วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567

หลวงพ่อกับของวิเศษ 5...หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ.1

 



หลวงพ่อพรหม ติสฺสเทโว วัดขนอนเหนือ จ.พระนครศรีอยุธย

แหวนพิรอดหลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือ

  เรื่องของแหวนพิรอดของหลวงพ่อพรหม ติสฺสเทโว วัดขนอนเหนือ ข้าพเจ้าเคยเล่าไว้ในหลายที่ แต่ไม่ได้รวบรวมเรื่องของแหวนพิรอดเอาไว้ให้เป็นเรื่องเดียว พอเกิดเหตุคอมพิวเตอร์โดนไวรัสโจมตี ไฟล์งานเปิดไม่ได้  แถมยังเป็นไปได้ว่าคงสูญเสียไฟล์แน่ๆ จึงต้องค่อยๆนึกรวมเรื่องราวเอามาเล่าไว้อีกครั้ง โดยจะรวมเรื่องของแหวนพิรอด(ซึ่งทำมาในรูปแบบแหวนปลอกมีด) เอามารวมไว้ในตอนเดียว พร้อมทั้งเรื่องที่เพิ่งนึกออกด้วย

แหวนพิรอด แหวนปลอกมีด หลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือ

  หลวงพ่อพรหมท่านได้สร้างวัตถุมงคลในรูปแหวนพิรอดมาตั้งแต่ท่านยังหนุ่ม แรกๆก็เป็นแหวนพิรอดแบบดั้งเดิม ที่ทำจากผ้าตีเกรียวถักหัวแหวนเป็นเงื่อนพิรอด มีทั้งที่เป็นแหวนพิรอดแขนและแหวนพิรอดนิ้ว มีประสบการณ์คุ้มครองป้องกันภัยเป็นที่เลื่องลือ ต่อมามีการทำแหวนพิรอดออกมาในแบบแหวนโลหะ ที่นิยมกันมากก็เป็นแหวนรูปทรงโบราณง่ายๆ แบบที่เรียกว่า แหวนปลอกมีด

  ข้าพเจ้าเคยมีประสบการณ์อภินิหารแหวนพิรอดของหลวงพ่อพรหมหลายครั้ง ทั้งยังได้คุยกับมิตรสหายที่เคยพบอภินิหารแหวนพิรอดแหวนปลอกมีดของหลวงพ่อพรหม เจ้าของประสบการณ์เล่าให้ฟังด้วยตัวเอง ไม่ใช่แบบเขาเล่าว่าโดยที่ไม่รู้ว่าคือเขาคนไหน ประสบการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้คือเรื่องจริง

1.อภินิหารแหวนครองพิภพ เรื่องเล่าแหวนวิเศษของหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ

   เรื่องนี้คนขับแท็กซี่ได้เล่าให้ฟัง ข้าพเจ้าเรียกแท๊กซี่ไปส่ง ระหว่างที่คุยกันแกเล่าว่า พระที่แกนับถือคือ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง กับ หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ เพราะเจอประสบการณ์มาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งที่หวาดเสียวที่สุดเป็นเรื่องที่เกิดกับลูกชาย ซึ่งแกมอบแหวนปลอกมีดหลวงพ่อพรหมให้ลูกชายสวมนิ้วไว้

  แกเล่าว่า ลูกชายพาแฟนไปเที่ยวน้ำตก (จำไม่แม่นแล้ว ประมาณน้ำตกพริ้วหรือน้ำตกเขาชะเมา) แกว่าลูกชายกับแฟนดันปีนขึ้นไปเล่นบนน้ำตกชั้นบนที่คนไม่ค่อยขึ้นไป และเป็นฤดูน้ำหลากเสียด้วย

  ขณะที่เล่นน้ำกันอยู่ดี ๆ ก็เกิดเป็นตะคริว จึงค่อย ๆ ไหลไปตามกระแสน้ำ คนที่ไปเที่ยวด้วยกันวิ่งมาช่วยไม่ทัน ทั้งลูกชายกับแฟนพยายามเกาะตัวกันไม่ให้หลุด แต่ก็ไหลไปตามน้ำจนเกือบถึงหน้าผาน้ำตก

  อภินิหารแหวนครองพิภพก็ได้ปรากฏ..ทั้งสองคนจะไหลตกหน้าผา อยู่ ๆ มือก็ไปสะดุดกับหินใต้น้ำ คือท้องแหวนพิรอดไปเกี่ยวกับแง่งหินเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้น้ำมองไม่เห็น ร่างที่จะตกหน้าผาน้ำตกจึงหยุดค้าง จนมีคนมาช่วยไว้ได้ทัน

  ลุงแท็กซี่แกไม่รู้ว่าข้าพเจ้าเป็นศิษย์หลวงพ่อพรหม แกว่าแหวนที่ลูกชายใส่นั้นไม่รู้ว่าผ่านการควักจิ๋มมาแล้วสักเท่าไหร่ เพราะลูกเจ้าชู้ ชอบล้วง ๆ ควัก ๆ ไม่เลือก แหวนถูโดนจิ๋มมาเยอะ ไม่ยักจะเสื่อม หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือนี่แน่จริง ๆ

บังเอิญหรืออภินิหาร ประสบการณ์เหมือนกับที่เกิดกับข้าพเจ้าเลย (ยกเว้นเรื่องใส่แหวนไปควักจิ๋ม)

แหวนปลอกมีด ล.พ.พรหมวัดขนอนเหนือ


2.อภินิหารแหวนครองพิภพ เรื่องเล่าแหวนวิเศษ ของหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ

จากความทรงจำ... ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนนับถือศาสนาคริสต์ แต่เจ้านี่ชอบดูถูกเหยียดหยามศาสนาพุทธ ยิ่งข้าพเจ้าชอบเรื่องเครื่องรางของขลัง มันก็ยิ่งว่าโคตรงมงาย เวลาที่มันมาว่าศาสนาพุทธนั้น หลายเรื่องเราเถียงมันไม่ได้เลย เพราะพวกนี้มีวิธีพูดในเรื่องที่เราไม่กล้าเถียง ประมาณว่ามีการยกเรื่องดังกล่าวมาสอนให้โต้เถียงชาวพุทธ ข้าพเจ้าเคยเจอเรื่องทำนองนี้จากเพื่อนต่างศาสนา แต่เขาพูดเรื่องเดียวกัน

  อยู่ ๆ วันหนึ่ง เพื่อนคนนี้แวะมาหาที่บ้านแล้วเล่าว่า พี่เขยโดนคุณไสย ขอให้ข้าพเจ้าช่วยพาไปหาพระที่เก่ง ๆ ช่วยแก้ให้หน่อย ตอนนั้นอยากจะเยาะเย้ยมันว่า ทำไมมึงไม่เอาขนมปังกรอบและน้ำมนต์ของพระเจ้าในพิธีโบสถ์คริสต์ให้พี่เขยมึงกิน แต่ข้าพเจ้าเห็นว่ามันเคยเยาะเย้ยเราเรื่องพุทธไว้มากแล้วเรารู้สึกไม่ดี ครั้งนี้ก็อย่าไปกล่าวล่วงถึงศาสนาของเขาจะดีกว่า พอคิดได้ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรมันไป ได้แต่ถามมันว่า มึงไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์แล้วคราวนี้ทำไมมึงถึงว่าพี่เขยโดนของ

  เพื่อนเล่าว่า... พี่มันป่วยแบบแปลกประหลาด คือบางทีอยู่ ๆ ก็เกิดอาการหวาดผวา บางทีปวดร้าวทั่วร่าง บางทีเหมือนเจ็บที่หัวใจ ไปหาหมอหลายครั้งก็รักษาไม่หาย พอมาตอนหลังอาการยิ่งแปลกสุด ๆ จึงเชื่อว่าโดนทำคุณไสยจากผู้หญิง คือปัญหาชู้สาวของพี่เขยนั่นเอง

  เพื่อนเล่าอาการพี่เขยต่อว่า... ตอนหลังมานี้เกิดอาการเจ็บปวด หมดแรง และเกิดเหตุเล็บดำ อึดอัด หายใจลำบาก ตอนที่เจ็บครั้งหลังนี้เหมือนเจ็บลามขึ้นหัวใจ แล้วเล็บจะดำขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนคนที่เล็บช้ำ ๆ

  พอถึงขั้นเล็บดำนี้ พี่เขยและพี่สาวได้ตระเวนหาอาจารย์ไสยศาสตร์รักษา แต่ก็ไม่หาย ต่อมาไปหาอาจารย์ทางพรหมศาสตร์ท่านหนึ่ง อาจารย์ท่านนี้ก็แน่จริง รักษาได้ แต่ถอนของแล้วอีกไม่นานก็โดนของอีก และแก้ยากขึ้นเรื่อย ๆ คือแก้ได้ แต่ป้องกันไม่ได้ จนถึงขั้นเล็บดำ แก้ไม่ไหวแล้ว

  เพื่อนจึงนึกถึงข้าพเจ้า มันบอกว่าทีแรกก็ว่าจะมาหา แต่นึกถึงที่เคยหาว่า พุทธและเครื่องรางของขลังเป็นเรื่องงมงาย มันเลยอายไม่กล้ามาหา แต่คราวนี้หมดปัญญาจริง ๆ จึงบากหน้ามาหา ขอให้หาพระเก่ง ๆ ช่วย

  ตอนนั้นยังไม่สะดวกพาไปหาหลวงพ่อพระอาจารย์ต่าง ๆ ที่รู้จัก แต่รู้ว่าเรื่องนี้รอไม่ได้ เพราะพี่เขยเพื่อนทรมานและหวาดกลัวมาก ถึงขั้นเริ่มป้ำ ๆ เป๋อ ๆ แล้ว

หลวงพ่อพรหม ติสฺสเทโว

  ข้าพเจ้านึกถึงหลวงพ่อพรหม และนึกไปถึงว่า... จะอย่างไรก็ดี เพื่อน และพี่สาว พี่เขย เป็นคริสต์ จะให้พระเครื่องไปคงไม่เหมาะ เลยหยิบแหวนพิรอดรุ่นหนึ่งที่คุณประเสริฐ เรืองสุรัตน์ สร้างถวายหลวงพ่อให้ไป บอกว่าให้เอาไปใส่ไว้ อย่าถอด แล้วนัดวันที่จะพาไปหาหลวงพ่อพรหม

หลังจากนั้นเพื่อนก็เงียบหายไปหลายวัน พอถึงวันนัดที่จะไปกราบหลวงพ่อ เพื่อนเล่าให้ฟังว่า... พอพี่เขยใส่แหวนพิรอดก็สะดุ้งงง ๆ แล้วกลับมาพูดคุยรู้เรื่อง อาการที่เล็บดำก็ประหลาด คือสีเล็บที่ดำ ๆ นั้นค่อย ๆ จางลงออกไปทางปลายเล็บ (คือคุณไสยถูกคัดออกไป) บางทีคล้ายจะเกิดอาการเหมือนแหวนรัดนิ้ว คับนิ้วจนรู้สึกได้ ลักษณะสภาพแวดล้อมเหมือนตอนที่จะโดนของ แต่แหวนรัดนิ้วแล้วไม่เกิดเรื่องร้าย จึงเชื่อว่าแหวนพิรอดป้องกันคุณไสยได้

พอพาไปกราบหลวงพ่อพรหม ยังไม่ทันได้เล่าให้หลวงพ่อพรหมฟังเลย ท่านมองหน้าพี่เขยเพื่อนแล้วหัวเราะว่า... เออ ๆ หายแล้ว ๆ หมดเคราะห์หมดโศกกันเสียที ต่อไปมึงก็อย่าเจ้าชู้

  หลวงพ่อไม่ได้ทำพิธีอะไรเพิ่มให้ คุณไสยถูกล้างหายแค่ใส่แหวนพิรอดนวโลหะแค่วงเดียว

ภาพปกหนังสือประวัติหลวงพ่อพรหม เล่มคุณประเสริฐ จัดพิมพ์


3.แหวนปลอกมีด หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ

  เมื่อปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 นี้เอง ข้าพเจ้าผู้เขียนมีประสบการณ์คุณวิเศษวัตถุมงคลของหลวงพ่อพรหม ครั้งนี้เจอเข้ากับตัวเองเลยทีเดียว ทั้งเนื้อทั้งตัวมีของขลังติดตัวแค่แหวนปลอกมีดหลวงพ่อพรหม รับมาจากมือหลวงพ่อ ได้สวมแหวนเนื้อเงินและนวโลหะที่นิ้วมือขวา ปกติก็จะใส่แหวนแบบนี้มาโดยตลอด

ตอนตี 4 ของวันนั้น อยู่ ๆ ก็มีเสียงของตกลงพื้นเสียงดัง พอได้ยินก็รู้ว่าเป็นจานกระเบื้องแน่ ๆ เสียงถึงขนาดนี้  พอเข้าไปดูที่หลังบ้าน ก็เห็นเศษจานกระเบื้องแตกเกลื่อนพื้น จานกระเบื้องใบนี้ข้าพเจ้าวางไว้บนเตาแก๊ส

เมื่อเห็นว่าจานกระเบื้องร่วงจากเตาแก๊สจริง ๆ ก็งง ๆ ว่ามันหล่นลงมาได้อย่างไร ก็เราวางไว้ดี ๆ แล้วนี่หว่า... จะว่ามีหนูมาเบียดชนจานจนจานตกลงจากบนเตาแก๊สก็ไม่น่าเป็นไปได้ ข้าพเจ้าจึงมอง ๆ ดูแถวพื้นใต้เตาแก๊ส ใต้โต๊ะ พอมองดูดี ๆ ก็ต้องสะดุ้ง เพราะมองเห็นงูเหลือมกำลังเลื้อยอยู่ กะขนาดว่างูเหลือมตัวนี้ยาวราว ๆ ร่วม 5 เมตร ขนาดตัวใหญ่หนาประมาณแขนคนตัวใหญ่ๆ

งูตัวนี้แหละ

งูเหลือมดันเลื้อยไปอยู่ที่ใต้โต๊ะตรงมุมหลังบ้าน ข้าพเจ้าจึงรีบหาอุปกรณ์มาทำบ่วงจับงูเดี๋ยวนั้น โดยใช้ด้ามของไม้ถูพื้นที่เป็นท่อกลวง แล้วเอาเชือกร่มร้อยเข้าไปให้ปลายเชือกไปโผล่ที่ปลายด้ามไม้ถูพื้น แล้วผูกเป็นเงื่อนรูดที่ปลายท่อ วิธีการนี้ถ้าเราคล้องบ่วงเข้าที่หัวงูได้แล้ว พอดึงเชือกจากปลายท่ออีกด้าน เชือกก็จะรัดงูให้ติดคาอยู่กับปลายท่ออีกด้านหนึ่ง...

พอทำเครื่องมือจับงูเสร็จ ก็พยายามที่จะยื่นปลายไม้ถูพื้นที่มีบ่วงโผล่ที่ปลายท่อ ให้บ่วงนี้ไปคล้องที่บริเวณคอของงูเหลือมให้ได้ ปรากฏว่าเจ้างูเหลือมมันฉกเข้าที่บ่วง เอาบ่วงคล้องงูไม่สำเร็จสักที เพราะงูเหลือมส่ายหัวหลบ แถมบางจังหวะยังฉกสู้อีกด้วย จนในที่สุดไอ้เจ้างูเหลือมดันหนีเข้าไปขดตัวอยู่หลังกองหนังสือ ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของข้าพเจ้าเสียด้วย เจ้างูเหลือมมันแทรกตัวเข้าไปอยู่ในช่องว่างระหว่างฝาผนังกับโต๊ะหนังสือ โดยมีประตูมุ้งลวดที่ถอดวางพิงผนังบังตัวงูอยู่

ข้าพเจ้าพยายามเอาบ่วงคล้องงูจนสำเร็จแต่เจ้างูเหลือมมันดึงตัวสู้ งูดึงจนบ่วงที่รัดตัวงูถึงขั้นเริ่มรูดจากตัวงูเหลือมไปเรื่อย ๆ จนตำแหน่งของบ่วงไหลไปจนเกือบถึงช่วงปลายหาง บางทีก็โผล่หัวออกมาฉกเชือกร่มด้วย

เอาล่อเอาเถิดกับงูเหลือมจนสว่าง จวนจะได้เวลาที่ต้องเตรียมตัวไปส่งลูกที่มหาวิทยาลัย ถ้าปล่อยงูเหลือมอยู่อย่างนี้ พอข้าพเจ้าไปส่งลูกแล้วกลับมาที่บ้าน ก็ไม่มีทางที่จะรู้ว่างูเหลือมมันเลื้อยออกจากบ้าน หรือมันยังแอบซ่อนอยู่ในบ้าน ซึ่งอย่างหลังนี้อันตรายมาก ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจที่จะเอามือจับงูเหลือมยัดใส่ถุงขยะ ตอนนั้นก็เสียว ๆ แหยง ๆ แต่มันจำเป็น

ข้าพเจ้าขยะแขยงที่จะจับโดนตัวงูเหลือม เลยเอาถุงมือพลาสติกบาง ๆ มาสวมมือทั้งสองข้าง เอาถุงดำมาวางใกล้ ๆ พอเริ่มดึงเชือกที่รัดท่อนหางงูเหลือม เจ้างูเหลือมก็สู้อีก ในที่สุดด้วยความร้อนใจและยั๊วะเจ้างูเหลือมมาก ข้าพเจ้าจึงเอามือจับหางงูเหลือมแล้วลากออกจากซอกที่มันซ่อนตัว...

ขณะที่จับหางงูเหลือมแล้วลากออกมานั้นเอง ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจว่าทำไมงูมันไม่สู้แล้ว เพราะดึงงูออกมาแบบสาวเชือกง่าย ๆ (ขยะแขยงที่รู้สึกว่าตัวมันลื่น ๆ เย็น ๆ เหม็นสาบคาว ๆ) พอสาวงูเหมือนสาวเชือก มือหนึ่งก็จับหางยัดลงถุงดำ อีกมือก็ดึงลากงูออกมาเรื่อย ๆ

จังหวะสุดท้ายที่ลากงูเหลือม ช่วงหัวงูดันโผล่ออกมาห่างข้อมือแค่ไม่เกิน 2-3 นิ้วฟุต ตอนนั้นข้าพเจ้าตกใจเหมือนกัน รีบเอามือจับช่วงคองูเหลือม แต่จับพลาด ดันไปจับให้งูมีระยะที่จะม้วนมาฉกได้ ระยะฉกข้อมือและห่างใบหน้าแค่ 1 ฟุต

แต่แล้ว... ข้าพเจ้าเพิ่งสังเกตเห็นเรื่องแปลกว่า ตอนที่สาวลากงูเหมือนสาวเชือกนั้น ตอนที่ดึงส่วนที่เป็นเชือกนั้น เจ้างูเหลือมมันสู้ แต่พอใช้มือจับโดนตัวงูเหลือม เจ้างูเหลือมไม่สู้ซะงั้น หางงูไม่รัดแขนขาข้าพเจ้าเลย จับโดนช่วงคองูที่จับพลาดจนทำให้มีระยะงูฉก แต่งูเหลือมมันนิ่งไปเฉย ๆ เหมือนมันหมดแรงเหี่ยวเฉา ตอนนั้นเองที่ข้าพเจ้านึกถึงแหวนปลอกมีดหลวงพ่อพรหม ที่สวมนิ้วมือข้างที่จับคองู เห็นเลยว่างูมันเหี่ยวเฉาแบบหมดแรง

สุดท้ายก็เอางูเหลือมตัวใหญ่ยัดลงถุงดำ เหมือนกับเอากองเชือกใส่ถุงได้ง่าย ๆ งูเหลือมไม่มีปฏิกิริยาทางกายภาพอะไรเลย ไม่ดิ้น ไม่บิดตัว ไม่ขดตัว ลองนึกถึงตอนเราเก็บม้วนเชือกหรือสายยางท่อน้ำ ก็ประมาณนั้น หลังจากนั้นก็เอากระดาษมาเขียนว่า “งูเหลือม” แปะกระดาษไว้ที่ถุง แล้วเอาไปวางไว้ในถังขยะหน้าซอย โดยบอกเจ้าหน้าที่ว่า จับงูเหลือมตัวใหญ่ยัดใส่ถุงมาให้เรียบร้อย

เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องเป็นอภินิหารของวิเศษของหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ อย่างแน่นอน งูเหลือมตัวใหญ่ยาวเกือบ 5 เมตร กลับหมดฤทธิ์ไปอย่างกระทันหัน จนข้าพเจ้าจับยัดลงถุงดำได้อย่างง่าย ๆ แหวนปลอกมีดที่ข้าพเจ้าใส่ ก็คือแหวนวงที่ 2 และ 3 นับจากซ้าย

แหวนที่ใส่ตอนจับงูเหลือม


4.อภินิหารแหวนปลอกมีดหลวงพ่อพรหม

  เรื่องนี้เกิดขึ้นกับรุ่นน้องที่ข้าพเจ้ามอบแหวนพิรอดหลบในให้ไป รุ่นนี้เป็นแหวนปลอกมีดรุ่น 2 ที่คุณประเสริฐ เรืองสุรัตน์ สร้างถวายหลวงพ่อพรหม

  รุ่นน้องคนนี้เป็นนักเที่ยว ชอบเที่ยวหญิงบริการ มักจะไปกับคู่หูซึ่งก็เป็นรุ่นน้องของข้าพเจ้าเหมือนกัน  การเที่ยวของสองคนนี้ เที่ยวทั้งโสเภณีโรงแรม ซ่องต่างจังหวัด อาบอบนวด โรงน้ำชา เที่ยวสาวบาร์ เขาจะไปกันสองคนเป็นเพื่อนรักกัน

  เจ้าคนที่ข้าพเจ้ามอบแหวนปลอกมีดหลวงพ่อพรหมให้ไปนั้น เคยมาสอบถามข้าพเจ้าว่า..เผลอไปล้วงจิ่มผู้หญิงหลายคน แหวนโดนจิ่มหญิง แหวนของหลวงพ่อนี้จะเสื่อมไหม...ข้าพเจ้าตอบว่า..ไม่มีวันเสื่อม

  วันเวลาผ่านไป รุ่นน้องสองคนนี้ก็ยังเที่ยวผู้หญิงอยู่เป็นประจำ ในที่สุด...รุ่นน้องสองคนนี้ คนหนึ่ง..ติดโรคเอดส์...

  คนที่รอดจากการติดโรคเอดส์ คือคนที่ใส่แหวนปลอกมีดหลวงพ่อพรหม

  รุ่นน้องคนนี้เล่าว่า...ความจริงแล้วคนที่ควรจะติดโรคเอดส์ก็คือตัวเขา แต่เขารอดมาได้เพราะ...อภินิหารแหวนหลวงพ่อพรหมช่วยไว้แน่ๆ...เขาเล่าว่า วันที่ไปเที่ยวสาวบาร์ เขาถูกใจสาวคนหนึ่งมากๆ ส่วนเพื่อนก็เลือกสาวอีกคนหนึ่งมานั่งดริ๊งส์ ก็กอดจูบลูบไล้นัวเนียกันไป

  ขณะที่เขาล้วงจะจับจิ๋ม อยู่ๆก็นึกถึงว่าใส่แหวนพระอยู่ เป็นแหวนพระอาจารย์ของหัวหน้าด้วย ก็เลยรู้สึกไม่ดีว่าเคยใส่แหวนจับโดนจิ๋มสาวๆหลายคน เหมือนไม่เกรงใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลย เขาจึงถอดแหวนออกจากนิ้ว แปลกที่ถอดแหวนไม่ออก ทั้งๆที่แหวนก็ไม่ได้คับนิ้วอะไรเลย แต่ความหื่นอยากล้วงจิ๋มมีมากอยากล้วงอยากจับจิ๋มสุดๆ ก็เลยรีบไปเข้าห้องน้ำ เพื่อที่จะฟอกสบู่ให้นิ้วลื่นๆจะได้ถอดแหวนออก

  เจ้านี่พยายามถอดแหวนเท่าไรก็ถอดไม่ออก เลยกลับมาที่โต๊ะ  ปรากฏว่าเจ้าเพื่อนดันขอเปลี่ยนคู่มานัวเนียกับสาวบาร์ที่ตัวเขาเลือกไว้ตั้งแต่ทีแรก ด้วยความรักเพื่อนก็เลยแลกคู่กัน เจ้าคนนี้ไปนัวเนียกับสาวอีกคน รุ่นน้องสองคนนี้ควงสาวบาร์สองคนนี้เป็นแฟนกันตลอดมา

  พอวันรุ่งขึ้น ถอดแหวนปลอกมีดได้ง่ายๆซะงั้น

  วันเวลาผ่านไป สองคนนี้ก็ยังเที่ยวอยู่ ยังเที่ยวสาวบาร์คู่เดิม..ผ่านไปราวๆหนึ่งปี เรื่องก็เกิด...สาวคนหนึ่งเป็นโรคเอดส์...ก็คือสาวคนที่รุ่นน้องที่ใส่แหวนหลวงพ่อพรหมเลือกไว้ทีแรก แต่เกิดการเปลี่ยนคู่ เพื่อนที่ขอแลกหญิงจึงติดโรคเอดส์ไปด้วย...รุ่นน้องที่ใส่แหวนหลวงพ่อพรหมจึงรอดจากโรคเอดส์

  รุ่นน้องที่ใส่แหวนหลวงพ่อพรหมรอดจากโรคเอดส์เพราะ...มัวเข้าห้องน้ำไปถอดแหวนเพื่อจะมาจับจิ๋มสาวที่เป็นเอดส์ ซึ่งถ้าจับแล้วก็ต้องร่วมเพศต่อแน่นอน แล้วเพื่อนอาศัยจังหวะนี้เปลี่ยนคู่ตัดหน้าไปอย่างฉิวเฉียด เพื่อนเลือกสาวบาร์ที่เป็นเอดส์แทน....ต่อมารุ่นน้องที่ติดเอดส์ก็เสียชีวิต

  ลองคิดดูว่าเรื่องนี้ เป็นอภินิหารหรือไม่



เรื่อง...จากความทรงจำ
ภาพ จากหนังสือประวัติหลวงพ่อพรหม และภาพที่ข้าพเจ้าถ่ายไว้