วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

หลวงพ่อกับของวิเศษ 3 หลวงพ่อวัดไทรน้อย




 


หลวงพ่อวัดไทรน้อย วัดไทรน้อย หมู่ 1 ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี

  เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ก็เกือบๆจะ 50 ปีเข้าให้แล้ว(สะดุ้งเลย) เป็นช่วงที่ข้าพเจ้าสอบเข้าเรียนช่างกลของรัฐได้ ซึ่งอยู่ไกลบ้านไม่น้อย ช่วงนั้นเป็นช่วงวัยรุ่นที่เข้าวัยหนุ่มแล้ว ข้าพเจ้าเรียนช่างกลอยู่ 5 ปี คือ ป.ว.ช. และต่อ ป.ว.ส. นับว่าเป็นช่วงชีวิตที่ฝ่าดงตีน และอบอวนด้วยความหวานชื่นจากสาวๆเป็นที่ยิ่ง แน่นอนว่าสาวๆส่วนมากจะเป็น สาวพาณิชย์...มีวลีฮิตในครั้งนั้นว่า...หนุ่มช่างกลคู่กันกับสาวพาณิชย์

  ข้าพเจ้าสนใจเสาะหาวัตถุมงคลมาก่อนยุคเรียนช่างกล อันที่จริงเริ่มซื้อพระในกาละมังมาตั้งแต่เรียนประถมปลายแล้ว พอจะเรียกว่าเล่นพระมาตั้งแต่เด็ก แต่หัดเช่าบูชาพระครั้งแรกก็โดนของเก๊ทันที เป็นการรับน้องใหม่ตามธรรมเนียมวงการคนเล่นพระ ทั้งยังโดนของเก๊ตามมาอีกหลายดอก ค่าขนมทั้งนั้น

  ตอนที่เรียนช่างกล ในยุคนั้น คนเมืองนนท์เขาแนะนำว่า พระอาจารย์สุดยอดของเมืองนนท์ต้องหลวงปู่เหรียญวัดบางระโหงกับหลวงพ่อทองสุขวัดสะพานสูง จึงแน่นอนว่าข้าพเจ้าต้องไปกราบนมัสการ หลวงปู่เหรียญหลวงพ่อทองสุขนับเป็นพระอาจารย์รุ่นอาวุโสของเมืองนนท์ ในเมืองนนท์ท่านดังมาก่อนใครๆ

   ในช่วงเรียนช่างกลชั้น ป.ว.ช. จะเป็นช่วงบู๊มากสักหน่วย เพราะเพิ่งเป็นวัยรุ่นที่เข้ารุ่นหนุ่มต้นๆ เลือดลมมันจึงเดือดง่าย ตีกันบ่อย ข้าพเจ้านั้นเข้าเรียนสัปดาห์แรกก็โดนตีเลย ครั้งแรกที่ว่านี้โดนเปิดบริสุทธิ์ที่ท้ายทอยด้วยคมสิ่ว เลือดอาบเต็มเสื้อ วันนั้นแขวนเหรียญหลวงพ่อรูปหนึ่งพร้อมตะกรุดดอกเล็ก เช่าบูชาตามที่หนังสือพระเชียร์ (ไม่ขอเอ่ยนามพระอาจารย์) หลังจากนั้นจึงไม่ได้พกติดตัว แล้วมาเจอประสบการณ์ดีๆของจริงจากตะกรุดหลวงพ่อวัดไทรน้อย

  พวกช่างกลวิทยาลัยข้าพเจ้าที่ใช้ตะกรุดหลวงพ่อวัดไทรน้อยส่วนมากจะเป็นพวกที่มีบ้านอยู่บางบัวทอง พวกอยู่ปากเกล็ดจะใช้ของขลังหลวงพ่อทองสุขวัดสะพานสูง พวกอยู่ อ.เมือง อ.บางใหญ่ บางศรีเมือง คลองอ้อม ตลาดขวัญ ไทรม้า สนามบินน้ำ จะใช้ของขลังหลวงปู่เหรียญวัดบางระโหง พวกไทรม้าส่วนหนึ่งจะใช้วัตถุมงคลหลวงปู่สายวัดบางรักใหญ่ ในพระอาจารย์ทั้งหมดนี้ หลวงพ่อวัดไทรน้อยอาวุโสน้อยกว่าท่านอื่น แต่ดังได้

  สมัยนั้นข้าพเจ้าได้ยินชื่อของหลวงพ่อวัดไทรน้อยมาก่อนแล้ว  แต่หลวงพ่อวัดไทรน้อยอ่อนอาวุโสกว่าเยอะ ประมาณว่าท่านเป็นรุ่นลูกศิษย์ ข้าพเจ้าจึงยังไม่สนใจยังไม่ได้ไปกราบหลวงพ่อวัดไทรน้อย



เมื่อเรียนช่างกลแน่นอนว่าข้าพเจ้ามีแฟนเป็นสาวพาณิชย์ เธอคนหนึ่งเป็นคนพิเศษที่สุด กว่าจะจีบได้ก็ใช้เวลาเป็นปี บางครั้งต้องฝ่าดงตีนไปรับเธอที่โรงเรียนเธออีกด้วย เธอเป็นสาวชาวสวนนนท์ขนานแท้ บ้านอยู่ในคลองค่อนข้างลึก เวลาไปส่งเธอที่บ้านต้องนับว่าทุลักทุเลยิ่ง และที่บ้านริมคลองของเธอนี่เอง ที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องรีบไปกราบหลวงพ่อวัดไทรน้อย เรื่องมีอยู่ว่า...

  พ่อของสาวพาณิชย์(อันเป็นที่รัก) ท่านเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านติดต่อกันหลายปี ความเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นขาลุยอยู่แล้ว...ข้าพเจ้าทราบเป็นนัยๆอยู่แล้วว่า ท่านหวงลูกสาว คนย่านนั้นไม่กล้าจีบลูกสาวท่าน แต่เราไม่กลัว ก็จะจีบลูกสาวแกนี่นะ ขนาดดงตีนเรายังฝ่ามาบ่อยๆเพื่อหาสาวคนนี้ แค่ผู้ใหญ่ดุๆกำนันหวงลูกสาว เราชนะใจได้แน่

  เมื่อพ่อของเธอเมตตาเอ็นดูข้าพเจ้า ก็คุยกันได้ถูกคอ วันหนึ่งข้าพเจ้าไปค้างที่บ้านสวนของเธอที่รัก ได้ถามพ่อเธอว่า...พ่อเป็นระดับกำนันผู้ใหญ่บ้าน พ่อใช้ของขลังอะไรติดตัว...แกหัวเราะว่า มันต้องมีบ้างซิเว๊ย แล้วแกก็ถลกเสื้อให้ดูตะกรุดโทนที่เอว เป็นตะกรุดดอกใหญ่ดูหนาหนักถักเชือกสีเขียว พ่อแกว่า...นี่ๆ ตะกรุดโทนอาจารย์เมียงวัดไทรน้อย เหนียวดีชะมัด

  พ่อของสาวพาณิชย์ที่รักท่านเล่าให้ฟังว่า แกมีประสบการณ์หนังเหนียวหลายครั้ง โดนมีดบาดไม่เข้าบ้าง เผลอเหยียบมีดพร้าเหยียบตะปูไม่เข้าเนื้อ เผลอใช้มีดพร้าหวดตัดหญ้าพลาดมาโดนแข้งขาก็ไม่เข้าเนื้อ ลูกบ้านบางคนโดนแทงไม่เข้า...พ่อแกว่า...อาจารย์เมียงลงตะกรุดขลัง เราเรียนช่างกลเดี๋ยวเจอพวกโรงเรียนคู่อริดักตี ไปขอตะกรุดอาจารย์เมียงมาไว้คุ้มครองสิ...เมื่อพ่อแกบอกขนาดนี้ ก็ต้องรีบไปกราบหลวงพ่อเมียง ซึ่งก็คือหลวงพ่อประสิทธิ์ หรือที่นิยมเรียกว่า หลวงพ่อวัดไทรน้อย

 สมัยเมื่อเกือบห้าสิบปีก่อน ถ้าจะไปกราบหลวงพ่อวัดไทรน้อยนั้น การเดินทางยังไม่สะดวกนัก ต้องลงเรือข้ามฟากจากท่าน้ำนนท์ไปฝั่งบางศรีเมือง แล้วนั่งรถเมลเล็กที่ท่าน้ำบางศรีเมืองไป อ.บางบัวทอง แล้วต้องต่อเรือหางยาวจากบางบัวทอง ไปตามคลองพระพิมล ไปขึ้นท่าน้ำวัดไทรน้อย แล้ววัดดวงว่าหลวงพ่อจะอยู่วัดหรือไม่

  ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อวัดไทรน้อย ท่านมีอายุได้สัก 50ปีกว่านิดๆ ท่านถามว่ามาจากไหนรึไอ้หนุ่ม ก็ตอบท่านว่าเลิกเรียนเลยรีบมากราบหลวงพ่อ ท่านเห็นว่าเป็นเด็กช่างกลของจังหวัดท่านก็มีเมตตา ในวันนั้นมีคนมากราบขอตะกรุดโทนของท่านด้วย แต่ท่านตอบว่า...คราวหน้าค่อยมาเอา...ข้าพเจ้าได้ยินจึงนึกว่าเราก็คงจะอดได้ตะกรุดโทนเหมือนกัน หลวงพ่อคงจะไม่ให้เพราะเรายังวัยรุ่นเพิ่งเป็นรุ่นหนุ่มแค่นั้นเอง

  พอผู้ใหญ่ที่มาขอตะกรุดแต่หลวงพ่อว่าให้มาเอาทีหลังกลับไปแล้ว ท่านก็ถามข้าพเจ้าว่า...ไอ้หนุ่ม เอ็งจะเอาตะกรุดโทนของข้ารึ...ข้าพเจ้าก็กราบเรียนว่า..ครับ...ท่านถามว่ารู้จักข้าได้ยังไงทำไมถึงอยากได้ตะกรุด...ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนหลวงพ่อไปว่า...เห็นพ่อแฟนที่ในคลองแกโชว์ตะกรุดหลวงพ่อให้ดู ก็เลยคิดว่า ขนาดระดับกำนันผู้ใหญ่บ้านยังคาดตะกรุดหลวงพ่อ ดังนั้นหลวงพ่อต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เลยรีบมากราบขอตะกรุดสักดอกหนึ่ง ตอนนั้นในใจนึกว่าเรามาหาหลวงพ่อครั้งแรก แถมเป็นวัยรุ่น หลวงพ่อคงจะยังไม่ให้ละมัง

  แต่แล้ว...หลวงพ่อวัดไทรน้อยท่านพูดง่ายๆว่า..หนุ่มรอเดี๋ยว ข้าจะประสิทธิ์ให้...แล้วท่านก็ลุกเดินเข้าห้อง พอออกมาก็มีตะกรุดโทนดอกโตถักเชือกไนล่อนสีเขียว ท่านให้สำรวมจิตยืนมือมารองรับตะกรุด แล้วท่านก็กำตะกรุดในมือท่าน ภาวนาเสกปลุกตะกรุดสำทับลงไป สักพักท่านตัวสั่นมือที่กำตะกรุดสั่นและแกว่งซ้ายขวาเล็กน้อย แล้วก็ปล่อยตะกรุดโทนลงบนฝ่ามือของข้าพเจ้า

ตะกรุดโทนดอกโต


หลวงพ่อท่านบอกว่า ตะกรุดโทนดอกใหญ่ทำยาก ท่านลงอักขระด้วยตัวท่านเอง ในปีหนึ่งๆทำได้ไม่มาก ไม่ค่อยให้ใครง่ายๆ ท่านว่า..ข้าเห็นหนุ่มเรียนช่างกล เดี๋ยวยกพวกตีกัน เดี๋ยวปาระเบิด ข้าเลยให้ไว้คุ้มตัว...ข้าพเจ้าดีใจที่ท่านเมตตาให้ตะกรุดโทนดอกโต(เรียกกันอย่างนั้น) รีบกราบท่าน 

  หลังจากวันนั้น ถ้าว่างก็เดินทางไปกราบท่าน ซึ่งต้องนั่งเรือหางยาวทุกครั้ง ความจริงถนนไป อ.ไทรน้อยก็มี แต่นานโคตรๆจึงจะมีรถโดยสารเล็กวิ่งมาสักคัน สู้เดินทางด้วยเรือหางยาวไม่ได้ เรือมีหลายเที่ยวมากกว่า

  ข้าพเจ้าเคยพาเพื่อนช่างกลไปขอตะกรุดโทนดอกโต ท่านก็มอบให้ ส่วนข้าพเจ้าคราวนี้ท่านมอบตะกรุดโทนดอกกลางให้ 1 ดอก เพราะเคยได้ดอกโตไปแล้ว ท่านว่าท่านชอบพวกช่างกลมันห้าวดี ช่างกลบ้านเราต้องไม่เสียทีคนอื่น คือท่านหมายถึงพวกข้าพเจ้าเป็นช่างกลของจังหวัด ท่านมองว่าเป็นพวกบางเดียวกันเป็นลูกหลานท่าน

  ตอนที่ข้าพเจ้าเรียนช่างกลนั้น พอรับของดีจากหลวงพ่อแล้วจะถวายเงิน ท่านไม่รับ ท่านว่า เอ็งยังเรียนหนังสือ เก็บสตางค์ไว้กินขนมกินข้าวเถอะวะ เอาไว้ทำงานแล้วค่อยมาทำบุญ

  เมื่อกราบเรียนสอบถามประวัติการสร้างตะกรุดของท่าน ท่านเล่าว่าตะกรุดรุ่นแรกนั้นคือที่ท่านทำไว้ใช้เอง ตอนนั้นท่านอยู่ที่วัดสุธาโภชน์ ริมคลองลำปลาทิว เขตลาดกระบัง สาเหตุที่ท่านทำตะกรุดครั้งนั้นฟังท่านเล่าแล้วฮามาก ท่านว่าท่านกลัวผี เลยอยากหาของขลังไว้กันผีและคุ้มครองตัว เลยทดลองทำตะกรุดตามตำรา จะใช้คุ้มครองป้องกันภัยและกันผี ทำแล้วแบ่งกับพระเพื่อนคนละ 1 ดอก ตะกรุดที่ทำในครั้งแรกจะลงยันต์บนแผ่นตะกั่ว แล้วหลอมเป็นแท่ง พกตะกรุดหล่อทั้งอย่างนั้นติดตัวปรากฏว่าประสิทธิ์ดี ท่านจึงทำตะกรุดตลอดมา แต่ทำเป็นแผ่นแล้วม้วนเหมือนตะกรุดทั่วไป 

พระกันผี

  ส่วนเรื่องกันผีนั้น หลวงพ่อท่านเล่าว่า พอทำตะกรุดหล่อตันเสร็จ ก็เลิกกลัวผี มีเกร็ดเรื่องของดีกันผีของหลวงพ่อที่คนไม่ค่อยรู้ เรื่องนี้หลวงพ่อเล่าให้ขัาพเจ้าฟังเอง ของดีทางกันผีกันอาถรรพ์ที่ท่านทำไว้เฉพาะ จะเป็นพวกพระไม้แกะ เป็นพิมพ์สมเด็จ นางพญา แม่นางกวัก ท่านว่าแบบนี้กันผีกันอาถรรพ์เป็นพิเศษ ท่านยังเมตตามอบให้ภรรยาข้าพเจ้าอย่างละองค์ ที่มอบให้เพราะช่วงนั้นที่ทำงานภรรยา(ตอนนั้นยังเป็นแฟนยังไม่ได้แต่งงาน) มีปรากฏการณ์ผีชนิดของจริง ขนาดนางพยาบาลเจอพร้อมๆกัน 3-4 คน ผู้ป่วยอีกต่างหาก เรื่องมีอยู่ว่า...

  ที่โรงพยาบาลบนตึกชั้นที่แฟนข้าพเจ้าทำงานอยู่ มีคนไข้ถึงแก่กรรมบนเตียง ตอนแรกก็รู้กันเฉพาะนางพยายาบาลประจำกะนั้น พอเปลี่ยนกะรับเวรต่อ นางพยาบาลกะใหม่ไม่รู้เรื่องคนไข้ที่ถึงแก่กรรมนี้ เพราะเขาย้ายศพออกไปแล้ว

  และแล้วก็เกิดเรื่อง วันถัดไปตอนดึกหลังเที่ยงคืน นางพยาบาลเห็นคนไข้เดินมาขอยา โดยบอกว่าอยู่เตียงด้านโน้น บอกแล้วก็เดินกลับไป พอพยาบาลเดินไปที่เตียงคนไข้เตียงที่ว่า มีคนไข้นอนอยู่แต่หน้าไม่เหมือน พอถามดูคนไข้ก็บอกว่านอนอยู่เฉยๆไม่ได้เดินไปไหนเลย นางพยาบาลก็งงๆแต่ยังไม่เฉลียวใจ

  วันต่อมาหลังเที่ยงคืนเวลาเดิม คนไข้คนเดิมซึ่งก็คือผี ยังเดินมาขอยาอีก นางพยาบาลบางคนก็เจอว่าขอน้ำดื่ม พยาบาลเอาไปให้ที่เตียงก็ไม่เจอ พอเช็ครายชื่อผู้ป่วยก็พบว่า คนไข้ผู้นี้เสียชีวิตไปแล้ว เลยกลัวผีกันทั้งพยาบาลทั้งคนไข้รายอื่นๆที่อยู่ชั้นนั้นด้วย

  ผีตนนี้ยังปรากฏอีกเป็นครั้งคราวและหลายวัน บางคนเห็นตัว บางทีได้ยินเสียงรองเท้าแตะดัง ตุบ ๆ ๆ ๆ เหมือนคนเดิน แล้วเสียงเดินนี้ดังตรงไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลเสียด้วย ภรรยาข้าพเจ้าเล่าว่า เสียงเดิน ตุบ ๆ ๆ เข้ามาหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์ทุกครั้ง ไม่มีใครกล้ามอง ผู้ป่วยคนอื่นก็กลัวเพราะรู้แล้วว่า...มีผี

  เมื่อหลวงพ่อวัดไทรน้อยเมตตามอบพระไม้แกะย้อมสีดำ 3 องค์ให้แฟนข้าพเจ้า แฟนก็พกติดตัวไปทำงาน พอเข้าเวรกะดึกก็ได้ยินเสียงเดืน ตุบ ๆ ๆ เสียงเดินเข้ามาถึงที่นางพยาบาลนั่งกลัวกัน ปรากฏว่าเสียงเดินไม่เข้ามาถึงเคาน์เตอร์ แต่เป็นเสียงหยุดชงักไป....หลังจากวันนั้นเหตุการณ์ผีไม่รู้ตัวว่าตายแล้วก็ไม่มีอีกเลย

อภินิหารตะกรุดโทนดอกโต

  วันหนึ่งข้าพเจ้าและเพื่อนอีกคนนั่งรถเมล์สาย 32 ไปเรียนที่วิทยาลัย พอผ่านสะพานพุทธฯก็มีนักเรียนอาชีวะกลุ่มหนึ่งกรูกันขึ้นมาบนรถ ตรงเข้ามารุมตีข้าพเจ้าและเพื่อน มีไม้มีมีดทั้งตีทั้งฟัน ข้าพเจ้าได้แต่ปัดป้องด้วยสมุดบ้างใช้เหล็กฟุตฟาดกลับไปบ้าง รู้สึกว่าคล้ายจะโดนคมมีดที่ท่อนแขนอยู่บ้าง ส่วนเพื่อนนั้นข้าพเจ้าเห็นชัดๆเลยว่า มันไม่สู้แล้วโดนมีดสับลงบนกระบาน พอเพื่อนโดนฟันเข้าที่หัวเท่านั้น พวกอาชีวะกลุ่มนี้ก็รีบวิ่งลงจากรถเมล์

  ข้าพเจ้ารีบเข้าไปดูเพื่อน นึกในใจว่า..ห่าเอ๊ย โดนฟันกระบานจังๆอย่างนี้มึงหัวแบะแน่ๆ ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลแล้ว

  ปรากฏว่าพอดูหัวกระบานมันแล้ว..กลายเป็นมันโดนฟันอย่างจังๆแต่ฟันไม่เข้า หัวไม่มีแผล หัวไม่แตก ทั้งเนื้อทั้งตัวมันมีตะกรุดโทนดอกโตของหลวงพ่อวัดไทรน้อยคาดเอวเพียงดอกเดียว ส่วนข้าพเจ้าก็ไม่มีรอยแผลอะไร แต่ไม่แน่ใจว่าข้าพเจ้าโดนฟันด้วยมีดหรือไม่ เพราะข้าพเจ้าใช้สมุดเล่มหนาปัดป้องตัว พร้อมทั้งใช้เหล็กฟุตฟาดตีกลับไปด้วย จึงไม่แน่ใจว่าที่โดนๆบ้างนั้นเป็นแค่ไม้หรือไม่ แต่เพื่อนนั้น มันโดนมีดสับกระบานเห็นจะๆต่อหน้าต่อตา เพื่อนมีตะกรุดหลวงพ่อวัดไทรน้อย ข้าพเจ้ามีลูกกลองหลวงปู่เหรียญและตะกรุดโทนดอกโต ที่หลวงพ่อวัดไทรน้อยมอบให้ครั้งที่ไปกราบท่านครั้งแรก


  อีกครั้งหนึ่งข้าพเจ้านั่งรถเมล์สาย 203 จากสนามหลวงไปเรียนที่วิทยาลัย ไปกับเพื่อนอีก 2 คน พอรถวิ่งไปถึงป้ายรถเมล์หน้าวัดปากน้ำนนท์...เจอช่างกลโรงเรียนคู่อริปิดถนน(ปิดถนนจริงๆ) แล้วกรูขึ้นรถมารุมตีพวกข้าพเจ้า พวกช่างกลโรงเรียนนี้ตีกับสถาบันข้าพเจ้าบ่อยๆ วันนั้นประมาณว่ามากันสิบกว่าคน พวกข้าพเจ้ามีแค่ 3

  เพื่อนข้าพเจ้าคนหนึ่งโดนฟันเข้าที่หัว เห็นชัดเจนเลยว่าโดนฟันด้วยมีดปังตอ อีกคนโดนตีหัวด้วยไม้ ส่วนข้าพเจ้าไม่โดนอะไรเลย(ได้ไง)

  เพื่อนที่โดนฟันด้วยมีดปังตอนั้น ปรากฏว่าฟันไม่เข้า เห็นเป็นรอยช้ำๆนูนๆ ส่วนคนทีโดนไม้ตีหัวนั้นมันหัวแตก ไอ้คนที่โดนมีดปังตอฟันไม่เข้ามีตะกรุดโทนหลวงพ่อวัดไทรน้อยดอกเดียว คนที่โดนตีหัวแตกไม่มีของขลังอะไรเลย ไอ้เพื่อนที่โดนมีดปังตอนั้น ผ่านไปอีกวันหัวมันโนบวมปูด เขียวช้ำ ต้องทายาอยู่หลายวัน

ตะกรุดขนาดกลาง


  ในช่วงที่เรียนช่างกลอยุ่ 5 ปี ก็แวะไปกราบหลวงพ่อวัดไทรน้อยหลายครั้ง หลวงพ่อประสิทธิ์เหรียญพระเครื่องให้หลายอย่าง เมตตามอบตะกรุดแบบอื่นๆให้ด้วย ยุคนั้นที่วัดไม่มีตู้วัตถุมงคล ใครอยากได้อะไรต้องเอ่ยปากกราบเรียนบอกท่าน ท่านจะหยิบมามอบให้ ไม่มีการตั้งราคาอะไรเลย  ถ้าอยากจะเช่าบูชาตามใจชอบ ก็ต้องรอถึงวันทำบุญงานวัดประจำปี จึงจะมีโอกาสเลือกเช่าบูชาได้ เพราะทางวัดจะเอาวัตถุมงคลออกมาให้บูชาแค่ปีละครั้งเท่านั้น

ตะกรุดไม้ไผ่ตัน


หลังจากที่ข้าพเจ้าเรียนจบทำงานแล้ว ก็ยังแวะเวียนไปกราบหลวงพ่อวัดไทรน้อย ได้กราบเรียนสอบถามถึงยันต์ในตะกรุดบ้าง เอาบุหรี่ญี่ปุ่นไปถวายบ้าง ทำบุญบ้าง

  ข้าพเจ้าสังเกตได้ว่า พอข้าพเจ้าเรียนจบและเข้าสู่วัยทำงานแล้วมีเงินเดือนแล้ว คราวนี้พอถวายเงินให้หลวงพ่อ ท่านก็รับ ถ้าคุยกับท่านเรื่องยันต์ต่างๆ ท่านก็ให้รายละเอียดมากยิ่งขึ้น มากกว่าตอนที่ข้าพเจ้ายังเรียนช่างกล

ตะกรุดหนังเสือ

  เมื่อข้าพเจ้าทำงานไปได้สัก 10 ปี วันหนึ่งลูกน้องถามว่า...มีของขลังที่ดีจริงทางคุ้มครองบ้างไหม จำเป็นต้องหามาติดตัว ข้าพเจ้าถามสาเหตุ พอลูกน้องมันบอกก็ต้องสะดุ้ง..เพราะ..พ่อของลูกน้องเป็นกำนันทางภาคใต้ โดนหุ้นส่วนหลอกไปยิงทิ้งตายคาที่...มีวี่แววว่าเรื่องจะบานปลาย ลูกน้องเลยมาขอของขลัง จึงพาไปหาหลวงพ่อวัดไทรน้อย ท่านก็มอบตะกรุดโทนดอกโตให้คุ้มครองตัว

  และแล้ว เรื่องก็บานปลายจริงๆ เจ้าลูกน้องรายงานว่า ตะกรุดหลวงพ่อวัดไทรน้อยเหนียวจริง ยังพาพวกไปกราบหลวงพ่อ ขอตะกรุดไว้คุ้มครองตัวด้วยเหมือนกัน....เรื่องจะบานปลายอย่างไร ก็บานปลายแบบในหนังไทยยุคเก่า หรือหนังจีนกำลังภายใน ลองคิดจินตนาการเอาเอง

  หลวงพ่อวัดไทรน้อยทำตะกรุดไว้หลายแบบ ที่ดังกว่าแบบใดก็คือตะกรุดโทนดอกโต จะยาว 4 นิ้วกว่าๆ เป็นตะกรุด 2 ดอกม้วนรวมกัน ลงยันต์ทั้งด้านหน้าด้านหลัง มียันต์นวหรคุณ  ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ยันต์เพชชสี่ด้าน และนะอุด  ตะกรุดโทนดอกโตลงยันต์เยอะทำยาก หลวงพ่อจึงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมสำหรับคนที่มาขอ ตะกรุดโทนดอกโตทำจากตะกั่วจึงหนักมาก ขนาดว่าเอาตะกรุดขว้างโดนหัวแตกหรือสลบได้เลย

ตะกรุดดอกเล็กแบบทายางรัก

มีเรื่องที่หลวงพ่อท่านว่าเป็นวิบากกรรม เรื่องเกิดในบั้นปลายชีวิตท่าน ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังระดับต้นๆของเมืองไทย ในตอนที่หลวงพ่อชราภาพมากแล้ว มีกลุ่มมิจฉาชีพเข้าไปกราบท่าน ภายหลังแอบเอายานอนหลับให้ท่านฉัน แล้วจัดฉากถ่ายรูปผู้หญิงขึ้นคล่อมหลวงพ่อ ให้ดูเหมือนว่ากำลังร่วมเพศ กลุ่มนี้เอารูปภาพมาขู่รีดไถเงินจากหลวงพ่อ

  แทนที่หลวงพ่อวัดไทรน้อยจะกลัวเสียชื่อเสียงแล้วยอมจ่ายเงิน ท่านเห็นว่าท่านไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านพร้อมจะพิสูจน์ความจริง จึงได้แจ้งความพร้อมทั้งรูปถ่าย...หลวงพ่อวัดไทรน้อยบริสุทธิ์ แต่เพราะท่านพร้อมพิสูจน์ความจริง เลยกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับ แต่ผลก็คือ...

  หนังสือพิมพ์เอาเรื่องหลวงพ่อวัดไทรน้อยนอน(หมดสติ)มีผู้หญิงขึ้นคล่อม เอามาเล่นเรื่องว่า เกจิอาจารย์ใหญ่ปาราชิก เล่นข่าวอยู่หลายวัน หลวงพ่อวัดไทรน้อยเสื่อมเสียชื่อเสียงสุดๆ ศรัทธาศิษย์ตกฮวบฮาบ มีการขายทิ้งวัตถุมงคลของหลวงพ่อ เสียงก่นด่ามาก่อน โดยที่ไม่พิจารณาเลยว่า หลวงพ่อชราภาพและอาพาธ ทางวัดก็อธิบายแล้วว่าหลวงพ่อโดนวางยา แต่ข่าวมีแต่ว่าหลวงพ่อไปในทางร้าย

  ตอนข้าพเจ้ารู้ข่าวก็รีบไปเยี่ยมหลวงพ่อ ท่านถามว่าเรื่องดังอย่างนี้แล้วเอ็งยังนับถือข้าอยู่อีกรึ ข้าพเจ้ากราบเรียนว่า รู้ว่าหลวงพ่อไม่ได้ทำผิด หลวงพ่อโดนจัดฉากแบล็คเมล์ชัดๆ และข้าพเจ้ายังพูดอีกว่า ถ้าหลวงพ่ออึ๊บๆจริง ก็ยิ่งต้องรีบมากราบหลวงพ่อ เพราะขนาดอายุ 80 แล้วยังอึ๊บไหว ต้องมียาโด๊ปเจ๋งแน่ๆจะได้ขอสูตร หลวงพ่อฟังแล้วท่านหัวเราะลั่นชอบอกชอบใจ

  หลายปีต่อมา หลวงพ่อชนะคดี ยืนยันว่าหลวงพ่อวัดไทรน้อยเป็นผู้บริสุทธิ์ แกงค์มิจฉาชีพรับสารภาพสิ้นว่า ได้วางยาหลวงพ่อแล้วจัดฉากถ่ายรูปเพื่อรีดไถเงิน

  พอหลวงพ่อชนะคดี ปรากฏว่าหนังสือพิมพ์ที่เคยเล่นข่าวหลวงพ่อเป็นข่าวใหญ่หลายวัน กลับลงข่าวแบบเหมือนไม่ลงข่าวหลวงพ่อวัดไทรน้อยชนะคดีเป็นผู้บริสุทธิ์ แค่ลงข่าวเป็นแบบข่าวแทรกเล็กๆแค่ไม่กี่บรรทัด บางฉบับลงข่าวแค่ไม่กี่วรรค น้อยคนที่จะได้เห็นข่าวที่แสดงความยุติธรรมให้หลวงพ่อนี้


  หลวงพ่อท่านสร้างตะกรุดไว้หลายแบบ ที่ดังสุดก็คือตะกรุดโทนดอกโต ยาว 4 นิ้วกว่าๆ ที่แจกมากที่สุดคือตะกรุดดอกเล็ก ยาวประมาณ 1นิ้วครึ่ง ที่ แจกแทนตะกรุดดอกโตก็เป็นตะกรุดขนาดกลาง ลงไว้ด้วยยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ และนะอุด บางทีหลวงพ่อเรียกนะแคล้ว วัตถุมงคลแบบอื่นก็มีเหรียญรูปท่าน รูปหล่อ พระกริ่ง พระบูชา  พระผงรูปเหมือน พระพิมพ์สมเด็จ กระดาษยันต์รูปท่าน ธงมหาราช แม่นางกวัก พระปิดตา





  หลวงพ่อวัดไทรน้อย หลวงพ่อเมียง หรือ พระครูนนทสิทธิการ (ประสิทธิ์ สิทธิกาโร) มรณภาพด้วยโรคปอดติดเชื้อ ที่ รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2556  รวมอายุ 88 ปี 65 พรรษา

เรื่องจากความทรงจำที่ได้รู้จักหลวงพ่อวัดไทรน้อย

ภาพวัตถุมงคลของข้าพเข้าเอง

ขอขอบคุณภาพหลวงพ่อวัดไทรน้อย จากอินเทอเน็ต(ไม่สามารถสืบหาต้นตอแรกเริ่ม)




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น