วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย..๑๙..ท่านท้าวเวสสุวัณ





ท้าวเวสสุวัณ..Thaw Ves Su Van (Giant god)


   นึกถึงสมัยที่ข้าพเจ้าหรือแอดมินนี้ยังเป็นเด็กเล็ก (โอ้โฮ..นี่มันนานกว่าครึ่งร้อยปีเชียวหรือนี่) เมืองไทยในครั้งนั้นก็นับว่าเจริญตามยุคสมัย รถยนต์มีวิ่งกันเกลื่อนแต่ยังไม่แน่นขนัดแบบปัจจุบัน ผู้คนยังมีไม่มากเหมือนอย่างปัจจุบัน  จำได้ว่าพอเรียนหนังสือก็ได้ยินผู้ใหญ่เล่าว่า การสำรวจสำมะโนครัว(สำมะโนประชากร)คราวก่อนนั้น ประเทศไทยมีพลเมืองมากประมาณถึงยี่สิบห้าล้านคนแล้ว พอถึงปี พ.ศ.2513 ข้าพเจ้าเป็นเด็กที่พอรู้ความแล้ว มีการสำรวจสำมะโนประชากรอีก คราวนั้นประมาณว่าประเทศไทยมีประชากรปาเข้าไปถึงสามสิบห้าล้านคน 

  คนรุ่นข้าพเจ้ายังอยู่ต่อมาจนได้รับรู้ว่า ปัจจุบัน พ.ศ. 2562 ประเทศไทยเรามีประชากรประมาณเกือบเจ็ดสิบล้านคน นี่นับเฉพาะที่มีหลักฐานปรากฎแน่นอน ส่วนที่ตกสำรวจหรือไม่มีหลักฐาน เช่นชนกลุ่มน้อยหรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลมากๆรัฐยังไม่ออกบัตรประชาชนให้ แบบนี้ยังมีอีกบ้าง... 

  ในสมัยที่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กเล็กรุ่นประชากรมียี่สิบกว่าล้านคน การเลี้ยงเด็กเล็กในขณะนั้นยังนิยมเลี้ยงกันแบบโบราณ คือจะเลี้ยงเด็กโดยให้เด็กนอนในเปลที่ทำขึ้นมาอย่างง่ายๆ จะใช้ผ้าผืนยาวๆแบบผ้าขาวม้า หรือใช้ผ้านุ่งของแม่เอามาขมวดปมหัวท้าย แล้วเอาเชือกมัดปมผ้าทั้งสองข้างเพื่อโยงไปผูกไว้กับเสา เรียกเปลแบบนี้ว่า เปลญวน 

  ตอนที่ข้าพเจ้าเป็นเด็กเล็กยังนอนเปลญวนนั้น แน่นอนว่ายังไม่รู้ความเพราะยังเป็นเด็กเกินไป พอโตขึ้นมาหน่อยและมีน้องๆเกิดตามมา ก็เห็นน้องๆนอนในเปลญวนทุกคน ข้าพเจ้ายังเคยไกวเปลให้น้องอยู่บ่อยๆ ตอนนี้เองที่สังเกตเห็นว่า ที่เหนือเปลมักจะมีของสองสิ่งผูกลอยไว้เหนือเปล คือ ปลาตะเพียนที่สานจากใบลานกับมีผ้ายันต์อีกผืนหนึ่งหรือบางทีก็มีสองผืน ผ้ายันต์นี้ผืนหนึ่งจะเป็นรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าแม่ซื้อ(จะเล่าเป็นเรื่องแยกอีกเรื่องหนึ่งเฉพาะ) อีกผืนหนึ่งจะเป็นรูปยักษ์ยืนจังก้าถือกระบองยาว ผ้ายันต์รูปยักษ์นี้ก็คือท่านท้าวเวสสุวัณ บางทีจะผูกผ้ายันต์ท่านท้าวเวสสุวัณติดกับเปลกันเลย

ยันต์ท่านท้าวเวสสุวัณ

    เด็กทารกตลอดจนเด็กเล็กนั้น จะมีเครื่องรางของขลังยันตราเอาไว้ป้องกันภัย ถ้าเป็นยันต์แม่ซื้อนั้นก็เป็นที่เข้าใจได้ง่ายๆจากคำเรียกว่า "แม่ซื้อ" คือใครๆได้ยินคำว่าแม่ซื้อแล้วต้องนึกถึงอะไรๆที่เกี่ยวกับความเป็นแม่ จึงเข้ากันได้กับเด็กๆ แต่ยันต์รูปยักษ์นี่สิที่น่าฉงนที่ทำไมยักษ์ที่ตัวใหญ่ๆน่าตาดุๆถึงกลายมาเป็นผู้พิทักษ์เด็กๆ แถมยังเป็นยักษ์ในระดับโคตรของโคตรมหาพญายักษ์อย่างท่านท้าวเวสสุวัณอีกด้วย จากข้อที่อัญเชิญรูปท่านท้าวเวสสุวัณมาแผ่บารมีคุ้มครองเด็กๆนี้ เป็นการสื่อได้อย่างหนึ่งว่า ท่านท้าวเวสสุวัณต้องเป็นพญายักษ์ที่ใจดีมีเมตตา

  คนไทยเรานับถือท่านท้าวเวสสุวัณสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เชื่อถือกันว่าท่านมีอานุภาพทางด้านคุ้มครองป้องกันภัย กันภูตผีปีศาจ และยังมีมหาลาภมากเป็นพิเศษ เพราะท่านท้าวเวสสุวัณมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ธนบดี แปลว่าเจ้าแห่งทรัพย์ ท่านท้าวเวสสุวัณเป็นท้าวจตุโลกบาลประจำทิศเหนือ มีอาวุธวิเศษเป็นกระบองชื่อ  กระบองมหากาล
  
  ท่านท้าวเวสสุวัณมีหลายชื่อ เช่นท้าวกุเวร ท้าวกุเปรัน ท้าวไวศรวัน ทางจีนเรียก โต้เหวน โต้บุ๋น บางทีก็ไปอิงกับเรื่อง นาจา โดยเอาพ่อนาจาที่ชื่อ หลี่เจ็ง มาเป็นท่านท้าวเวสสุวัณ ทางญี่ปุ่นเรียกท่านท้าวเวสสุวัณว่า พิสม่อน


ท้าวเวสสุวัณจีน

ท้าวเวสสุวัณญี่ปุ่น


   ทางไทยเราจะรู้จักคุ้นเคยกับท่านท้าวเวสสุวัณในรูปของพญายักษ์ยืนถือกระบองยาวมีกายสีเขียว สัณฐานสูง ๒ คาวุต หรือประมาณ ๒๐๐ เส้น คิดเป็นเมตรจะได้ 8,000 เมตร(1 เส้น = 40เมตร)ตามตำนานว่า ท่านท้าวเวสสุวัณหรือท้าวกุเวรเป็นเจ้าแห่งขุมทรัพย์มียักษ์ และคุยหกะ (ยักษ์ผู้เฝ้าขุมทรัพย์) เป็นบริวาร ในตำนานว่าไว้แปลกๆว่าท่านท้าวมีผิวขาว  มีฟัน 8 ซี่ และมีขาสามขา จึงสร้างหรือวาดรูปท่านท้าวเวสสุวัณยืนย่อเข่า ถือไม้กระบองยาว  หมายถึงขาที่สามคือไม้เท้า เมืองของท่านชื่อ อลกา อยู่บนเขาหิมาลัย มีสวนอุทยานอยู่ไหล่เขาแห่งหนึ่งของเขาพระสุเมรุ ชื่อว่า สวนไจตรต หรือ มนทร มีพวกกินนรและคนธรรพ์เป็นผู้รับใช้

    ท่านท้าวเวสสุวัณนี้สถิตอยู่ยอดเขายุคนธรอีสานราชธานี มีสระโกธาณีใหญ่ ๑ สระ ชื่อ ธรณี กว้าง ๕๐ โยชน์ ในน้ำ เต็มไปด้วยปทุมชาติ และอุดมไปด้วยหมู่สัตว์น้ำต่างพรรณ ขอบสระมีมณฑปชื่อ ภคลวดีกว้างใหญ่ ๑๒ โยชน์ มีเครือเถาภควดีลดาวัลย์ ซึ่งมีดอกสวยงาม

   ท่านอาจารย์ ส.พลายน้อย ได้เขียนไว้ในหนังสือ เทวนิยาย มีใจความละเอียดมาก นับว่าเป็นตำนานท่านท้าวเวสสุวัณที่ละเอียดที่สุด โดยเรียบเรียงจากตำนานเก่าทางอินเดียและไทย จากหนังสือเก่าเช่นไตรภูมิพระร่วง ข้าพเจ้าอ่านแล้วชอบใจ ขออนุญาตย่อความบางส่วนมาเล่าสู่กันฟังดังนี้


ภาพจากนิตยสารลานโพธิ์


  ครั้งกฤตยุค มีฤๅษีชื่อ ปุลัสตย์ เป็นโอรสของพระพรหมธาดา ฤๅษีปุลัสตย์ไปบำเพ็ญอยู่ในป่าที่เป็นเขตแดนของท้าวตฤณวินทุ เชิงเขาพระสุเมรุ

  วันหนึ่งลูกหลานของท้าวตฤณวินทุไปเล่นส่งเสียงดังในบริเวณที่ฤๅษีบำเพ็ญเพียร ฤาษีปุลัสตย์ออกมาไล่และสาปว่า ต่อไปนี้ถ้ามีสตรีใดเข้ามาในเขตสายตา ก็ให้สตรีนั้นมีครรภ์ ต่อมาคำสาปนี้มีผลกับลูกสาวของท้าวตฤณวินทุที่ชื่อ อิฑาวิฑา เมื่อท้าวตฤณวินทุทราบเรื่องก็เลยยกนางอิฑาวิฑาให้เป็นชายาฤๅษีปุลัสตย์ ท่านฤๅษีจึงมีเมียนับแต่นั้น ภายหลังมีลูกชื่อว่า วิศราวะ หรือ วิศรพ บางทีเรียก เปาลัสตย์ เปาลัสตย์หรือวิศราวะถือเพศฤาษีตามบิดา

  ต่อมาภรัทวาชมุนียกลูกสาวชื่อ นางเทพวรรณิณีให้เป็นชายาของวิศราวะ นางเทพวรรณิณีคลอดบุตรเป็นชาย ให้ชื่อว่า ไวศรวัณ หรือเรียกอีกชื่อว่า กุเวร(ท้าวเวสสุวัณ) ท้าวกุเวรมีน้องชายต่างแม่คือทศกัณฐ์

  ท้าวกุเวรบำเพ็ญเพียรจนได้รับพรจากพระพรหมว่า ให้มีฤทธิ์ครอบงำคนทั้งปวง เป็นเจ้าแห่งทรัพย์ และได้รับบุษบกวิเศษ ท่านท้าวมหาพรหมให้ท้าวกุเวรเป็นจตุโลกบาลประจำทิศเหนือและได้ครองกรุงลงกา ต่อมาทศกัณฐ์แย่งชิงกรุงลงกาไปได้ ท้าวกุเวรจึงไปครองเมืองอละกาที่พระพรหมสร้างให้ใหม่

  ท่านอาจารย์ ส.พลายน้อย เล่าเรื่องท่านท้าวเวสสุวัณไว้ในหนังสือเทวนิยายอย่างละเอียด ควรไปหาอ่านกัน


ท้าวเวสสุวัณแกะจากงาช้างของหลวงพ่อแลวัดพระทรง

  เรื่องท่านท้าวกุเวรเป็นเรื่องของภารตะ เป็นมหายักษ์ตนหนึ่งในรามเกียรติ์ แต่ไปๆมาๆไหงมาเป็นเรื่องแบบไทยๆได้ก็ไม่ทราบ ถึงขนาดว่าเชื่อกันว่าท่านท้าวกุเวรหรือท่านท้าวเวสสุวัณนั้น เป็นเทพอสูรฝ่ายดีที่คุ้มครองพระพุทธศาสนา จนกระทั่งท่านท้าวเวสสุวัณกลายมาเป็นสุดยอดมงคลวิชาที่กำจัดภูตผีปีศาจอาถรรพ์ทั้งหลาย และเป็นยอดทางมหาลาภด้วย

  ทางสยามเมืองยิ้มนั้น มีตำรับท้าวเวสสุวัณที่นับถือว่ามีคุณวิเศษในทางคุ้มครองป้องกันสารพัดภัย กันภูตผีปีศาจ ทั้งกันทั้งแก้อาถรรพ์เสนียดจัญไรทั้งปวง และเป็นมหาลาภอีกด้วย วัตถุมงคลท่านท้าวเวสสุวัณทุกๆแบบปรากฏคุณวิเศษมาแล้วทุกยุคทุกสมัย ยิ่งถ้าเป็นวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังที่นิยมมีไว้เพื่อคุ้มครองเด็กๆนั้น ต้องนึกถึงผ้ายันต์ท่านท้าวเวสสุวัณ ที่เอามาแขวนไว้เหนือเปลเด็ก หรือผูกผ้ายันต์ท่านท้าวเวสสุวัณไว้ตรงหัวเปล ตำรับท้าวเวสสุวัณมีทั้งแบบที่เป็นยันต์ เครื่องรางจำพวกหล่อด้วยโลหะ แกะสลักจากไม้มงคลและพวกเขี้ยวงา กระทั่งไม่มีเครื่องรางรูปท่านท้าวเวสสุวรรณติดตัวไว้ ก็ใช้เพียงคาถาท่านท้าวเวสสุวัณเท่านั้นเป็นประสิทธิ     

  มีพิธีสวดมนต์แบบหนึ่งที่เรียกว่า สวดภาณยักษ์ เชื่อกันว่าบทสวดภาณยักษ์มีอำนาจในการล้างอวมงคลล้างอาถรรพ์ ล้างคุณไสย์ไล่ภูติผีปีศาจ บทสวดภาณยักษ์จะมีการออกเสียงกระแทกกระทั้น เสียงขึ้นสูงๆต่ำๆ บางที่มีการจุดพลุจุตะไลในระหว่างสวดภาณยักษ์ บทสวดภาณยักษ์นี้มีตำนานอ้างอิงไปถึงท่านท้าวเวสสุวัณด้วย 


เหรียญท้าวเวสสุวัณ พระอาจารย์ตรีพรหม วัดบรมวงศ์

  ข้าพเจ้าได้เคยเห็นพิธีสวดภาณยักษ์หลายครั้ง ในพิธีสวดภาณยักษ์นั้น ระหว่างที่สวดมนต์ไปเรื่อยๆ ก็มักจะมีคนกรีดร้องดิ้นรนเป็นระยะๆ พอกรีดร้องแล้วก็จะเป็นลมหมดสติ บางคนออกอาการหนาวสั่นหรือแสดงอาการทุรนทุรายจากความร้อน บางคนเพ้อสติเลอะเลือนลุกขึ้นรำถวายหรือหมอบกราบตัวสั่นเทา บางคนถึงกับอาเจียรนัยว่าสำรอกคุณไสยที่อยู่ในร่างกายออกมา ข้าพเจ้าเคยเข้าไปดูใกล้ๆหลายครั้ง
  
  ในพิธีสวดภาณยักษ์ของวัดหนึ่ง พรรคพวกมาชวนให้ไปเป็นเพื่อนขับรถให้ เมื่อไปถึงวัดก็เห็นมีคนมาร่วมพิธีเยอะมาก พอถึงช่วงเวลาที่พระท่านสวดบทภาณยักษ์ใหญ่ ข้าพเจ้าเห็นมีคนแต่งชุดโขนเป็นท่านท้าวเวสสุวัณ โดยหัวโขนนั้นสวมอยู่แค่ครึ่งหัว ทำให้เห็นใบหน้าของท่านผู้นี้ นัยว่าเป็นร่างทรงของท่านท้าวเวสสุวัณของพิธีสวดภาณยักษ์ ท่านผู้นี้เดินเยื้องย่างแบบที่พวกโขนลิเเขาเดินบนเวที เห็นท่านที่แต่งชุดท่านท้าวเวสสุวัณเดินถือกระบองเอาไปจิ้มศีรษะคนที่มานั่งอยู่ภายในเต๊นท์ คนที่ถูกกระบองแตะเบาๆนั้นก็กรีดร้องโหยหวนแล้วล้มพับไป พอฟื้นขึ้นมาก็คุยจ้อได้เลย แถมยังคุยกับท่านที่แต่งชุดโขนท่านท้าวเวสสุวัณด้วย 

  หลังจากนั้นท่านที่แต่งองค์ทรงเครื่องเป็นท่านท้าวเวสสุวัณหรือเป็นร่างทรงท่านนี้ ได้เดินเอากระบองไปจี้ที่ศีรษะประชาชนคนต่อๆไป จี้กระบองไปที่ใครแล้วคนที่โดนกระบองจี้ก็มีอาการล้มพับ การเดินก็คงยังเดินเยื้องย่างทำท่ารำประกอบไปด้วย เหมือนเล่นลิเกยังไงยังงั้นเลยทีเดียว ข้าพเจ้าดูเหตุการณ์นี้แล้วก็คิดว่างานนี้คงเป็นการจัดฉากแน่ๆ ท่านท้าวเวสสุวัณคงไม่ได้มาประทับทรงอะไร

  สรุปว่าในพิธีที่ข้าพเจ้าไปเห็นมาครั้งนี้ มีการแสดงการประทับทรงท่านท้าวเวสสุวัณแบบเก๊ๆ อาศัยหากินกับความเชื่อและความเคารพนับถือ ที่ประชาชนมีต่อท่านท้าวเวสสุวัณ


ยันต์ท้าวเวสสุวัณจากนิตยสารลานโพธิ์

  ครั้งหนึ่งเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนหลานชายของข้าพเจ้า ได้เดินทางมาหาข้าพเจ้าที่บ้านเพื่อขอวัตถุมงคลรูปท่านท้าวเวสสุวัณ โดยท่านเล่าว่ามีคนเชิญท่านไปไล่ผี ท่านก็เลยนึกถึงท่านท้าวเวสสุวัณเนื้อดินผสมผงของหลวงปู่เกลี้ยงวัดสุทัศนฯที่ข้าพเจ้ามีอยู่องค์หนึ่งเป็นของแท้แน่นอน ข้าพเจ้าได้รับมาจากพระอาวุโสรูปหนึ่งของวัดสุทัศนฯ เป็นหลานของท่านเจ้าคุณศรีฯสนธิ์วัดสุทัศนฯ

  พระหลานชายได้เอาพระเครื่องท่านท้าวเวสสุวัณองค์นี้ไปอาราธนาทำน้ำมนต์ แล้วให้คนที่ถูกผีเข้าดื่มและประพรมตัวบ้างอาบบ้าง ปรากฎว่าหายจากอาการเลอะเลือนในทันที ต่อมาพระหลานชายได้นำพระเรื่องท้านท้าวเวสสุวัณองค์นี้มาทำน้ำมนต์ช่วยญาติโยมหลายครั้ง ได้ผลดีทุกครั้ง


มีดหมอลงอาคม ด้ามแกะเป็นท้าวเวสสุวัณ


  อีกครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นคุณวิเศษของวัตถุมงคลท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นผ้ายันต์สีแดงรูปท่านท้าวเวสสุวัณของหลวงพ่อบุญเทียมวัดลาดหลุมแก้ว ข้าพเจ้าได้รับผ้ายันต์ผืนนี้จากหลวงพ่อบุญเทียมเมื่อปีพ.ศ. 2525 

  หลายปีต่อมาพ่อแม่ของเพื่อนได้โทรศัพท์มาหา ร้องไห้ร้องห่มว่าเพื่อนของข้าพเจ้าถูกคุณไสยและผีเข้าสิง มีอาการอาละวาดด่าพ่อด่าแม่ตนเอง คลุ้มคลั่งขว้างปาของใช้ในบ้านแตกเสียหาย พูดจาหยาบคายแบบที่ไม่เคยพูดมาก่อน บางทีก็ร้องไห้เอ็ดตะโรทำร้ายตัวเอง จนถึงกับต้องจับมัดติดเตียง ทั้งพ่อและแม่ของเพื่อนคนนี้เชื่อว่าลูกโดนของและผีเข้า แต่ตอนนั้นข้าพเจ้าคิดว่าเพื่อนน่าจะมีอาการทางจิตมากกว่า


ด้ามมีดหมอ แกะเป็นรูปท้าวเวสสุวัณ


 พ่อของเพื่อนได้ขอของขลังเพื่อนเอาไปแก้ไขอาการเพ้อคลั่ง ข้าพเจ้าก็มอบผ้ายันต์ท่านท้าวเวสสุวัณของหลวงพ่อบุญเทียมให้ไป ขณะนั้นข้าพเจ้าก็ยังเชื่อว่าเพื่อนเสียสติมากกว่าที่จะโดนคุณไสยหรือผีเข้า

  หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ พ่อของเพื่อนคนนี้โทรศัพท์มาเล่าว่า พอได้รับผ้ายันต์ท่านท้าวเวสสุวัณก็เอาไปวางบนศีรษะของเพื่อนข้าพเจ้า ปรากฎว่าเพื่อนสะดุ้งถอยหนีดิ้นรนกลัว แล้วก็หมดสติหลับไปจนถึงรุ่งเช้า พอตื่นขึ้นมาก็ไม่มีอาการเพ้ออาละวาด ทั้งยังจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยว่า ตัวเองเคยมีอาการคลุ้มคลั่งอยู่เป็นสัปดาห์ จากเหตุการณ์นี้แสดงว่าเพ่อนคงโดนคุณไสยหรือถูกผีเข้าจริง พอโดนผ้ายันต์ท่านท้าวเวสสุวัณคลุมหัว ด้วยอิทธิฤทธิ์ของผ้ายันต์ท่านท้าวเวสสุวัณจึงทำให้คุณไสยหรือผีถูกถอนออกจากร่างกาย


ท้าวเวสสุวัณของพระครูสอนวัดมักกะสัน

   คนไทยเรานั้นมีความนับถือท่านท้าวเวสสุวัณในแบบนับถือเหมือนดังเป็นญาติผู้ใหญ่ มักเรียกท่านท้าวเวสสุวัณว่า ปู่เวสสุวัณ จะเห็นท่านท้าวเวสสุวัณเป็นพญายักษ์ใจดี  นิยมเคารพสักการะท่านท้าวเวสสุวัณเป็นอย่างยิ่ง

คาถาที่นิยมใช้ในวัตถุมงคลท่านท้าวเวสสุวัณ
  
คาถากุลียุคเข
กุลียุคเขสัพพะสัตตานัง  
มะระพะหูชะนากุลียุคเข     
ทิพพะมันตะนังอินทะเสฏฐัง     
กุมภัณฑานังปิสาเจวะ     
สัพเพยักขาปะลายันติ     

 คาถาเทพอาวุธสี่
สักกัสสะวะชิราวุธัง
ยมมัสสะนะยะนาวุธัง
เวสสุวัณณัสสะคะทาวุธัง
อาฬะวะกัสสะทุสาวุธัง
จัตตาโรอาวุธานัง
เอเตสัง อานุภาเวนะ
สัพเพยักขาปะลายันติ

คาถาเทวธรรม
หิริโอตตัปปะสัมปันนา     
สุกกะธัมมะสะมาหิตา     
สันโตสัปปุริสาโลเก     
เทวะธัมมาติวุจจะเร    

คาถาท้าวเวสสุวัณ
อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ มะระณังสุขัง อะหัง สุคะโต นะโมพุทธายะ ท้าวเวสสุวัณโณ จาตุมะหาราชิกา ยักขะพันตาภัทภูริโต เวสสะพุสะ พุทธัง อะระหังพุทโธ ท้าวเวสสุวัณโณ นะโมพุทธายะ

หัวใจท้าวเวสสุวัณ  เวสสะพุสะ


Reading for foreigners

Some spells chapter of Thaw Ves Su Van (Giant god)

1. KEY OF THAW VES SU VAN
VES SA PHU SA

2.THE WEAPONS OF THE FOUR GODS
SAK KUS SA VA CHI RA VUT TUNG
VES SU VAN NUS SA KA THA VUT TUNG

YOM MUS SA NA YA NA VUT TUNG
AR RA VA KUS SA THU SA VUT TUNG

JUT TA RO AR VU THA NANG
EA TE SANG AR VU THA VAY NA
SUP PE YUG SA PA LA YAN TI


ภาพจาก นิตยสารลานโพธิ์ , เว็บพันทิป ,ภาพถ่ายท้าวเวสสุวัณของสีหวัชร

เรื่องจากความทรงจำที่ได้คุยกับพระอาจารย์ต่างๆ จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโส 
และจากหนังสือเทวนิยายของ อาจารย์ ส.พลายน้อย

อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ได้