พระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา
หลวงพ่อโต ซำปอกง วัดพนัญเชิง
สำหรับมนุษย์พันธุ์ครึ่งร้อยอัป
ที่อัประดับถึงวัยหลังเกษียณ ถ้าเป็นชาวพุทธแล้ว แน่นอนว่าต่างต้องเคยไปกราบนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายกันมาแล้วทั้งนั้น
เป็นการไปกราบนมัสการตั้งแต่ครั้งยังอยู่ในวัยเด็กที่บรรพบุรุษพาไป
จนกระทั่งวัยหนุ่มสาว(ในครั้งนั้น)
และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันในวัยชราก็ยังไปเที่ยวกราบนมัสการ(ถ้ายังถ่อสังขารไปไหวนะ)
อย่างน้อยก็ต้องมีนึกอยากกลับไปเที่ยวไปกราบหลวงพ่อกันบ้างแหละ
ข้าพเจ้าจำได้ว่าเมื่อ 60 ปีก่อนบวกลบเล็กน้อย(สะดุ้งเลยวุ๊ย)
บิดามารดาพาไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลายวัด ได้แก่ หลวงพ่อโสธร
หลวงพ่อมงคลบพิตร หลวงพ่อโตซำปอกง วัดพนัญเชิง หลวงพ่อโตซำปอกง วัดกัลยาฯ
หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี หลวงพ่อวัดบ้านแหลม และอีกหลายวัด
ข้าพเจ้าจำได้แม่นว่า พอเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ทุกวัด
จะต้องได้รับแจกวัตถุมงคลมาแบบหนึ่ง เป็นวัตถุมงคลแบบเดียวกันทุกวัด นั่นก็คือ...
ชายผ้าจีวรหลวงพ่อ
ชายผ้าจีวรหลวงพ่อนั้น
ไม่ใช่ผ้าจีวรจากพระสงฆ์ แต่เป็นผ้าจีวรของหลวงพ่อพระพุทธรูปวัดนั้น ๆ
ซึ่งก็คือผ้าสีจีวรพระบ้างสีเหลืองบ้าง เป็นผ้าผืนยาว ๆ
ที่เขาใช้คลุมพาดบ่าพระพุทธรูป
เรียกเป็นจีวรหลวงพ่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดนั้น ๆ เช่น
จีวรหรือผ้าคลุมหลวงพ่อโสธร
ทางวัดจะนำผ้าคลุมหลวงพ่อพระพุทธรูปนี้
เอามาฉีกเป็นริ้วเล็ก ๆ ตัดเป็นเส้นยาวพอที่จะเอามาผูกข้อมือได้
ถือเป็นวัตถุมงคลทำนองว่าเป็นผ้าชายจีวรหลวงพ่อ
จะมอบให้ผู้ไปกราบนมัสการพระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด
โดยจะมีพระสงฆ์ท่านหยิบมาแจกให้ทุกคน บางทีจะผูกข้อมือให้กันเลย ถ้าพระท่านไม่อยู่
ไม่ว่างมานั่ง ก็จะเอาผ้าชายจีวรพระพุทธรูปนี้วางบนพาน
เพื่อให้สาธุชนหยิบได้ตามอัธยาศัย
ตอนที่ข้าพเจ้ายังเด็กก็ได้รับแจกผ้าชายจีวรของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาทุกครั้งที่ไปกราบนมัสการ
มีหลวงปู่หลวงพ่อผูกข้อมือให้หลายครั้ง
ผ้าชายจีวรหลวงพ่อที่ข้าพเจ้าได้รับมาบ่อยที่สุด จะเป็นของหลวงพ่อโสธร
หลวงพ่อโตซำปอกง หลวงพ่อมงคลบพิตร หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์
เพราะบิดามารดาพาไปกราบนมัสการบ่อย ๆ
ผ้าชายจีวรหลวงพ่อทั้งหลายนี้
ต่อมาได้พัฒนาไปเป็นด้ายสายสิญจน์ผูกข้อมือ และมีการผูกปมเล็ก ๆ ดูดีขึ้นไม่น้อย
วัสดุคงทนถาวรกว่าแบบที่เป็นผ้าคลุมหลวงพ่อ โดยใช้แทนเป็นด้ายสายสิญจน์
ในที่สุดก็ใช้เป็นเชือกเส้นเล็ก
จนถึงปัจจุบันบางทีใช้เชือกไนล่อนแบบที่เรียกว่าไหมเจ็ดสีไหมห้าสี
ซึ่งทำเป็นวงๆสำเร็จรูป แต่ข้าพเจ้าชอบแบบดั้งเดิมที่เป็นผ้าชายจีวรที่สุด
สมัยที่ยังเป็นเด็กนั้น
ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าพอมีผ้าชายจีวรหลวงพ่อต่าง ๆ ผูกข้อมือ
แล้วเคยเจอประสบการณ์อะไรบ้าง ประมาณว่าเพราะยังเป็นเด็ก
พระท่านจะผูกข้อมือให้ก็ยอมให้ท่านผูกให้เท่านั้นเอง จำมาแค่ว่า
มีของดีจากหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์แล้ว
วัตถุมงคลที่ทางวัดสมัยก่อนมักจะมีแจกอีกอย่างหนึ่งนั้น
จะนิยมกันในหมู่ชาวจีน ตลอดจนถึงชาวไทยเชื้อสายจีน
แบบนี้คนทั่วไปไม่ค่อยได้สังเกตและไม่ค่อยจะคุ้นเคย จึงไม่ค่อยเข้าไปรับแจกติดตัว
วัตถุมงคลนี้ก็คือ... ฮู้...
ฮู้
แบบที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้ ไม่ได้มีในทุกวัด
จะมีก็เฉพาะวัดที่มีคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนนิยมไปกราบนมัสการทำบุญกัน
ทั้งจะต้องมีพวกอาแป๊ะอาก๋งนั่งประจำที่โต๊ะค่อยแจก "ฮู้ของหลวงพ่อ"
ให้ด้วย แถมยังมีการให้คนที่ทำบุญเขียนชื่อและจำนวนเงินที่บริจาคลงในสมุดอีกด้วย
ประมาณว่าทำบัญชีอย่างโปร่งใสกันเลยทีเดียว ถึงจะไม่บริจาคเงิน อาแป๊ะอาก๋งก็จะหยิบ
"ฮู้ของหลวงพ่อ" แจกให้อยู่ดี
ฮู้ของหลวงพ่อนี้
ก็คือกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้งพิมพ์รูปหลวงพ่อพระพุทธรูปของวัดนั้น ๆ
แบบลายเส้นพู่กันจีน มีตัวอักษรภาษาจีน มักมีตราประทับหมึกแดง
สีของกระดาษฮู้ส่วนมากมักเป็นสีเหลืองหรือสีแดง
ฮู้ของหลวงพ่อที่ข้าพเจ้าคุ้นเคยที่สุด
ก็คือ "ฮู้ซำป่อฮุดกง" เพราะได้ไปกราบนมัสการตั้งแต่ยังเด็ก
ไปกราบนมัสการติดต่อมาจนถึงวัยทำงาน และจนถึงปัจจุบัน ถ้ามีโอกาสผ่านไปที่
จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องแวะไปกราบนมัสการ หลวงพ่อซำป่อฮุดกงนี้ก็คือ หลวงพ่อซำปอกง
หรือหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง นั่นเอง
![]() |
ฮู้หลวงพ่อโตซำป่อฮุดกง |
อภินิหารฮู้หลวงพ่อโตซำปอกง
เมื่อ 30 กว่าปีก่อน ข้าพเจ้าพบกับประสบการณ์ชายจีวรหลวงพ่อและฮู้หลวงพ่อโต
วัดพนัญเชิง เป็นประสบการณ์ชายจีวรและฮู้หลวงพ่อโตซำปอกงล้วน ๆ
เพราะไม่มีวัตถุมงคลอื่นใดเลย ไม่ใช่ประสบการณ์ที่โดนที่ตัวเรา
แต่เป็นประสบการณ์ที่เกิดกับรถยนต์ของข้าพเจ้า... เรื่องมีอยู่ว่า...
ครั้งที่ยังทำงานบริษัทจนถึงมีเงินซื้อรถยนต์คันแรก
ข้าพเจ้าไม่เคยขับรถไปให้หลวงปู่หลวงพ่อท่านใดเจิมและลงยันต์ที่รถเลย
ทั้งยังไม่มีวัตถุมงคลแขวนที่กระจกมองหลังแบบที่ใคร ๆ เขามีกัน
สาเหตุเพราะแขวนแล้วจะบังสายตานั่นเอง ที่ไม่ลงอักขระเลขยันต์ที่รถเช่นตรงเพดานรถ
ก็เพราะเกรงว่าต่อไปถ้าเราขายรถ คนซื้อเขาจะอ้างว่าต้องรื้อบุเพดานใหม่
จะกดราคาขาย
วันหนึ่งขับรถไปอยุธยา
ได้แวะกราบนมัสการหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เห็นมีผ้าชายจีวรหลวงพ่อโตวางไว้บนพาน
ก็นึกแปลกใจว่าเดี๋ยวนี้มักเปลี่ยนเป็นด้ายผูกข้อมือด้วยกันทั้งนั้น
เพราะซื้อมาไว้ที่วัดได้เลย แต่ครั้งนี้มีผ้าชายจีวรหลวงพ่อโตด้วย ดีเลย
จะขอบารมีหลวงพ่อโตเอาชายจีวรไปไว้ที่รถของเรา
ได้หยิบผ้าชายจีวรหลวงพ่อโตซำปอกงมานิดหน่อย
พอออกจากวิหารหลวงพ่อโต
มองไปทางด้านข้างซ้ายมือ เห็นมีอาก๋งคนหนึ่งนั่งจิบน้ำชา มีโต๊ะเล็ก ๆ
มีสมุดลงชื่อแบบสมัยก่อนด้วย จึงเดินเข้าไปบริจาคเงินที่อาก๋ง
แกหยิบฮู้หลวงพ่อซำปอกงมามอบให้เป็นที่ระลึก ฮู้นี้ภายในวิหารไม่มีให้เช่าบูชา
จะมีก็แต่ที่ด้านประตูเข้าวิหารหลวงพ่อโตเท่านั้น พอมองพิจารณาดูฮู้ก็พบว่า ยังเป็นฮู้หลวงพ่อโตซำปอกงตามสไตล์จีนแบบที่เคยเห็นในสมัยก่อน
ฮู้หลวงพ่อซำป่อฮุดกง เป็นกระดาษสีเหลือง
มีรูปพระพุทธและพระอัครสาวกซ้ายขวายืนพนมมือ มีตัวหนังสือจีนอ่านรวมได้ว่า หลวงพ่อซำป่อฮุดกงคุ้มครองให้ปลอดภัย
ข้าพเจ้าอัญเชิญผ้าชายจีวรหลวงพ่อโตและฮู้หลวงพ่อโต
วางไว้ที่ใต้กระจกด้านหลังรถ หลังจากนั้นรถยนต์คันนี้
ก็มีวัตถุมงคลเพียงเท่านี้เอง
วันหนึ่งจะเข้าหน้าฝน
วันนั้นที่กรุงเทพฯ เกิดพายุพัดลมแรงมาก ๆ ลมแรงจนน่ากลัว
ข้าพเจ้าไม่เคยเจอลมแรงขนาดนี้ที่กรุงเทพฯ มาก่อนเลย ใคร ๆ
ต่างก็มองดูสถานการณ์ลมพายุด้วยกันทั้งนั้น
มีป้ายหน้าร้านต่าง ๆ หลุดกระจายให้เห็น มีรถมอเตอร์ไซด์โดนลมพัดจนเสียหลักล้มเกิดอุบัติเหตุตามหลังกันเป็นทอด
ๆ ต้นไม้ข้างถนนถูกลมพัดกิ่งหักไปหลายต้น ป้ายโฆษณาบนหลังคาตึกแถวนั้นพังหล่นลงมาหลายป้าย
และแล้ว... ขณะที่พวกข้าพเจ้าที่ออฟฟิศมองดูลมพายุพัด อยู่ ๆ
ก็มีเสียงดังลั่นทางด้านชั้นบนของตึกที่ทำงาน เสียงดังมากและพื้นสั่นสะเทือน
ปรากฏว่าป้ายบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่บนดาดฟ้าถูกลมพายุพัดหลุดกระจาย เศษป้าย
เศษวัสดุหล่นลงตรงหน้าออฟฟิศและกระจายไปไกลหลายเมตร
ธงหลวงพ่อโตรูปเดียวกันกับ ฮู้ |
แล้วก็มีเสียงอะไรถล่มลงมาอย่างแรง
ปรากฏว่า เสาเหล็กโครงสร้างป้ายโฆษณาถล่มทะลุเพดานลงมาให้เห็นกันจะ ๆ
เห็นเสาเหล็กเป็นต้น ๆ แทงทะลุพื้นชั้นบนจนงง
แล้วป้ายด้านบนก็พังลงมาที่ด้านหน้าออฟฟิศ โครงสร้างที่พังลงมาฟาดต้นไม้แถบนั้นหลายต้น
กิ่งไม้ใหญ่หักกันเป็นแถว... ข้าพเจ้านึกขึ้นได้ว่า... อ้าว
วันนี้เราจอดรถไว้ตรงหน้าออฟฟิศนี่หว่า เลยตกใจกลัวรถพัง ต้องรีบวิ่งลงไปดูรถ
พอวิ่งไปถึงหน้าออฟฟิศ
ภาพที่เห็นก็คือ มีเศษวัสดุ เหล็กโครงสร้างป้ายโฆษณา กิ่งไม้
กระจายเกลื่อนไปตามถนน
รถที่จอดริมถนนถูกเศษวัสดุและกิ่งไม้ทับได้รับความเสียหายมากบ้างน้อยบ้างทุกคัน
ไม่มีรถใครที่รอดจากการโดนเศษวัสดุและกิ่งไม้ทับ ส่วนรถของข้าพเจ้านั้นมีกิ่งไม้ใหญ่เล็กปกคลุมจนมองไม่เห็นรถ
ข้าพเจ้าใจไม่ดีคิดว่า... กรูซวยแล้ว
ชาวบ้านที่มาตรวจความเสียหายของรถตัวเองต่างก็ปลอบใจข้าพเจ้า
เมื่อเข้าไปรื้อกิ่งไม้ที่มองเห็นว่ามีมากเหมือนเป็นซุ้มไม้ปกคลุมรถข้าพเจ้า
ปรากฏว่า... ที่จริงแล้วไม่มีเศษวัสดุหรือกิ่งไม้ใดหล่นลงมาโดนรถข้าพเจ้าเลย
ที่มองเห็นเป็นกิ่งไม้และเศษวัสดุสุมอยู่บนรถของข้าพเจ้านั้น
ที่แท้เป็นเพราะมีกิ่งไม้ใหญ่ตกลงมาที่ช่องว่างหน้าและหลังรถ
โดยแขนงย่อยของกิ่งไม้ทั้งสองบังเอิญสอดกันเหนือหลังคารถพอดี
แล้วเศษวัสดุกับกิ่งไม้ท่อนอื่น ๆ นั้นแค่ค้างอยู่บนกิ่งย่อยของกิ่งไม้ใหญ่นี้
ประมาณว่ากิ่งไม้ใหญ่สองกิ่งที่หน้าและหลังรถนั้น
เหมือนเป็นหลังคาคลุมรถข้าพเจ้า... ส่วนรถของคนอื่นๆได้รับความเสียหายทุกคัน
ชาวบ้านที่มาดูความเสียหายที่รถของตนเอง
ต่างก็เข้ามาถามว่าหลวงพ่อที่ไหนเจิมรถให้หรือมีพระอะไรแขวนไว้บ้าง
ข้าพเจ้าจึงหยิบฮู้หลวงพ่อโตซำปอกง วัดพนัญเชิง อยุธยา ให้ดู
ทั้งรถมีแค่ฮู้และชายจีวรหลวงพ่อ
ต่อมาคนแถวนั้นต่างก็ไปขอรับฮู้และชายจีวรหลวงพ่อโตซำปอกง
หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงคุ้มครองนายแพทย์ทหารญี่ปุ่น
เรื่องนี้แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง เป็นเรื่องที่เกิดในสมัยปลายสงครามเอเชียบูรพา (พ.ศ.2484-2488)
เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเพิ่งเลิกสงคราม ซึ่งเทียบกับเหตุการณ์จริงแล้ว
เรื่องนี้น่าจะอยู่ในช่วง พ.ศ.2488 – 2490
เพราะเจ้าของเรื่องเป็นนายแพทย์ทหารญี่ปุ่นที่ประจำการอยู่ที่ประเทศพม่า
แล้วย้ายมาเมืองไทย โดยประจำการที่โรงพยาบาล จ.เชียงใหม่
เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ท่านผู้นี้ยังตกค้างอยู่ที่เมืองไทย และระหกระเหินหนีภัยจากผู้ที่เกลียดชังญี่ปุ่น
เหตุที่ข้าพเจ้าทราบเรื่องราวของนายแพทย์ทหารญี่ปุ่นท่านนี้ ก็เพราะท่านผู้นี้เป็นศิษย์ของหลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือ
จ.พระนครศรีอยุธยา นับเป็นศิษย์ยุคเก่าสุดๆเสียด้วย
เรื่องราวของนายแพทย์ทหารญี่ปุ่นจะรู้จักกันในหมู่ศิษย์รุ่นเก่าของหลวงพ่อพรหม
ที่จะเรียกนายแพทย์ทหารญี่ปุ่นท่านนี้ว่า หมอญี่ปุ่น
เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม คุณหมอญี่ปุ่น ร้อยเอก นามิโอะ นากายามา ต้องการจะกลับญี่ปุ่น แต่คลาดกันกับพวกเพื่อนทหาร เนื่องจากย้ายมาเมืองไทยเพียงไม่นาน การสื่อสารภาษาไทยจึงทำได้ลำบากมาก ต้องเดินทางทุลักทุเลจากเชียงใหม่มา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยหวังว่าจะพบชาวญี่ปุ่นช่วยกันได้บ้าง ระหว่างที่ระหกระเหินเดินทาง ก็ต้องคอยหลบหนีพวกที่เกลียดญี่ปุ่นจะรุมทำร้าย
เหรียญ พ.ศ.2517 |
ด้านหลัง |
ที่อยุธยา ไม่พบชาวญี่ปุ่นที่จะช่วยให้กลับญี่ปุ่นได้ สุดท้ายคุณหมอญี่ปุ่นคิดจะกลับไปเชียงใหม่
แต่ขึ้นรถไฟผิดหลงไปโคราช ต้องตกระกำลำบากเงินทองหมด ไม่มีข้าวกิน
ได้พยายามจะหาทางกลับไปเชียงใหม่ให้ได้..แต่แล้ว ขณะที่สิ้นหวังอยู่นั้น
อยู่ๆก็ฝันเห็นลำแสงสีทองส่องสว่าง เห็นหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง
หลวงพ่อโตบอกว่า...ให้กลับไปที่อยุธยา แล้วจะพบแสงสว่างพบหนทางแห่งความก้าวหน้า
คุณหมอญี่ปุ่นขอร้องให้นายสถานีรถไฟช่วยให้ได้ไปอยุธยา
นายสถานีก็ใจดีช่วยเหลือเต็มที่ ในที่สุดคุณหมอญี่ปุ่นก็พเนจรไปถึงวัดขนอนเหนือ
หลวงพ่อพรหมเมตตาให้พักอาศัยอยู่กับท่าน
ทั้งยังสักยันต์ให้คุณหมอเพื่อป้องกันอันตราย
ซึ่งคุณหมอไปโดนพวกที่เกลียดญี่ปุ่นรุมทำร้ายทั้งตีทั้งฟันแทง แต่ไม่เข้าเนื้อ
คุณหมอเชื่อในความฝันที่ฝันเห็นหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง จึงไม่กลับ
จ.เชียงใหม่ ยังอยู่ที่วัดขนอนเหนือ อยุธยา
จนกระทั่งมีโอกาสก่อร่างสร้างตัวได้ขึ้นเรื่อยๆ ได้สมรสกับหญิงชาวไทย
และเปลี่ยนชื่อเป็นไทย นับถือศาสนาพุทธ
มีความเคารพนับถือศรัทธาหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง และหลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือมาก
เรื่องราวของคุณหมอร้อยเอก นามิโอะ นากายามา
ที่ปลอดภัยตั้งตัวได้ในเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คหรือบังเอิญอย่างแน่นอน
แทนที่จะฝันเห็นเทพเจ้าญี่ปุ่น
แต่กลับฝันเห็นหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงมาชี้ช่องทางรอดจากภัยในต่างบ้านต่างเมืองได้
คุณหมอไม่รู้ภาษาไทย แต่คุยกับหลวงพ่อโตในฝันจนเข้าใจได้ อย่างนี้ต้องเป็นอภินิหารหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงท่านมาช่วยอย่างแน่นอน
วัตถุมงคลหลวงพ่อโตซำปอกงวัดพนัญเชิงฯ
แน่นอนว่าวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ย่อมต้องมีวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับพระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดนั้น
วัดพนัญเชิงฯก็มีวัตถุมงคลหลวงพ่อโตที่เป็นที่นิยมมานานมากแล้ว มีสร้างมาตั้งแต่ก่อน
พ.ศ.2500 แต่ถ้าจะนับกันจริงๆแล้ว
วัตถุมงคลหลวงพ่อโตน่าจะสร้างกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วด้วยซ้ำ
มีข้อสันนิษฐานว่า พระเครื่องเนื้อดินกรุอยุธยาพิมพ์หนึ่ง
เรียกว่าพระหลวงพ่อโต เป็นรูปพระปางมารวิชัย ลักษระองค์พระดูล่ำสันอวบใหญ่โต
ดูคล้ายหลวงพ่อโตซำปอกงเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งยังเรียกกันมาแต่ดั้งเดิมว่าพระหลวงพ่อโตอีกด้วย จึงสันนิษฐานว่าที่แท้ก็คือพระเครื่องรูปจำลองหลวงพ่อโตซำปอกง
แต่ยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น
วัตถุมงคลที่เป็นรูปจำลองหลวงพ่อโตซำปอกงที่สร้างโดยวัดพนัญเชิงฯมีหลายรูปแบบ
มีประสบการณ์คุ้มครองป้องกันภัยเป็นที่เลื่องลือ วัตถุมงคลหลวงพ่อโตยุคแรกๆก่อน
พ.ศ.2500 บางแบบปัจจุบันมีราคาแพงมาก แถมยังมีของเก๊อีกต่างหาก
ถ้าจะให้ปลอดภัยจากของเก๊ ข้าพเจ้าเห็นว่ารุ่นปี พ.ศ.2517 ก็นับว่าเก่าไม่น้อยแล้ว
ยังไม่พบของปลอม หรือรุ่น พ.ศ.2525 รุ่นฉลองรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี
ซึ่งเป็นวาระสำคัญ ราคายังถูกอยู่มาก ที่แนะนำ 2 รุ่นนี้ก็เพราะมีอายุการสร้างเก่าไม่น้อยแล้ว
และยังหาได้ง่าย ถ้าหา 2 รุ่นนี้ไม่ได้
ก็เอาเป็นรุ่นไหนๆก็ได้เพราะเป็นรูปหลวงพ่อโตเหมือนกัน
ข้าพเจ้าเห็นว่า รีบไปขอรับ ฮู้หลวงพ่อซำป่อฮุดกง จีวร
พระเครื่อง เอามาบูชาติดตัวติดบ้านติดรถ จะเป็นมหาศิริมงคลยิ่ง
เรื่อง จากความทรงจำ
ภาพวัตถุมงคล ของข้าพเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น