชื่อกันว่าอำนวยให้เกิดสวัสดิมงคลเป็นอย่างยิ่ง
พระพุทธนรสีห์..พระที่เป็นสวัสดิมงคลเลื่อนยศ
เมื่อสมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯทรงเดินทางถึง
จ.เชียงใหม่ ทรงแวะเยี่ยมชมวัดพระสิงห์แล้วพบว่า บนฐานชุกชีพระในวิหารนั้น
มีพระพุทธรูปหล่อโลหะทั้งที่ดีและชำรุดกองรวมกันอยู่ พระองค์จึงทรงปีนขึ้นไปสำรวจ
และทรงถูกใจพระพุทธรูปเชียงแสนองค์หนึ่ง มีขนาดใหญ่ตรงตามพระประสงค์พอดี
พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระสมัยเชียงแสน มีพุทธลักษณะงดงามมาก
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯทรงบรรยายไว้ในนิทานโบราณคดีว่า พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระนั่งขัดสมาธิเพชรแบบเชียงแสน
มีลักษณะงามต้องตา เมื่อได้ยกพระลงมาตั้งแล้วพิจารณายิ่งดูก็ยิ่งงาม
พระองค์จึงได้ขอพระองค์นี้จากเจ้าเชียงใหม่ แล้วเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ลงมากรุงเทพฯ
![]() |
ภาพจากsomboontours.com วัดพระสิงห์ |
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงขอให้ท่านเจ้ามาทำการขัดแต่ง
ท่านเจ้ามานี้ก็คือพระพุฒาจารย์มาวัดจักรวรรดิราชาวาสหรือวัดสามปลื้ม
ขณะนั้นท่านเจ้ามายังมีสมณศักดิ์เป็นพระมงคลทิพมุนี
พระพุทธรูปองค์นี้ขณะยังอยู่ที่วัดจักรวรรดิฯ
พอมีคนมาเห็นต่างก็ต้องบอกว่างดงามมาก
ท่านเจ้ามาได้ให้ช่างที่วัดทำการขัดแต่งพระ
ก็พบว่าสีผิวพระมีเนื้อทองสุกปลั่งสวยงามมาก มองดูโดยรวมแล้วพระพุทธรูปองค์นี้สวยงามแปลกตา
![]() |
ภาพจากlaksanathai.com พระพุทธนรสีห์ |
เมื่อสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพรับพระกลับไป ก็ทรงตั้งประดิษฐานไว้ที่ท้องพระโรงวังของพระองค์
ซึ่งขณะนั้นยังเป็นวังเดิมที่อยู่บริเวณสะพานดำรงสถิต(สะพานเหล็ก)
ใครๆที่มาเห็นพระพุทธรูปองค์นี้ก็ว่างามแปลกตาจริงๆ
ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯโปรดให้สร้างวัดเบญจมบพิตร
ทรงปรารถนาหาพระพุทธรูปขนาดย่อมลงมากว่าพระที่ตั้งไว้บริเวณระเบียง
เพื่อตั้งเป็นประธานขณะสร้างวัด จึงรับสั่งให้สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯเสาะหาพระพุทธรูปที่งามๆมาประดิษฐาน
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯจึงกราบทูลว่ามีพระพุทธรูปที่สวยงามและมีขนาดตรงตามพระประสงค์อยู่พอดี
![]() |
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
หลังจากนั้น
๒ - ๓ วัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเสด็จไป จ.สมุทรปราการ
เพื่อรับพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดพบที่อินเดีย และได้ถวายให้แด่พระองค์
พระองค์ทรงแวะที่วังของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯก่อน
ได้ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปเชียงแสนองค์นี้ก็พอพระทัย ออกพระโอษฐ์ว่า
“พระองค์นี้งามแปลกจริงๆ”
แล้วตรัสสั่งให้กรมวังจัดยานมาศกับขบวนแห่มารับพระพุทธรูปเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง
ทรงถวายพระนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพุทธนรสีห์”
![]() |
ภาพจากหนังสือนิทานโบราณคดี พระพุทธนรสีห์ |
เมื่อพระอุโบสถ์ชั่วคราวสร้างเสร็จ
จึงอัญเชิญพระพุทธนรสีห์มาตั้งเป็นองค์ประทาน
พระพุทธนรสีห์จึงเป็นพระประธานอยู่จนกระทั่งสร้างพระอุโบสถใหญ่เสร็จ
แต่เมื่อตรวจหาพระพุทธรูปโบราณที่สวยสมบูรณ์ และมีขนาดใหญ่เหมาะสมที่จะเป็นพระประธาน
ก็ไม่พบองค์ที่เหมาะ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯจึงโปรดให้หล่อจำลองพระพุทธชินราชมาเป็นพระประธานในพระอุโบสถ์วัดเบญจมบพิตร
และหล่อจำลองพระพุทธนรสีห์ไว้เป็นประธานที่วิหารสมเด็จ ส่วนพระพุทธนรสีห์องค์จริงโปรดให้อัญเชิญกลับไปประดิษฐานไว้ในพระที่นั่งอัมพรสถาน
พระราชวังดุสิต
![]() |
ภาพจากวิกิพิเดีย วัดเบญจมบพิตร |
![]() |
พระพุทธนรสีห์จำลอง |
สมเด็จๆกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเล่าไว้ในนิทานโบราณคดีว่า
มีคนชอบพูดกันว่า พระพุทธนรสีห์เป็นพระมีอภินิหารให้เกิดสวัสดิมงคล
สาเหตุที่คนลือกันเช่นนี้ก็เพราะว่า
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพอัญเชิญพระองค์นี้มาแล้ว
หลังจากนั้นก็ได้เลื่อนยศจากกรมหมื่นขึ้นเป็นกรมหลวง ท่านเจ้ามาวัดสามปลื้มที่เป็นผู้อำนวยการปฏิสังขรณ์พระองค์นี้
ก็ได้เลื่อนยศจากพระมงคลทิพมุนีให้เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่ พระพุฒาจารย์
แม้แต่พระภิกษุเปี่ยมที่เป็นช่างผู้แต่งพระพุทธนรสีห์
ก็ยังได้สมณศักดิ์เป็นพระครูมงคลวิจิตร
จึงเชื่อกันว่าพระพุทธนรสีห์มีอภินิหารทางสวัสดิมงคล คือเจริญรุ่งเรือง
ถ้าเป็นสมัยนี้คงต้องเรียกกันว่า พระพุทธนรสีห์นี้ดีทางเลื่อนยศ
พระพุทธรูปอาถรรพ์ทำให้วิวาทกัน
ในคราวเดียวกันกับที่สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพอัญเชิญพระเชียงแสน(พระพุทธนรสีห์)ลงมาจากเชียงใหม่นั้น
ก่อนหน้านี้ครั้งที่ทรงแวะที่อุตรดิตถ์
ก็ได้อัญเชิญพระพุทธรูปจากอุตรดิตถ์ลงมากรุงเทพฯก่อน
พระองค์นี้ทรงได้มาจากวัดมหาธาตุเมืองทุ่งยั้ง
โดยพระองค์นี้ถูกวางนอนไว้บนพระหัตถ์ของพระประธาน
พระพุทธรูปองค์ที่อยู่บนพระหัตถ์ของพระประธานนั้น เดิมอยู่ที่วัดอื่นมาก่อน
แต่แล้วไม่รู้ว่าใครเป็นผู้เอาพระองค์นี้มาวางนอนบนพระหัตถ์ของพระประธานวัดมหาธาตุ
พระองค์นี้มีประวัติเล่ากันว่า ถ้ามีคนไปถวายเครื่องบูชา
รับรองว่าอีกไม่นานจะต้องมีเหตุทะเลาะวิวาทในตำบลนั้น
บางทีพวกลูกศิษย์วัดก็เห็นว่าที่วัดมีงานใดๆ ก็จะนึกอุตริเอาครื่องบูชาไปสักการะพระองค์นี้
แล้วก็จะเกิดคนทะเลาะวิวาทในงานวัด เมื่อพระองค์นี้มีคนแอบเอามาไว้ที่วัดมหาธาตุ
ปรากฏว่าไม่มีใครมาตามเอาพระองค์นี้กลับไปไว้วัดเดิม
![]() |
ภาพจากoknation.nationtv.tv วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง(วัดมหาธาตุ) |
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงขอพระองค์นี้แล้วส่งลงมากรุงเทพฯ
พระองค์จุดธูปเทียนบูชาพระแล้วให้อัญเชิญพระลงเรือ เพื่อส่งลงไปที่กรุงเทพฯให้ท่านเจ้ามาขัดแต่ง
พอถึงตอนค่ำก็มีข่าวว่าฝีพายเรือเกิดทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน
จากนั้นพระองค์ทรงตรวจราชการต่อไปจนถึงเชียงใหม่ แล้วได้พระเชียงแสนที่ภายหลังก็คือพระพุทธนรสีห์มาอีกองค์หนึ่ง
เมื่อสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จกลับกรุงเทพฯแล้ว
ภายหลังจากที่ถวายพระพุทธนรสีห์ให้แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ
ก็รับเอาพระพุทธรูปองค์ที่มีประวัติว่าเป็นพระทางวิวาท
เอามาประดิษฐานแทนพระที่ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ
ปรากฏว่าหลังจากนั้นในเวลาสองเดือน คนในวังของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ก็เกิดการทะเลาะวิวาทกันถึง ๖ คู่ พระองค์จึงมอบพระให้ท่านเจ้ามา
หลังจากท่านเจ้ามารับพระเชียงแสนองค์นี้ไปแล้ว
ปรากฏว่าคนในวัดจักรวรรดิก็ทะเลาะวิวาทกันบ่อยๆ มีถึงขนาดไปตีหัวเจ๊กขายเกี้ยมอี๋
ท่านเจ้ามาจึงมอบพระเชียงแสนองค์วิวาทให้พ่อค้าหัวเมืองไป
พระเชียงแสนองค์ชวนทะเลาะนี้ไม่สามารถสืบว่าไปอยู่ที่ใด จึงไม่มีรูปภาพที่ถ่ายไว้
ทราบเพียงแต่ว่าเป็นพระพุทธรูปเชียงแสนที่งดงามองค์หนึ่ง
***เพิ่มเติม
***เพิ่มเติม
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้จัดพิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานสงฆ์ พร้อมด้วยพระสงฆ์ 175 รูป ในวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 16.30 น. ณ พระลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า)
พร้อมกันนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ "พระพุทธนรสีห์” พระพุทธรูปยุคเชียงแสน ปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีพระพุทธลักษณะงดงามยิ่ง และไม่เคยอัญเชิญออกนอกสถานที่ให้ประชาชนทั่วไปได้ถวายสักการะมาก่อน
พร้อมกันนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ "พระพุทธนรสีห์” พระพุทธรูปยุคเชียงแสน ปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีพระพุทธลักษณะงดงามยิ่ง และไม่เคยอัญเชิญออกนอกสถานที่ให้ประชาชนทั่วไปได้ถวายสักการะมาก่อน
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่อัญเชิญมาเป็นพระประธานในพิธี โดยริ้วขบวนตามแบบโบราณราชประเพณีอันงดงาม
จาก http://konkao.net
ภาพเพิ่มเติม
![]() |
ภาพจาก ข่าวสด |
![]() |
ภาพจาก tnews |
![]() |
ภาพจาก khaosod |
ข้อมูลจากหนังสือนิทานโบราณคดี
พระนิพนธ์สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ