หนุมาน....Hanuman
วรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ ความจริงแล้วมีต้นทางมาจากมหากาพย์รามยณะของอินเดีย
ซึ่งเป็นเรื่องราวการอวตารปางที่ ๗ ของพระนารายณ์ เรียกว่า รามาวตาร หรือ
รามจันทราวตาร แน่นอนว่าเมื่อเป็นอวตารของพระนารายณ์แล้ว ตัวเอกของเรื่องก็ต้องเป็นพระรามซึ่งเป็นพระนารายณ์อวตารนั่นเอง
รามเกียรติ์ไทยนั้น
อ่านยังไงๆก็รู้สึกว่าพระเอกตัวจริงนี้ต้องเป็นทหารเอกของพระราม ที่มีชื่อว่า หนุมาน
จะนั่งอ่านนอนอ่านก็ยังต้องลงความเห็นว่า ในรามเกียรติ์นี้ พระเอกคือหนุมานอย่างชัดเจน
ชัดๆจะๆ
หนุมานนั้นบางทีคนไทยเราเรียกไปตามสำเนียงท้องถิ่น เช่น หัวระมาน หุนละมาร พญาหัวละมาน
หนุมานนั้นบางทีคนไทยเราเรียกไปตามสำเนียงท้องถิ่น เช่น หัวระมาน หุนละมาร พญาหัวละมาน
หนุมานเป็นทหารเอกของพระราม
มีอิทธิฤทธิ์มหึมาทั้งฉลาดและมีความจงรักษ์ภักดีต่อพระรามแบบสุดๆ
แต่หนุมานไทยกับหนุมานอินเดียนั้นมีความต่างกันอยู่บ้าง ข้อนี้น่าจะเป็นไปตามความคลาดเคลื่อนจากการเล่าและแปลความ
หรืออาจแต่งเติมให้เรื่องสนุกขึ้นก็เป็นได้
กำเนิดหนุมาน
ตำนานการเกิดของหนุมานนี้
ถ้าเป็นรามเกียรติ์ไทยจะจับความตั้งแต่ครั้งพระนารายณ์ปราบยักษ์นนทุก
เรื่องมีว่า...ยักษ์นนทุกเป็นยักษ์เฝ้าบันใดทางขึ้นที่จะไปเข้าเฝ้าพระอิศวร
มีหน้าที่ตักน้ำล้างเท้าเทวดา แต่ทำหน้าที่บริการให้เทพเทวาถึงขนาดนี้แล้ว แทนที่เทวดาทั้งหลายจะขอบอกขอบใจหรือให้รางวัลแก่ยักษ์นนทุก
กลับกลายเป็นว่ายักษ์นนทุกมักถูกพวกเทวดาแกล้งโดยเทวดาจะลูบหัวอยู่เสมอ ดีไม่ดีเหล่าเทวดาอาจเขกกบาลแถมให้ด้วยก็เป็นไปได้
ประมาณว่าพวกเทวดาขี้แกล้งคงมีไม่น้อย ยักษ์นนทุกโดนเทวดาลูบหัวจนผมร่วงหัวล้าน เป็นที่ตลกขบขันของทวยเทพทั้งหลาย
การที่ยักษ์นนทุกให้บริการล้างเท้าแก่เทวดาแล้วโดนเทวดาแกล้งลูบหัวตบกบาลนี้
สร้างความเจ็บแค้นให้ยักษ์นนทุกเป็นอย่างยิ่ง แต่ยักษ์นนทุกดันเป็นชนชั้นรากหญ้า
เป็นผู้ปฏิบัติงานระดับยศศักดิ์เล็กกระจิ๋วหลิวต่ำตม จึงต้องเก็บความแค้นใจไว้ในหัวอก
เพราะผู้น้อยจะไปทำอะไรผู้ใหญ่ไม่ได้มันผิดวินัยขององค์กร มิหนำซ้ำฤทธิ์เดชของตัวเองก็มีน้อยสุดที่จะน้อย
จะไปแก้แค้นก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ยักษ์นนทุกจึงต้องเก็บความแค้นเอาไว้ในใจ
ยักษ์นนทุกเจ็บช้ำน้ำใจมาก จากยักษ์รูปหล่อต้องกลายมาเป็นยักษ์หัวล้านที่เทวดาชอบเยาะเย้ยถากถางกันอย่างสนุกสนาน ดังนั้นแค้นนี้ต้องรอชำระ จนกระทั่งวันหนึ่งยักษ์นนทุกมีโอกาสได้ขอพรจากพระอิศวร พระอิศวรเห็นว่ายักษ์นนทุกได้ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าบันใดและล้างเท้าให้เทวดามานานแล้ว พระอิศวรจึงเมตตาให้พรว่า ให้ยักษ์นนทุกมีนิ้วเพชร จะชี้นิ้วใส่สิ่งใดสิ่งนั้นก็ตายวอดวายพินาศ
ด้วยพรที่เป็นอภิมหาวิเศษแบบนี้เอง
ทำให้อยู่ๆยักษ์นนทุกด้อยฤทธิ์ที่โดนเทวดาแกล้งลูบหัวตบกบาล ก็กลับมามีฤทธิ์ในระดับมหาประลัย
จากยักษ์ที่สุดต่ำตมกลายเป็นยักษ์อภิมหาอำนาจ ยักษ์นนทุกจึงไปชำระแค้นล้างแค้นเทวดา
ยักษ์นนทุกที่ได้รับพลังดรรชนีนิ้วเพชรได้ไปไล่จี้เหล่าเทวดา
คำว่าจี้เทวดานี้ไม่ได้หมายถึงว่าไปจี้เอวเทวดาให้ดิ้นหัวเราะ
หรือไปจี้ชิงทรัพย์แต่อย่างไร
แต่หมายถึงเอานิ้วชี้ๆไปที่เทวดาแบบพลังดรรชนีในหนังกำลังภายในนั่นเอง
ประมาณว่ามีพลังดรรชนีกระบี่หกชีพจรหรือพลังนิ้วสุริยันแบบในนิยายของกิมย้ง
![]() |
ยักษ์นนทกล้างเท้าเทวดาแต่โดนเทวดาแกล้ง |
ยักษ์นนทุกเจ็บช้ำน้ำใจมาก จากยักษ์รูปหล่อต้องกลายมาเป็นยักษ์หัวล้านที่เทวดาชอบเยาะเย้ยถากถางกันอย่างสนุกสนาน ดังนั้นแค้นนี้ต้องรอชำระ จนกระทั่งวันหนึ่งยักษ์นนทุกมีโอกาสได้ขอพรจากพระอิศวร พระอิศวรเห็นว่ายักษ์นนทุกได้ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าบันใดและล้างเท้าให้เทวดามานานแล้ว พระอิศวรจึงเมตตาให้พรว่า ให้ยักษ์นนทุกมีนิ้วเพชร จะชี้นิ้วใส่สิ่งใดสิ่งนั้นก็ตายวอดวายพินาศ
![]() |
พระอิศวรให้พรยักษ์นนทก |
ยักษ์นนทุกเอานิ้วเพชรจี้พลังดรรชนีถูกเทวดาตายเกลื่อน
เหล่าเทวดาที่เคยแกล้งลูบหัวตบกบาลยักษ์นนทุกต่างเสียวสันหลังวาบๆ เพราะคิดว่าอีกประเดี๋ยวคงถึงคิวที่ยักษ์นนทุกต้องมาเช็คบิลล์ล้างแค้นแน่ๆ
เพราะเทวดาเคยทำแสบต่อยักษ์นนทุกไว้มากนัก เหล่าเทวดาขี้แกล้งจึงพากันหนีตายไปขอให้พระอิศวรช่วย
พระอิศวรคงเห็นว่าท่านเป็นนายเก่าของยักษ์นนทุก
แล้วจะไปจัดการยักษ์นนทุกเองคงจะชอบกล พระอิศวรจึงขอให้พระนารายณ์ช่วยปราบยักษ์นนทุก
พระนารายณ์เห็นว่าควรจะปราบยักษ์นนทุกด้วยปัญญา
ไม่ควรที่จะไปออกฤทธิ์บู๊กันตรงๆ
ข้อนี้ไม่ทราบว่าจะเป็นแบบที่เขาว่าจะตีคนจ้องดูนายหรือไม่
เพราะถึงอย่างไรแล้วนายของยักษ์นนทุกก็คือพระอิศวรนั่นเอง
จะตีกันตรงๆก็คงต้องเกรงใจพระอิศวรท่านบ้าง พระนารายณ์จึงใช้วิธีแปลงกายเป็นนางฟ้าแสนสวยมายั่วยวนยักษ์นนทุก
ยักษ์นนทุกตะลึงที่เห็นนางฟ้านารายณ์แปลงสวยงามน่าลุ่มหลงสุดพรรณา
จึงเข้าไปเกี้ยวพาราสีนางฟ้า นางฟ้านารายณ์แปลงจึงแกล้งล่อให้ยักษ์นนทุกร่ายรำตามท่ารำที่แสดงให้ดู
ว่าถ้าทำได้ก็จะยอมรับเป็นแฟนกัน
![]() |
ยักษ์นนทุกร่ายรำตามนางฟ้านารายณ์แปลง |
ยักษ์นนทุกหลงรักนางฟ้านารายณ์แปลงสุดหัวใจ
จึงร่ายรำตามนางฟ้า ก็น่าที่จะรำแบบเก้ๆกังๆ พอรำไปรำมาก็พลาดตรงท่ารำที่ชี้นิ้วใส่เท้าตัวเอง
ยักษ์นนทุกรำท่าชึ้นิ้วตรงข้อเท้าของตัวเอง พลังดรรชนีนิ้วเพชรจึงพุ่งตรงที่ข้อเท้าขาหักล้มลง
นางฟ้าแปลงกลับกลายเป็นพระนารายณ์สังหารยักษ์นนทุกได้อย่างสบาย
ยักษ์นนทุกตายเพราะความงามแท้ๆ
ก่อนที่ยักษ์นนทุกจะตายนั้น
ได้ต่อว่าพระนารายณ์ว่า
ที่แพ้พระนารายณ์ก็เพราะตนเองมีแค่เพียงสองมือแต่พระนารายณ์มีมือตั้งสี่มือ ดังนั้นยักษ์สองมืออย่างตนเองจึงแพ้พระนารายณ์
พระนารายณ์เลยสาปยักษ์นนทุกให้ไปเกิดเป็นยักษ์มีสิบหน้ายี่สิบมือ
ส่วนพระนารายณ์จะไปเกิดเป็นมนุษย์มีสองมือ แล้วมนุษย์จะปราบยักษ์สิบหน้ายี่สิบมือ
ด้วยคำสาปที่พิลึกพิลั่นนี้
ยักษ์นนทุกได้ไปเกิดเป็นพญายักษ์ทศกัณฐ์มีสิบหน้ายี่สิบมือ รอการรีแมทเป็นรอบตัดสิน
![]() |
นางฟ้านารายณ์แปลงสังหาญยักษ์นนทุก |
จิตรกรรมรามเกียรติ์ถ่ายภาพโดยsihawatchara ทศกรรณ |
เมื่อพระนารายณ์อวตารเป็นพระรามไปปราบพญายักษ์ทศกัณฐ์
พระอิศวรจึงคิดสร้างทหารเอกให้พระรามไว้เป็นกำลังสำคัญ จึงให้พระพายนำเทพศาสตรา ๓
อย่างพร้อมทั้งกำลังกายาพระอิศวร ซึ่งก็คือหยาดหยดน้ำหฤหรรษ์
นำไปซัดใส่ปากนางสวาหะ เทพศาสตรา ทั้ง ๓ อย่างคือ จักรเพชรให้เป็นศีรษะ
คทาเพชรให้เป็นสันหลังตลอดหางทำให้เหาะได้ ตรีเพชรเป็นกายกรบาทาและใช้เป็นอาวุธได้
พระพายรับบัญชาไปปฏิบัติการจนสำเร็จ
นับเป็นวิธีการที่ใกล้เคียงกับการผสมเทียมเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งยังนับเป็นเทคโนโลยีชีวภาพผสมกับอาวุธมหาประลัย นับเป็นเทคโนโลยีพันธุกรรมแบบชีวอาวุธครั้งแรกในจักรวาล
นางสวาหะตั้งท้องอยู่ถึง ๓๐ เดือนจึงคลอดออกมาเป็นวานรหนุมาน หนุมานถือกำเนิดในวันอังคาร เดือน ๓ ปีขาล เมื่อเกิดก็กระโดดออกมาจากปากของนางสวาหะ โดยมีตัวโตขึ้นมามีขนาดเท่ากับมีอายุ ๑๖ ปีทันที มีกุณฑล(ตุ้มหู)ติดตัวโดยไม่ต้องไปซื้อหา มีขนเพชรเขี้ยวแก้ว พอเกิดมาแล้วก็แสดงอิทธิฤทธิ์ทันที โดยแผลงฤทธิ์เป็นสี่พักตร์แปดกรเหาะขึ้นฟ้าหาวเป็นดาวเป็นเดือน หนุมานเกิดมาก็มีเครื่องประดับติดตัวมาด้วยคือ กุณฑล และมี ขนเพชร(คือมีเส้นขนตามร่างกายเป็นเพชร ไม่ใช่ขนเพชรแบบที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะบางอย่าง) มีเขี้ยวแก้ว ในรามเกียรติ์ไทยไม่ได้บอกไว้ว่า ทำไมถึงมีของดีเหล่านี้ติดตัว หรือว่าข้าพเจ้าผู้เขียนนี้อาจจะอ่านรามเกียรติ์แล้วไม่เจอเรื่องนี้เองก็ได้
ถ่ายภาพโดยsihawatchara หุ่นกระบอกหนุมานในพิพิธภัณฑ์ |
นางสวาหะตั้งท้องอยู่ถึง ๓๐ เดือนจึงคลอดออกมาเป็นวานรหนุมาน หนุมานถือกำเนิดในวันอังคาร เดือน ๓ ปีขาล เมื่อเกิดก็กระโดดออกมาจากปากของนางสวาหะ โดยมีตัวโตขึ้นมามีขนาดเท่ากับมีอายุ ๑๖ ปีทันที มีกุณฑล(ตุ้มหู)ติดตัวโดยไม่ต้องไปซื้อหา มีขนเพชรเขี้ยวแก้ว พอเกิดมาแล้วก็แสดงอิทธิฤทธิ์ทันที โดยแผลงฤทธิ์เป็นสี่พักตร์แปดกรเหาะขึ้นฟ้าหาวเป็นดาวเป็นเดือน หนุมานเกิดมาก็มีเครื่องประดับติดตัวมาด้วยคือ กุณฑล และมี ขนเพชร(คือมีเส้นขนตามร่างกายเป็นเพชร ไม่ใช่ขนเพชรแบบที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะบางอย่าง) มีเขี้ยวแก้ว ในรามเกียรติ์ไทยไม่ได้บอกไว้ว่า ทำไมถึงมีของดีเหล่านี้ติดตัว หรือว่าข้าพเจ้าผู้เขียนนี้อาจจะอ่านรามเกียรติ์แล้วไม่เจอเรื่องนี้เองก็ได้
ตำนานหนุมานแบบรามเกียรติ์ไทยให้พระพายเป็นบิดามีนางสวาหะเป็นมารดา แต่ถ้าตรวจดีเอ็นเอแล้ว สงสัยว่าน่าจะตรงกับดีเอ็นเอของพระอิศวรมากกว่า
หนุมานแบบอินเดีย |
กำเนิดหนุมานของอินเดียต่างกับหนุมานไทย
หนุมานอินเดียมีบิดาเป็นพญาวานรชื่อ เกสรี มีแม่ชื่อนางอัญชนา
และยังนับให้พระพายกับพระอิศวรหรือพระศิวะเป็นพ่อด้วย ประมาณว่าเป็นคุณพ่ออุปถัมภ์
สาเหตุการกำเนิดของหนุมานก็มาจากการที่นางฟ้าปุญชิกาสถาลาโดนฤๅษีสาปให้หมดสภาพนางฟ้า
ให้ไปเกิดใหม่แล้วมีลูกเป็นลิง นางฟ้าจึงตกสวรรค์ไปเกิดใหม่เป็นนางอัญชนา
ได้แต่งงานกับราชาพญาวานรชื่อเกสรี ตามเนื้อเรื่องเล่าว่านางอัญชนารู้ตัวว่าตนเองจะเป็นผู้ให้กำเนิดร่างอวตารของพระศิวะ
จึงบำเพ็ญเพียรสร้างตบะชำระกายใจให้บริสุทธิ์นาน ๑๒ ปี จึงได้มีลูกเป็นลิง
ซึ่งก็คือหนุมานนั่นเอง
การเกิดของหนุมานนั้นไปเกี่ยวกับพระศิวะด้วย
ประมาณว่าคล้ายๆกับรามเกียรติ์ไทย คือพระศิวะแบ่งกำลังจิตเสี้ยวหนึ่ง
ให้พระพายนำไปมอบให้นางอัญชนากับพญาวานรเกสรี ต่อมานางอัญชนาจึงตั้งครรภ์แล้วคลอดลูกเป็นลิงที่แปลกประหลาดอัศจรรย์
เพราะเติบโตอย่างรวดเร็ว แถมยังมีกำลังมาก มีกุณฑล(ตุ้มหู)และสร้อยศอ ซึ่งนางอัญชนามองเห็นได้เพียงผู้เดียว
ดังนั้นถึงวานรน้อยตัวนี้จะตัวโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นางอัญชนาก็จะจำลูกได้
เพราะจะมีตุ้มหูสร้อยคอให้เห็น
ในตอนที่หนุมานเกิดใหม่ๆนั้นยังไม่ได้ชื่อว่าหนุมาน
แต่มีชื่อว่า มุรติหรือมารุติ ส่วนชื่อหนุมานนั้นได้เมื่อไปแผลงฤทธิ์กับพระอินทร์
หนุมานอินเดีย |
อิทธิฤทธิ์หนุมาน
หนุมานมีอิทธิฤทธิ์ตั้งแต่เกิด
พอเกิดมาก็เหาะขึ้นฟ้าแผลงฤทธิ์เป็นหนุมานสี่พักตร์แปดกร หาวเป็นดาวเป็นเดือน หนุมานมีฤทธิ์อยู่ยงคงกระพันชาตรีล่องหนหายตัวได้
ทั้งยังแปลงกายได้สารพัด ย่อตัวขยายตัว ยืดหางให้ยาวเฟื้อยเป็นโยชน์ก็ได้ มีเวทมนต์มาก
หนุมานยังกล้าหาญฉลาดเฉลียวมีสติปัญญา ไม่ใช่ว่ามีแต่ดีทางบู๊อย่างเดียว
หนุมานตอนยังเป็นเด็กก็มีฤทธิ์มากแล้ว ขนาดว่าวันหนึ่งหิวมองเห็นพระอาทิตย์ว่าเป็นผลไม้ลูกใหญ่
จึงเหาะขึ้นไปจะจับพระอาทิตย์กิน ขณะนั้นพระราหูคู่ปรับของพระอาทิตย์กำลังจะอมพระอาทิตย์อยู่พอดี
หนุมานมองเห็นพระราหูใหญ่กว่าพระอาทิตย์ จึงเปลี่ยนใจมาไล่จับจับพระราหูเพื่อเอามากินแก้หิว
พระราหูตกใจต้องหนีไปหาพระอินทร์ พระอินทร์สงสัยว่าใครสามารถทำให้พระราหูที่มีฤทธิ์มากต้องหนีมาทุลักทุเลถึงเพียงนี้
พระอินทร์จึงขี่ช้างเอราวัณออกมาดู
หนุมานเห็นช้างเอราวัณเป็นผลไม้ลูกใหญ่กว่าพระราหู จึงเข้ามาจะจับช้างเอราวัณกิน
พระอินทร์ตกใจจึงเอาวัชระตีหนุมานซึ่งยังเป็นแค่ทารกตกจากฟ้า
ทารกหนุมานโดนพระอินทร์ตีด้วยวัชระตกลงมาจากฟ้ากระแทกแผ่นดินจนสลบ
ช่วงกระแทกพื้นนั้นเอาคางลงพอดี คางของหนุมานจึงหักแต่แปลกที่ไม่ตาย
นับแต่นั้นจึงได้ชื่อว่า หนุมาน ซึ่งแปลว่าคางหัก
แต่บางสำนวนท่านแปลว่าคางแข็ง เพราะร่วงจากบนฟ้าเอาคางกระแทกพื้นแล้วยังไม่ตาย จึงหมายถึงมีคางแข็งโคตรๆ
อีกสำนวนหนึ่งว่าคางแตกเป็นแผล
ภาพหนุมานบริเวณระเบียงวัดพระแก้ว |
ในรามเกียรติ์ไทยไม่ได้กล่าวถึงอิทธิฤทธิ์มหึมาของหนุมานว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
เพียงแต่เล่าถึงกำลังกายาพระอิศวรและอาวุธวิเศษสามอย่าง
กับเล่าว่าหนุมานเรียนวิชาและได้รับพรจากพระอิศวรให้ไม่ตาย ให้พระพายพัดมาถูกตัวแล้วฟื้นคืนชีพได้
แต่ในรามเกียรติ์อินเดียมีรายละเอียดมากกว่า
ถึงขนาดมีการแตกแขนงเรื่องรามยณะไปเป็นคัมภีร์เรื่องของหนุมานโดยเฉพาะ
ชื่อคัมภีร์ว่า หนุมานนาฏกะ
ในรามเกียรติ์อินเดียกล่าวถึงอิทธิฤทธิ์หนุมานว่า
นอกจากหนุมานจะได้รับพรและกำลังจากพระศิวะแล้ว
ยังได้รับพรและพลังจากคณะเทพอีกหลายองค์ เช่น พระพรหม พระนารายณ์ พระอินทร์ พระพาย
พระอัคนี พระวรุณ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์
พระเสาร์ พระกาล จึงไม่แปลกที่หนุมานจะมีอิทธิฤทธิ์มหึมา
รวมพรต่างๆที่ได้รับมาแล้วน่าที่จะเก่งไปกว่าเทพที่ให้พรมาด้วย
หนุมานในวัยเด็กก็มีฤทธิ์มากโคตรๆ จะไปที่ใดก็เหาะไปง่ายๆ
แต่ถึงมีฤทธิ์มากก็ยังต้องซวยเพราะความเป็นเด็กที่ไม่รู้ความ ในรามเกียรติ์ไทยว่า
หนุมานเหาะเที่ยวไปซนในสวนสวรรค์ของพระแม่อุมา ไปรื้อสวนเล่นเอาดื้อๆ
พระแม่อุมาจึงสาปให้ฤทธิ์หนุมานลดลงกึ่งหนึ่ง แต่แล้วพระแม่อุมาก็สงสารจึงให้พรว่า
จะพ้นคำสาปมีฤทธิ์เหมือนเดิมได้ ก็ต้องให้พระนารายณ์อวตารเอามือลูบหลังตลอดหาง คำสาปนี้หมดไปก่อนหนุมานข้ามมหาสมุทรไปกรุงลงกา
เป็นตอนที่หนุมานแอบขโมยตัวท้าวมหาชมพูมาหาพระราม
แล้วพระรามเอามือลูบหัวลูบหลังหนุมาน หนุมานจึงกลับมีฤทธิ์มหึมาโคตรๆดังเดิม
ถ่ายภาพโดยsihawatchara จิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์ |
ในรามเกียรติ์อินเดียซึ่งเป็นต้นฉบับกล่าวถึงตอนหนุมานเสื่อมฤทธิ์ว่า
เด็กน้อยหนุมานไปแก้ปัญหาเรื่องการเชื่อมแม่น้ำคงคาเข้ากับสายน้ำอื่นๆ
แต่เพราะความบังเอิญทำให้น้ำท่วมไปดับกองไฟบูชาเทพที่ฤๅษีสรัทหรือฤๅษีสมรัทก่อไว้
เป็นการทำลายพิธีของฤๅษีตนนี้ ฤๅษีสรัทจึงโกรธสาปให้หนุมานลืมอิทธิฤทธิ์ของตนเอง
ลืมพรต่างๆที่คณะเทพประทานให้ ดังนั้นอิทธิฤทธิ์ของหนุมานจึงเสื่อมถอยลง
พอฤๅษีสรัทรู้ความจริงว่าเหตุน้ำท่วมนั้นเป็นความบังเอิญที่เกิดจากหนุมานไปเชิญพระแม่คงคา
ฤๅษีสรัทจึงให้พรแก้ว่าเมื่อถึงเวลาปฏิบัติหน้าที่ให้พระราม
ก็ให้จำอิทธิฤทธิ์ที่ลืมไปได้ให้มีฤทธิ์ดังเดิม ผลจากคำสาปนี้ทำให้หนุมานต้องเอ๋อไปช่วงหนึ่ง
ลืมว่าตนเองมีฤทธิ์ระดับปราบสามโลก ลืมพรวิเศษต่างๆที่ได้รับจากคณะเทพ
ประมาณว่าจากวานรเด็กที่เรืองอิทธิฤทธิ์ กลับกลายเป็นวานรน้อยที่เอ๋อๆอัลไซเมอร์อยู่หลายปี
ลืมอิทธิฤทธิ์ไปหลายอย่าง จนต้องไปเรียนวิชาต่างๆจากพระอาทิตย์ แต่แค่นี้หนุมานก็มีฤทธิ์มากแล้ว
ถ่ายภาพโดยsihawatchara จิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์ |
หลังจากหนุมานกลับมามีอิทธิฤทธิ์ดังเดิม ก็เริ่มค้นหาว่านางสีดาหายไปอยู่ที่ไหน
ในรามเกียรติ์ไทยว่าหนุมานสุครีพองคตไปเจอนกสัมพาทีบอกทาง นกสัมพาทีให้พญาวานรทั้งสามขึ้นหลัง
บินข้ามมหาสมุทรไปถึงภูเขาคันธสิงขรอยู่กลางมหาสมุทร ซึ่งเริ่มใกล้กรุงลงกาแล้ว
สุครีพองคตกลับไปแจ้งข่าว ส่วนหนุมานแผลงฤทธิ์เหาะข้ามมหาสุมทรตรงไปกรุงลงกา แต่ในรามเกียรติ์อินเดียเล่าว่าพอหนุมานและเหล่าวานรค้นหาไปจนสุดแผ่นดิน
ก็เจอมหาสมุทรขวางกั้น
ไม่สามารถไปต่อได้เพราะมหาสมุทรกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะโดดข้าม
แต่แล้วเหล่าวานรก็นึกได้ว่า ถ้าหนุมานมีฤทธิ์ดังเดิมแล้ว
ย่อมเหาะข้ามมหาสมุทรได้อย่างสบายๆ
เหล่าวานรจึงพยายามเล่าเรื่องที่หนุมานโดนสาปให้ลืมอิทธิฤทธิ์และลืมพรของเหล่าทวยเทพ
ในรามเกียรติ์ไทยนั้น
ช่วงที่หนุมานค้นหานางสีดา ได้พบกับ นางบุษมาลี ซึ่งเป็นนางฟ้าที่ถูกพระอินทร์สาปให้มาอยู่ในเมืองร้าง
โดยนางบุษมาลีจะพ้นจากคำสาปได้ก็ต่อเมื่อทหารเอกของพระรามที่หาวเป็นดาวเป็นเดือนโยนนางกลับขึ้นไปบนสวรรค์
เมื่อหนุมานได้เจอนางบุษมาลีก็ได้เสียเป็นผัวเมีย
เสพสมแล้วจึงค่อยแสดงอิทธิฤทธิ์โยนหรือขว้างนางบุษมาลีกลับขึ้นไปอยู่บนสวรรค์
ในที่สุดหนุมานก็พ้นคำสาปกลับมามีมหาอิทธิฤทธิ์เหมือนเดิม
จึงแผลงฤทธาเหาะข้ามมหาสมุทรไปยังกรุงลงกา ระหว่างทางเจออุปสรรคคือเจอยักษ์ผู้เฝ้าสถานที่ต่างๆ
ต้องรบกันปรากฏว่าหนุมานชนะอย่างง่ายๆ
จนกระทั่งเข้ากรุงลงกาแล้วไปรบกับลูกของทศกัณฐ์หลายตน หนุมานชนะและสังหารยักษ์ไปมาก
ถ่ายภาพโดยsihawatchara จิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์ |
ตอนที่หนุมานเข้ากรุงลงกาไปสืบหานางสีดานั้น
หนุมานแสดงฤทธิ์สะกดให้คนทั้งเมืองหลับไปก่อน แล้วจึงเดินค้นหาไปตามห้องหับในวัง
เข้าไปถึงห้องนอนของพญาพิเภก กุมภกรรณ อินทรชิต ทศกัณฑ์ พญายักษ์ผู้มีฤทธิ์ทั้งหลายถูกมนต์สะกดของหนุมาน ต่างหลับใหลหมดท่าไม่ได้สติ
ถ่ายภาพโดยsihawatchara จิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์ |
หนุมานค้นหานางสีดาจนพบว่าอยู่ในสวน
จึงแสดงตนแล้วถวายแหวนของพระรามเพื่อยืนยัน หนุมานจะเชิญนางสีดากลับไปพร้อมกัน
แต่นางสีดาเห็นว่าโดนยักษ์ลักพามา แล้วจะให้ลิงนำกลับไปนั้นไม่เป็นการสมควร จึงต้องการให้พระรามมารับด้วยตัวเอง
หลังจากที่หมดอำนาจของมนต์สะกดแล้ว
ทศกัฯฐ์ถึงได้รู้ตัวว่ามีศัตรูบุกเข้ามาถึงในวัง จึงส่งทหารยักษ์และบุตรของทศกัณฐ์หลายตนมาจับหนุมาน
แต่ยักษ์สู้หนุมานไม่ได้ จนทศกัณฐ์ต้องส่งบุตรชื่อสหัสกุมารไปปราบหนุมาน
แต่สหัสกุมารกลับถูกหนุมานสังหาร เมื่อยักษ์แพ้หนุมานไปแล้ว(รามเกียรติ์ไทยว่าบุตรพันตนของทศกัณฐ์)
ทศกัณฐ์จึงส่งอินทรชิตไปจับหนุมาน หนุมานสามารถเอาชนะอินทรชิตได้แต่แกล้งยอมให้จับ
เพราะเห็นว่าศรที่อินทรชิตแผลงมาเป็นศรของพระพรหม
หาควรไม่ที่หนุมานจะทำลายศรของพระพรหม หนุมานจึงยอมให้มัดตัวไปพบทศกัณฐ์
ทศกัณฐ์ให้ทหารยักษ์ฆ่าหนุมานแต่ทำหนุมานอยู่ยงคงกระพัน ทำอะไรหนุมานไม่ได้
ทศกัณฐ์จึงเอาไฟเผาหนุมาน ในรามเกียรติ์ไทยว่าเป็นไฟที่เกิดจากหอกแก้วสุรกานต์ของทศกัณฐ์ หนุมานแกล้งวิ่งไปรอบกรุงลงกาเพื่อให้ไฟไหม้ เมื่อกรุงลงกาเกิดไฟไหม้แล้ว หนุมานจึงดับไฟที่ติดหางแล้วเหาะกลับไปหาพระราม
![]() |
ภาพจาก mug.shainsingh.com |
ทศกัณฐ์วางแผนที่จะให้พระรามเลิกตามนางสีดา
จึงให้ นางเบญกาย ซึ่งเป็นลูกของพิเภกแปลงกายเป็นนางสีดาตายลอยน้ำมา
ทำให้พระรามที่ได้พบศพเสียใจ แต่หนุมานเห็นว่าศพนี้ไม่ใช่นางสีดาตัวจริง
จึงให้พิสูจน์ด้วยการใช้ไฟเผา นางเบญกายทนร้อนไม่ไหวก็กลายร่างจากนางสีดามาเป็นตนเอง
นางเบญกาย |
พระรามให้พิเภกผู้เป็นพ่อนางเบญกายเป็นผู้ลงโทษเอง
พิเภกให้ประหารชีวิตเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี แต่พระรามเห็นใจจึงยกโทษให้
และให้หนุมานพากลับไปส่งที่กรุงลงกา หนุมานกับนางเบญกายเกิดได้เสียเป็นผัวเมียกันอีก
ภายหลังนางเบญกายคลอดบุตรชื่อ อสุรผัด เป็นครึ่งลิงครึ่งยักษ์
เมื่อพระรามจองถนน(สร้างถนน)จะไปกรุงลงกา ทศกัณฐ์ส่งลูกสาวเป็นนางเงือกชื่อนางสุพรรณมัจฉามาทำลายถนน
ปรากฏว่านางสุพรรณมัจฉาเสร็จหนุมานอีกราย โดนหนุมานจับทำเมีย
ภายหลังนางสุพรรณมัจฉาคลอดลูกชื่อ มัจฉานุ เป็นครึ่งลิงครึ่งปลา
แต่เรื่องมัจฉานุของรามเกียรติ์ไทยนั้น ต่างจาเรื่องกรามยณะอินเดีย
หนุมานกำลังบีบอะไรบางอย่างของนางสุพรรณมัจฉา บีบแล้วปล้ำเป็นเมีย |
ในคราวที่รบกับวิรุณจำบัง
หนุมานได้เมียเพิ่มอีกคือได้นางวารินทร์ นางวารินทร์เดิมทีเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์
คอยดูแลโคมไฟบนเขาไกรลาส แต่วันหนึ่งเกิดทำโคมไฟดับ พระอิศวรจึงลงโทษให้ต้องมาอยู่ที่เขาอังกาศ
และมีหน้าที่รอคอยเพื่อบอกที่ซ่อนของวิรุณจำบังให้แก่หนุมาน
เมื่อพระรามรบกับวิรุณจำบัง วิรุณจำบังแพ้จึงหนีไปซ่อนตัว หนุมานติดตามจัดการวิรุณจำบัง
แต่วิรุณจำบังมีเวทวิเศษหายตัวได้ จึงเป็นการยากที่หนุมาณจะหาวิรุณจำบังพบ หนุมานไปพบกับนางวารินทร์ที่เขาอังกาศ
นางวารินทร์จึงบอกว่า วิรุณจำบังหนีไปซ่อนตัวอยู่ในฟองน้ำที่แม่น้ำสีทันดร หนุมานจึงตามไปสังหารวิรุณจำบังได้สำเร็จ
หนุมาณได้นางวารินทร์เป็นเมีย แล้วจึงส่งนางวารินทร์กลับไปเป็นนางฟ้า
หนุมานจับวิรุณจำบัง |
ทศกัณฐ์รบกับพระรามจนลูกหลานยักษ์ตายไปมาก
นางมณโฑบอกทศกัณฐ์ว่าตนเองได้เรียนรู้วิชาน้ำมมต์กายสิทธิ์ ที่สามารถประพรมแล้วเหาะเหินเดินอากาศและฟื้นคืนชีพได้
ทศกัณฐ์จึงขอร้องให้นางมณโฑทำพิธีปลุกเสกน้ำมนต์
นางมณโฑทำน้ำมนต์ให้ทศกัณฐ์นำไปใช้ พวกยักษ์ก็กลับมีฤทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีก
แต่พิเภกที่อยู่กับพระรามได้บอกวิธีทำลายพิธีนางมณโฑ คือในระหว่างที่ทำพิธีนี้ห้ามพูดห้ามร่วมหลับนอนเป็นเวลา
7 วัน
หนุมานได้แปลงกายเป็นทศกัณฐ์เพื่อไปทำลายพิธี
โดยหลอกนางมณโฑว่ารบชนะพระรามแล้ว ให้นางมณโฑเลิกทำพิธี หนุมาณในร่างทศกัณฐ์เล้าโลมนางมณโฑจนได้เสียกัน
พิธีจึงถูกทำลาย นางมณโฑจึงเป็นเมียของหนุมานด้วย
หนุมานปลอมเป็นทศกัณฐ์แล้วร่วมรักนางมณโฑ |
หนุมานช่วยพระรามรบกับยักษ์มากมาย ครั้งที่หนุมานเป็นพระเอกมากๆมีหลายครั้งเช่น ตอนพระลักษณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์ แต่พญายักษ์พิเภกที่อยู่ฝ่ายพระรามรู้วิธีแก้ไข คือต้องแก้ไขก่อนที่พระอาทิตย์ฉายแสง จะต้องเอาสมุนไพรที่ชื่อสังกรณีตรีชวาและน้ำจากปัญจมหานที เอามาผสมเป็นยาแก้ให้พระลักษณ์ฟื้น หนุมานจึงเหาะไปฉุดรถพระอาทิตย์แล้วขอให้พระอาทิตย์หยุดโคจรก่อน พระอาทิตย์ช่วยโดยวิธีเลี่ยงเข้าไปในกลีบเมฆ ต่อจากนั้นต้องไปหาสมุนไพรสังกรณีและตรีชวาที่ภูเขาสรรพยา หนุมานต้องแปลงกายใหญ่โตและใช้หางค่อยๆม้วนวนรอบภูเขาเพื่อไล่ต้อนจับสมุนไพร พอได้สมุนไพรแล้วก็เหาะไปยังกรุงอโยธยา เพื่อขอน้ำปัญจมหานที งานนี้หินไม่น้อย ในที่สุดก็สามารถรักษาพระลักษณ์จนฟื้นได้
สำหรับสมุนไพรสังกรณีและตรีชวานั้น
ไม่ได้หมายถึงสมุนไพรชื่อสังกรณีกับตรีชวา ความจริงคือสังกรณีอย่างหนึ่ง
และสมุนไพรสามอย่างที่เรียกรวมว่าตรีชวา ซึ่งเป็นทำนองเดียวกันกับตำรับยาแผนโบราณขนานหนึ่งที่ใช้สมุนไพรสามอย่าง
คือ สมอไทย สมอพิเภก และมะขามป้อม เอามารวมกันเรียกว่า ตรีผลา
อีกตอนที่หนุมานเด่นมากๆก็ตอนบุกไปเมืองบาดาลของพญายักษ์ไมยราพ
หนุมานต้องบุกด่านต่างๆสู้รบกับยักษ์รักษาด่าน ล่องหนหายตัวผ่านด่าน
จนไปสู้กับมัจฉานุซึ่งเป็นลูกของหนุมาน
กระทั่งฆ่าไมยราพแล้วช่วยพระรามพระลักษณ์กลับมาได้
ถ่ายภาพโดยsihawatchara ไมยราพสะกดทัพ |
มัจฉานุในรามเกียรติ์ไทยนั้นว่า
หนุมานไปปล้ำนางสุพรรณมัจฉาที่มาทำลายการสร้างถนนกลางมหาสมุทร
ปล้ำไปปล้ำมาเลยได้เสียเป็นเมียผัว ภายหลังนางสุพรรณมัจฉาจึงคลอดลูกมาเป็นมัจฉานุ
ในรามยณะอินเดียกลับเล่าว่า มัจฉานุเกิดจากเหงื่อของหนุมาน คือ
ในตอนที่หนุมานเผากรุงลงกาแล้วเหาะข้ามมหาสมุทรกลับไปหาพระรามนั้น
บังเอิญเหงื่อหยดลงไปในมหาสมุทรหยดหนึ่ง นางจระเข้ได้กินเหงื่อของหนุมานเข้าไป
แล้วเกิดตั้งท้องคลอดออกมาเป็นมัจฉานุ
นางจระเข้นี้เดิมเป็นนางฟ้าชื่อติโลตมา แต่ถูกสาปให้กลายเป็นจระเข้ จะพ้นคำสาปได้ต้องได้เหงื่อของพระศิวะอวตาร
และกำเนิดบุตรของพระศิวะอวตารด้วย ซึ่งพระศิวะอวตารก็คือหนุมานนั่นเอง นางฟ้าจระเข้ต้องสาปนี้ไปๆมาๆก็ไม่ได้พบกับหนุมานเลย
แต่มีลูกได้ด้วย
ในรามยณะเรียกมัจฉานุลูกของหนุมานตนนี้ว่า
มกรวัจ
ในการรบครั้งที่พระรามพระลักษณ์ต้องศรพรหมาสตร์ของอินทรชิตที่แปลงกายเป็นพระอินทร์
พิเภกได้แก้พระรามฟื้นขึ้นมา แล้วบอกถึงวิธีแก้พิษศรพรหมาสตร์ คือต้องไปนำยาสมุนไพรที่เขาอาวุธ
แต่ที่ยอดเขาอาวุธมีกงจักรหมุนอยู่ ให้หนุมานบอกว่า เป็นทหารพระราม
จะมาเอายาไปรักษาพระลักษมณ์ กงจักรก็จะหายไป
หนุมานเหาะไปถึงเขาอาวุธ ก็บอกว่าเป็นทหารพระราม จะมาเอาสรรพยา กงจักรจึงหายไป
เทวดาที่ดูแลเขาอาวุธบอกว่า หากจะเอายาไปใช้ ก็ต้องยกภูเขาไปทั้งลูก หนุมานจึงแผลงฤทธิ์แบกเขาอาวุธยกเอาไปทั้งลูก
พอถึงจุดที่พระลักษณ์ถูกศร จึงเอาภูเขาไปวางไว้ทางทิศที่อยู่เหนือลมให้ลมพัดเอาละอองยาไปถูกตัวพระลักษมณ์กับทหารวานรจนฟื้น
หนุมานช่วยพระรามรบกับบรรดายักษ์ร้ายจนกระทั่งจบสงคราม
พระรามปูนบำเหน็จให้ครองอโยธายา แต่หนุมานไม่ยอมรับ พระรามจึงสร้างเมืองให้ใหม่ โดยแผลงศรไปตกที่ใดก็จะสร้างเมืองที่นั้น
เรื่องพระรามสร้างเมืองให้หนุมานนี้ ไปๆมาๆกลายเป็นตำนานเมืองลพบุรีที่ไทยสยามได้อย่างไรก็ไม่ทราบ ตำนานว่าดังนี้
![]() |
ภาพจาก mug.shainsingh.com |
เรื่องพระรามสร้างเมืองให้หนุมานนี้ ไปๆมาๆกลายเป็นตำนานเมืองลพบุรีที่ไทยสยามได้อย่างไรก็ไม่ทราบ ตำนานว่าดังนี้
ตำนานเมืองลพบุรี
เมื่อพระรามจะสร้างเมืองให้หนุมานครอง ได้แผลงศรไปตกในที่ห่างไกล
ศรมาตกยังที่แห่งหนึ่ง หนุมานเหาะตามมาดูตำแหน่งที่ศรตก ประมาณว่าคือบริเวณเมืองลพบุรีของไทยสยาม
เมื่อหนุมานพบตำแหน่งศรแล้ว ก็เลยจะช่วยพระรามให้สร้างเมืองได้ง่ายขึ้น
หนุมานจึงเอาหางกวาดเป็นวงเพื่อปรับหน้าดินให้เรียบ แต่ภายหลังโดนพระรามต่อว่าๆทำการเกินคำสั่ง
เนื่องจากศรที่พระรามแผลงมาตกลงบนแผ่นดินนั้นมีฤทธิ์มาก ฤทธิ์ของศรพระรามจึงทำให้ดินสุกกลายเป็นดินขาว
ที่เรียกว่า ดินสอพอง ที่ลพบุรีจึงกลายเป็นแหล่งดินสอพอง
ถ่ายภาพโดย sihawachara |
ตำนานเมืองลพบุรีอีกเรื่องหนึ่ง
ครั้งที่พระรามรบกับท้าวกกขนาก(ท้าวอุณราช)
พระรามแผลงศรจะฆ่าท้าวกกขนากอย่างไรก็ไม่ตาย
ศรพระรามต้องหลุดจากอกของท้าวกกขนากทุกครั้ง จนกระทั่งพระฤๅษีโคศภบอกความลับว่า ถ้าจะปราบท้าวกกขนาก
จะต้องใช้ต้นกกมาแทนลูกศร พระรามจึงเอาต้นกกยิงใส่ท้าวกกขนากเข้าที่อก ท้าวกกขนากถูกศรต้นกกจึงปลิวกระเด็นไปไกล
ถ่ายภาพโดย sihawatchara ท้าวกกขนากต้องศรพระราม |
ท้าวกกขนากปลิวมาตกลงที่เมืองลพบุรีโดยโดนศรต้นกกตรึงไว้ในถ้ำ เท่านั้นยังไม่พอ
พระรามสั่งให้ไก่แก้วคอยเฝ้าดูท้าวกกขนากว่า ถ้าศรต้นกกคลอนแคลนจะหลุดเมื่อใด
ให้ไก่แก้วรีบขันให้หนุมานได้ยิน
หนุมานจะเหาะมาเอาพะเนินเหล็กตอกศรให้แน่นเหมือนเดิม
เนื่องจากหนุมานมีฤทธิ์มีกำลังมาก
พอตอกศรทีไรก็แรงจนเกิดประกายไฟกระเต็นไปตกในเมืองลพบุรี
ไฟจึงไหม้เมืองลพบุรีบ่อยๆ และความร้อนของสะเก็ดไฟจากการตอกศรนี้
ยังทำให้ดินเมืองลพบุรีสุกจนกลายเป็นดินสอพอง
ถ่ายภาพ sihawatchara จิตรกรรมที่วัดพระแก้ว เป็นนนทรีตอกศร ไม่ใช่หนุมาน |
แต่ศรต้นกกนี้แพ้ทางมวยให้น้ำส้มสายชู คือถ้าเอาน้ำส้มสายชูไปรดที่ศรต้นกก
ศรนั้นก็จะหลุดออกมาได้
ท้าวกกขนากมีลูกสาวชื่อนางวงพระจันทร์หรือศรีประจันต์ นางวงพระจันทร์จะช่วยพ่อ
จึงพยายามหาซื้อน้ำส้มสายชูในตลาดลพบุรีมาช่วยท้าวกกขนาก แต่ประชาชนสังเกตเห็นว่านางวงพระจันทร์ไม่มีแววตา
แสดงว่าต้องเป็นยักษ์แน่ๆ จึงไม่ยอมขายน้ำส้มสายชูให้
เพราะกลัวว่าจะเอาไปรดศรต้นกก เดี๋ยวศรหลุดแล้วท้าวกกขนากจะจับคนลพบุรีกินหมด
เท่านั้นยังไม่พอ ประชาชนยังพร้อมใจกันเกลียดชังนางวงพระจันทร์
ไม่ยอมคบค้าสมาคม ไม่ขายเครื่องอุปโภคบริโภค
ทำให้นางวงพระจันทร์ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส
ปู่เจ้าเขาเขียวเป็นสหายรักของท้าวกกขนาก
ได้เห็นนางวงพระจันทร์เดือดร้อนแสนสาหัส
โดยมีสาเหตุมาจากความกตัญญูของนางที่มีต่อบิดา
ปู่เจ้าเขาเขียวจึงสงสารเลยส่งลูกสาวให้มาช่วยเหลือนางวงพระจันทร์
ลูกสาวของปู่เจ้าเขาเขียวก็คือแม่นางกวักนั่นเอง
แม่นางกวักนี้เป็นสาวสวยผู้มีอิทธิฤทธิ์ในทางด้านมหาโชคมหาลาภค้าขายมหานิยมมหาเสน่ห์เป็นที่สุด
อิทธิฤทธิ์ที่พิเศษมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งก็คือ
มหาโชคมหาลาภมหาเสน่ห์ของแม่นางกวักนี้
มีฤทธิ์แรงขนาดว่ายังเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้างได้ด้วย คือแม่นางกวักไปอยู่ที่ไหน
คนในที่นั้นก็พลอยได้รับมหาโชคมหาลาภสักการะตามแม่นางกวักไปด้วย
แม่นางกวักออกจากถ้ำแก้วภูเขาเพชรกูฏซึ่งเป็นที่อยู่
แล้วไปอยู่เป็นเพื่อนนางวงพระจันทร์
อิทธิฤทธิ์ของแม่นางกวักทำให้มีผู้คนแห่กันมาหาแม่นางกวัก
เอาของมีค่าเพชรนิลจินดาโภชนาอาหารมาให้แม่นางกวัก
และยังให้เผื่อแผ่ไปถึงนางวงพระจันทร์ด้วย
ทั้งยังหายโกรธแค้นนางวงพระจันทร์อีกด้วย โดยกลับมารักใคร่นางวงพระจันทร์กันทุกๆคน
นางวงพระจันทร์จึงเริ่มมีความสุขความยินดี
และคิดได้ว่าควรจะทอผ้าจีวรไว้รอถวายพระศรีอาริยะเมตตัย
เพื่อให้อานิสงส์นี้ช่วยท้าวกกขนากให้พ้นทุกข์
เสร็จศึกกรุงลงกาแล้ว พระรามให้รางวัลโดยหนุมานได้ครองอโยธากึ่งหนึ่งแต่หนุมานไม่รับ
พระรามจึงสร้างเมืองนพบุรีให้ พร้อมนางสนมอีก 5,000 นาง
แต่หนุมานก็ไม่ได้ครองเมืองจริงๆจังๆเพราะชอบปลีกวิเวกไปบำเพ็ญตบะในป่า
เรื่องราวของหนุมานยังมีต่อไปจนถึงครั้งนางสีดาน้อยใจหนีพระราม จึงเกิดการผจญภัยครั้งใหม่
เรื่องรามเกียรติ์ในช่วงหลังๆนี้คนไทยเราไม่ค่อยสันทัดกันสักเท่าไร
จึงรู้บ้างไม่รู้บ้าง ประมาณว่า 13 ปีต่อมา นางสีดาหนีพระรามไปอยู่ในป่า ขณะนั้นตั้งครรภ์พอดี
นางสีดาได้ไปอยู่กับพระฤๅษีวัชมฤค
นางสีดาคลอดบุตรตั้งชื่อว่าพระมงกุฎ ต่อมาพระฤๅษีเขียนรูปแล้วลบด้วยมนต์กลายเป็นเพื่อนเล่นของพระมงกุฎชื่อพระลบ
รามเกียรติ์ช่วงหลังนั้นพระพรตพระสัตรุตมีบทบาทบ้าง
หนุมานก็ยังช่วยพระรามและน้องๆพระรามรบกับยักษ์ พร้อมทั้งตามหานางสีดาไปจนพบ พระรามได้คืนดีกับนางสีดา
และอยู่ร่วมกันที่กรุงอโยธยาจนถึงวาระสุดท้ายที่พระรามเสร็จกิจบนโลกมนุษย์
ต้องกลับคืนสู่ร่างพระนารายณ์องค์จริง เป็นการจบยุคที่เรียกว่า ไตรดายุค
พระนารายณ์ |
ในรามยณะ
หนุมานช่วยพระรามปราบยักษ์จนราบคาบ จนกระทั่งพระรามกลับเข้าสู่ไวยกูณฐ์ไปแล้ว เป็นอันว่าสิ้นยุคนารายณ์อวตารของสมัยไตรดายุค
แต่หนุมานก็ยังคงอยู่ต่อมาจนถึงสมัยทวาปรยุค ที่พระนารายณ์อวตารมาเป็นพระกฤษณะ
และต่อเนื่องไปถึงช่วงสงครามมหาภารตะ
ในมหาภารตะยุทธ หนุมานยังมีบทบาทช่วยทางฝั่งพวกปาณฑพ คราวนี้หนุมานมีน้องร่วมพ่อพระพายด้วยกันชื่อว่า
ภีมะ หนุมานรับปากช่วยพี่น้องปาณฑพโดยหนุมานไปสถิตอยู่ในธงประจำรถศึกของอรชุน
รถศึกของอรชุนจึงรอดปลอดภัยจากอาวุธต่างๆ
![]() |
ภาพจาก scoopwhoop'com ธงหนุมานบนรถศึกของอรชุณ |
เมื่อจบมหาภารตะยุทธไปได้สักพัก
พระกฤษณะจบกิจจะกลับไวยกูณฐ์ ซึ่งเป็นการจบสมัยทวาปรยุค
กำลังจะต่อเนื่องเป็นกลียุค หนุมานก็ยังคงอยู่เป็นอมตะ
หลังจากพระกฤษณะจบภาคนารายณ์อวตารแล้ว
เหล่าพี่น้องปาณฑพและนางเทราปติก็ถึงคราวกลับสู่สวรรค์เช่นกัน ทั้งหมดได้แต่งตั้งให้ทายาทคือราชาปรีกสิตครองราชย์สืบต่อไป
ความจริงแล้วกลียุคจะเริ่มตั้งแต่พระกฤษณะจบภาคอวตาร แต่กลียุคต้องเลื่อนออกไป
เพราะราชาปรีกสิตทรงคุณธรรมยิ่ง
ดังนั้นกาลีปุรุษซึ่งเป็นเจ้าแห่งห้วงกลียุค จึงหลอกให้ราชาปรีกสิตอนุญาตให้กลียุคอยู่ได้ในสถานที่ห้าประการ
คือ
๑.สถานที่มีการพนัน
๒.สถานที่มีสุราเมรัย
๓.สถานที่มีการค้าขายเรือนร่าง
๔.สถานที่ๆไร้กฏเกณฑ์
๕.ทองคำ
นับแต่นั้นมากาลีปุรุษเจ้าแห่งห้วงกลียุคก็ได้แผ่อาณาเขตกลียุค
หนุมานของพวกเราก็ยังคงอยู่แม้ในกลียุค
ซึ่งกลียุคนี้ก็คือช่วงเวลาที่ยาวนานมาถึงยุคปัจจุบันและต่อไปถึงอนาคต แต่หนุมานมีความเป็นอมตะจึงยังคงอยู่ต่อไปอีก
ตำนานหนุมานของอินเดียว่า
หนุมานจะปกป้องคุ้มครองเหล่าสาวกให้ผ่านพ้นช่วงโหดร้ายของกลียุคนี้ไปได้
ดังนั้นในอินเดียจึงมีหนุมานเป็นเทพเจ้าผู้คุ้มครองปกปักรักษา
เป็นเทพหนุมานผู้เป็นอมตะทรงอิทธิฤทธิ์มหึมา
ชาวอินเดียที่เป็นสาวกของหนุมานจะบูชาหนุมานทุกวันเสาร์
ตำนานหนุมานอินเดียว่าไว้
ผู้ใดเคารพบูชาหนุมาน จะไม่ถูกคราสพระเคราะห์ใดๆ
แม้แต่คราสเคราะห์ของพระเสาร์อันร้ายแรง ก็ไม่สามารถทำอะไรผู้บูชาหนุมาน
หนุมานผู้เป็นอมตะย่อมจะต้องคุ้มครองผู้บูชาหนุมานอยู่ตลอดไป
แม้แต่ในห้วงกลียุคนี้ กาลีปุรุษเจ้าแห่งกลียุค
ก็ยังต้องหลีกลี้ไปจากอิทธิฤทธิ์มหึมาของหนุมาน
ตำรับหนุมานนับเป็นมหาวิเศษไร้เทียมทานอย่างแท้จริง
หนุมานไทยกับหนุมานแขกนี้ออกจะต่างกันบ้าง หนุมานไทยมีเมียเยอะ
แต่หนุมานแขกนั้นกลับครองตัวเป็นพรหมจรรย์ หนุมานไทยมีอาวุธเป็นตรีเพชร
หนุมานแขกถือตะบองหัวฟักทองอันเบ้อเร่อ
เที่ยวเอาตะบองทุบหัวยักษ์บ้างทุบพุงกะทิยักษ์บ้าง
แต่ที่หนุมานไทยและหนุมานแขกมีตรงกันก็คือ ต่างภักดีต่อพระรามเป็นที่สุด
อิทธิฤทธิ์มหึมาของของหนุมานได้กลายมาเป็นอักขระเลขยันต์มนต์คาถามากมาย ทางอินเดียมี Hanuman Yantra ทางไทยเรายิ่งมีมาก เช่น คาถาหนุมานคลุกฝุ่น คาถากำลังหนุมาน ยันต์หนุมานแบบต่างๆ เครื่องรางรูปหนุมาน แม้แต่ในมวยไทยของเรายังมีท่าแม่ไม้มวยไทยเป็นชื่อหนุมานอยู่หลายท่า
วีรกรรมความกล้าหาญชาญชัยของหนุมานมีมากมาย จนประทับใจขนาดที่ทำให้คิดไปว่า วรรณคดีรามเกียรติ์ไทยนี้ พระเอกต้องเป็นหนุมาณอย่างแน่นอน
![]() |
ภาพจากนิตยสารลานโพธิ์ |
![]() |
ภาพจากนิตยสารพระเกจิ |
ภาพจากนิตยสารลานโพธิ์ |
ภาพจากนิตยสารลานโพธิ์ |
วีรกรรมความกล้าหาญชาญชัยของหนุมานมีมากมาย จนประทับใจขนาดที่ทำให้คิดไปว่า วรรณคดีรามเกียรติ์ไทยนี้ พระเอกต้องเป็นหนุมาณอย่างแน่นอน
เรื่องเรียบเรียงจาก
ความทรงจำครั้งเรียนวิชาอ่านเอาเรื่อง พระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์
ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่
๖
หนังสือ อมนุษย์นิยาย ของ ส.พลายน้อย
ภาพจากwebที่ได้แจ้งไว้ตามรูป
,ภาพจิตรกรรมฝาผนังรามเกียรติ์ วัดพระแก้ว ถ่ายภาพเอง
ภาพยันต์หนุมานจากนิตยสารลานโพธิ์,นิตยสารพระเกจิ
อนุญาตให้นำเรื่องและรูปที่ข้าพเจ้าถ่ายไว้
ให้นำไปใช้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น