วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2568

หลวงพ่อกับของวิเศษ.14หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงฯ

 

พระพุทธไตรรัตนนายก วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา

หลวงพ่อโต ซำปอกง วัดพนัญเชิง

  สำหรับมนุษย์พันธุ์ครึ่งร้อยอัป ที่อัประดับถึงวัยหลังเกษียณ ถ้าเป็นชาวพุทธแล้ว แน่นอนว่าต่างต้องเคยไปกราบนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายกันมาแล้วทั้งนั้น เป็นการไปกราบนมัสการตั้งแต่ครั้งยังอยู่ในวัยเด็กที่บรรพบุรุษพาไป จนกระทั่งวัยหนุ่มสาว(ในครั้งนั้น) และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันในวัยชราก็ยังไปเที่ยวกราบนมัสการ(ถ้ายังถ่อสังขารไปไหวนะ) อย่างน้อยก็ต้องมีนึกอยากกลับไปเที่ยวไปกราบหลวงพ่อกันบ้างแหละ

  ข้าพเจ้าจำได้ว่าเมื่อ 60 ปีก่อนบวกลบเล็กน้อย(สะดุ้งเลยวุ๊ย) บิดามารดาพาไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลายวัด ได้แก่ หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อมงคลบพิตร หลวงพ่อโตซำปอกง วัดพนัญเชิง หลวงพ่อโตซำปอกง วัดกัลยาฯ หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี หลวงพ่อวัดบ้านแหลม และอีกหลายวัด ข้าพเจ้าจำได้แม่นว่า พอเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ทุกวัด จะต้องได้รับแจกวัตถุมงคลมาแบบหนึ่ง เป็นวัตถุมงคลแบบเดียวกันทุกวัด นั่นก็คือ... ชายผ้าจีวรหลวงพ่อ

  ชายผ้าจีวรหลวงพ่อนั้น ไม่ใช่ผ้าจีวรจากพระสงฆ์ แต่เป็นผ้าจีวรของหลวงพ่อพระพุทธรูปวัดนั้น ๆ ซึ่งก็คือผ้าสีจีวรพระบ้างสีเหลืองบ้าง เป็นผ้าผืนยาว ๆ ที่เขาใช้คลุมพาดบ่าพระพุทธรูป เรียกเป็นจีวรหลวงพ่อพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดนั้น ๆ เช่น จีวรหรือผ้าคลุมหลวงพ่อโสธร

  ทางวัดจะนำผ้าคลุมหลวงพ่อพระพุทธรูปนี้ เอามาฉีกเป็นริ้วเล็ก ๆ ตัดเป็นเส้นยาวพอที่จะเอามาผูกข้อมือได้ ถือเป็นวัตถุมงคลทำนองว่าเป็นผ้าชายจีวรหลวงพ่อ จะมอบให้ผู้ไปกราบนมัสการพระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด โดยจะมีพระสงฆ์ท่านหยิบมาแจกให้ทุกคน บางทีจะผูกข้อมือให้กันเลย ถ้าพระท่านไม่อยู่ ไม่ว่างมานั่ง ก็จะเอาผ้าชายจีวรพระพุทธรูปนี้วางบนพาน เพื่อให้สาธุชนหยิบได้ตามอัธยาศัย

  ตอนที่ข้าพเจ้ายังเด็กก็ได้รับแจกผ้าชายจีวรของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาทุกครั้งที่ไปกราบนมัสการ มีหลวงปู่หลวงพ่อผูกข้อมือให้หลายครั้ง ผ้าชายจีวรหลวงพ่อที่ข้าพเจ้าได้รับมาบ่อยที่สุด จะเป็นของหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อโตซำปอกง หลวงพ่อมงคลบพิตร หลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ เพราะบิดามารดาพาไปกราบนมัสการบ่อย ๆ

  ผ้าชายจีวรหลวงพ่อทั้งหลายนี้ ต่อมาได้พัฒนาไปเป็นด้ายสายสิญจน์ผูกข้อมือ และมีการผูกปมเล็ก ๆ ดูดีขึ้นไม่น้อย วัสดุคงทนถาวรกว่าแบบที่เป็นผ้าคลุมหลวงพ่อ โดยใช้แทนเป็นด้ายสายสิญจน์ ในที่สุดก็ใช้เป็นเชือกเส้นเล็ก จนถึงปัจจุบันบางทีใช้เชือกไนล่อนแบบที่เรียกว่าไหมเจ็ดสีไหมห้าสี ซึ่งทำเป็นวงๆสำเร็จรูป แต่ข้าพเจ้าชอบแบบดั้งเดิมที่เป็นผ้าชายจีวรที่สุด

  สมัยที่ยังเป็นเด็กนั้น ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าพอมีผ้าชายจีวรหลวงพ่อต่าง ๆ ผูกข้อมือ แล้วเคยเจอประสบการณ์อะไรบ้าง ประมาณว่าเพราะยังเป็นเด็ก พระท่านจะผูกข้อมือให้ก็ยอมให้ท่านผูกให้เท่านั้นเอง จำมาแค่ว่า มีของดีจากหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์แล้ว

  วัตถุมงคลที่ทางวัดสมัยก่อนมักจะมีแจกอีกอย่างหนึ่งนั้น จะนิยมกันในหมู่ชาวจีน ตลอดจนถึงชาวไทยเชื้อสายจีน แบบนี้คนทั่วไปไม่ค่อยได้สังเกตและไม่ค่อยจะคุ้นเคย จึงไม่ค่อยเข้าไปรับแจกติดตัว วัตถุมงคลนี้ก็คือ... ฮู้...

  ฮู้ แบบที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้ ไม่ได้มีในทุกวัด จะมีก็เฉพาะวัดที่มีคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนนิยมไปกราบนมัสการทำบุญกัน ทั้งจะต้องมีพวกอาแป๊ะอาก๋งนั่งประจำที่โต๊ะค่อยแจก "ฮู้ของหลวงพ่อ" ให้ด้วย แถมยังมีการให้คนที่ทำบุญเขียนชื่อและจำนวนเงินที่บริจาคลงในสมุดอีกด้วย ประมาณว่าทำบัญชีอย่างโปร่งใสกันเลยทีเดียว ถึงจะไม่บริจาคเงิน อาแป๊ะอาก๋งก็จะหยิบ "ฮู้ของหลวงพ่อ" แจกให้อยู่ดี

  ฮู้ของหลวงพ่อนี้ ก็คือกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้งพิมพ์รูปหลวงพ่อพระพุทธรูปของวัดนั้น ๆ แบบลายเส้นพู่กันจีน มีตัวอักษรภาษาจีน มักมีตราประทับหมึกแดง สีของกระดาษฮู้ส่วนมากมักเป็นสีเหลืองหรือสีแดง

  ฮู้ของหลวงพ่อที่ข้าพเจ้าคุ้นเคยที่สุด ก็คือ "ฮู้ซำป่อฮุดกง" เพราะได้ไปกราบนมัสการตั้งแต่ยังเด็ก ไปกราบนมัสการติดต่อมาจนถึงวัยทำงาน และจนถึงปัจจุบัน ถ้ามีโอกาสผ่านไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องแวะไปกราบนมัสการ หลวงพ่อซำป่อฮุดกงนี้ก็คือ หลวงพ่อซำปอกง หรือหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง นั่นเอง


ฮู้หลวงพ่อโตซำป่อฮุดกง

อภินิหารฮู้หลวงพ่อโตซำปอกง

  เมื่อ 30 กว่าปีก่อน ข้าพเจ้าพบกับประสบการณ์ชายจีวรหลวงพ่อและฮู้หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เป็นประสบการณ์ชายจีวรและฮู้หลวงพ่อโตซำปอกงล้วน ๆ เพราะไม่มีวัตถุมงคลอื่นใดเลย ไม่ใช่ประสบการณ์ที่โดนที่ตัวเรา แต่เป็นประสบการณ์ที่เกิดกับรถยนต์ของข้าพเจ้า... เรื่องมีอยู่ว่า...

  ครั้งที่ยังทำงานบริษัทจนถึงมีเงินซื้อรถยนต์คันแรก ข้าพเจ้าไม่เคยขับรถไปให้หลวงปู่หลวงพ่อท่านใดเจิมและลงยันต์ที่รถเลย ทั้งยังไม่มีวัตถุมงคลแขวนที่กระจกมองหลังแบบที่ใคร ๆ เขามีกัน สาเหตุเพราะแขวนแล้วจะบังสายตานั่นเอง ที่ไม่ลงอักขระเลขยันต์ที่รถเช่นตรงเพดานรถ ก็เพราะเกรงว่าต่อไปถ้าเราขายรถ คนซื้อเขาจะอ้างว่าต้องรื้อบุเพดานใหม่ จะกดราคาขาย

  วันหนึ่งขับรถไปอยุธยา ได้แวะกราบนมัสการหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง เห็นมีผ้าชายจีวรหลวงพ่อโตวางไว้บนพาน ก็นึกแปลกใจว่าเดี๋ยวนี้มักเปลี่ยนเป็นด้ายผูกข้อมือด้วยกันทั้งนั้น เพราะซื้อมาไว้ที่วัดได้เลย แต่ครั้งนี้มีผ้าชายจีวรหลวงพ่อโตด้วย ดีเลย จะขอบารมีหลวงพ่อโตเอาชายจีวรไปไว้ที่รถของเรา ได้หยิบผ้าชายจีวรหลวงพ่อโตซำปอกงมานิดหน่อย

  พอออกจากวิหารหลวงพ่อโต มองไปทางด้านข้างซ้ายมือ เห็นมีอาก๋งคนหนึ่งนั่งจิบน้ำชา มีโต๊ะเล็ก ๆ มีสมุดลงชื่อแบบสมัยก่อนด้วย จึงเดินเข้าไปบริจาคเงินที่อาก๋ง แกหยิบฮู้หลวงพ่อซำปอกงมามอบให้เป็นที่ระลึก ฮู้นี้ภายในวิหารไม่มีให้เช่าบูชา จะมีก็แต่ที่ด้านประตูเข้าวิหารหลวงพ่อโตเท่านั้น พอมองพิจารณาดูฮู้ก็พบว่า ยังเป็นฮู้หลวงพ่อโตซำปอกงตามสไตล์จีนแบบที่เคยเห็นในสมัยก่อน 

  ฮู้หลวงพ่อซำป่อฮุดกง เป็นกระดาษสีเหลือง มีรูปพระพุทธและพระอัครสาวกซ้ายขวายืนพนมมือ มีตัวหนังสือจีนอ่านรวมได้ว่า หลวงพ่อซำป่อฮุดกงคุ้มครองให้ปลอดภัย

  ข้าพเจ้าอัญเชิญผ้าชายจีวรหลวงพ่อโตและฮู้หลวงพ่อโต วางไว้ที่ใต้กระจกด้านหลังรถ หลังจากนั้นรถยนต์คันนี้ ก็มีวัตถุมงคลเพียงเท่านี้เอง

  วันหนึ่งจะเข้าหน้าฝน วันนั้นที่กรุงเทพฯ เกิดพายุพัดลมแรงมาก ๆ ลมแรงจนน่ากลัว ข้าพเจ้าไม่เคยเจอลมแรงขนาดนี้ที่กรุงเทพฯ มาก่อนเลย ใคร ๆ ต่างก็มองดูสถานการณ์ลมพายุด้วยกันทั้งนั้น  มีป้ายหน้าร้านต่าง ๆ หลุดกระจายให้เห็น มีรถมอเตอร์ไซด์โดนลมพัดจนเสียหลักล้มเกิดอุบัติเหตุตามหลังกันเป็นทอด ๆ ต้นไม้ข้างถนนถูกลมพัดกิ่งหักไปหลายต้น ป้ายโฆษณาบนหลังคาตึกแถวนั้นพังหล่นลงมาหลายป้าย

และแล้ว... ขณะที่พวกข้าพเจ้าที่ออฟฟิศมองดูลมพายุพัด อยู่ ๆ ก็มีเสียงดังลั่นทางด้านชั้นบนของตึกที่ทำงาน เสียงดังมากและพื้นสั่นสะเทือน ปรากฏว่าป้ายบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่บนดาดฟ้าถูกลมพายุพัดหลุดกระจาย เศษป้าย เศษวัสดุหล่นลงตรงหน้าออฟฟิศและกระจายไปไกลหลายเมตร 

ธงหลวงพ่อโตรูปเดียวกันกับ ฮู้


  แล้วก็มีเสียงอะไรถล่มลงมาอย่างแรง ปรากฏว่า เสาเหล็กโครงสร้างป้ายโฆษณาถล่มทะลุเพดานลงมาให้เห็นกันจะ ๆ เห็นเสาเหล็กเป็นต้น ๆ แทงทะลุพื้นชั้นบนจนงง  แล้วป้ายด้านบนก็พังลงมาที่ด้านหน้าออฟฟิศ โครงสร้างที่พังลงมาฟาดต้นไม้แถบนั้นหลายต้น กิ่งไม้ใหญ่หักกันเป็นแถว... ข้าพเจ้านึกขึ้นได้ว่า... อ้าว วันนี้เราจอดรถไว้ตรงหน้าออฟฟิศนี่หว่า เลยตกใจกลัวรถพัง ต้องรีบวิ่งลงไปดูรถ

  พอวิ่งไปถึงหน้าออฟฟิศ ภาพที่เห็นก็คือ มีเศษวัสดุ เหล็กโครงสร้างป้ายโฆษณา กิ่งไม้ กระจายเกลื่อนไปตามถนน รถที่จอดริมถนนถูกเศษวัสดุและกิ่งไม้ทับได้รับความเสียหายมากบ้างน้อยบ้างทุกคัน ไม่มีรถใครที่รอดจากการโดนเศษวัสดุและกิ่งไม้ทับ ส่วนรถของข้าพเจ้านั้นมีกิ่งไม้ใหญ่เล็กปกคลุมจนมองไม่เห็นรถ ข้าพเจ้าใจไม่ดีคิดว่า... กรูซวยแล้ว ชาวบ้านที่มาตรวจความเสียหายของรถตัวเองต่างก็ปลอบใจข้าพเจ้า

  เมื่อเข้าไปรื้อกิ่งไม้ที่มองเห็นว่ามีมากเหมือนเป็นซุ้มไม้ปกคลุมรถข้าพเจ้า ปรากฏว่า... ที่จริงแล้วไม่มีเศษวัสดุหรือกิ่งไม้ใดหล่นลงมาโดนรถข้าพเจ้าเลย ที่มองเห็นเป็นกิ่งไม้และเศษวัสดุสุมอยู่บนรถของข้าพเจ้านั้น ที่แท้เป็นเพราะมีกิ่งไม้ใหญ่ตกลงมาที่ช่องว่างหน้าและหลังรถ โดยแขนงย่อยของกิ่งไม้ทั้งสองบังเอิญสอดกันเหนือหลังคารถพอดี แล้วเศษวัสดุกับกิ่งไม้ท่อนอื่น ๆ นั้นแค่ค้างอยู่บนกิ่งย่อยของกิ่งไม้ใหญ่นี้ ประมาณว่ากิ่งไม้ใหญ่สองกิ่งที่หน้าและหลังรถนั้น เหมือนเป็นหลังคาคลุมรถข้าพเจ้า... ส่วนรถของคนอื่นๆได้รับความเสียหายทุกคัน

  ชาวบ้านที่มาดูความเสียหายที่รถของตนเอง ต่างก็เข้ามาถามว่าหลวงพ่อที่ไหนเจิมรถให้หรือมีพระอะไรแขวนไว้บ้าง ข้าพเจ้าจึงหยิบฮู้หลวงพ่อโตซำปอกง วัดพนัญเชิง อยุธยา ให้ดู ทั้งรถมีแค่ฮู้และชายจีวรหลวงพ่อ ต่อมาคนแถวนั้นต่างก็ไปขอรับฮู้และชายจีวรหลวงพ่อโตซำปอกง

หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงคุ้มครองนายแพทย์ทหารญี่ปุ่น

  เรื่องนี้แสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง เป็นเรื่องที่เกิดในสมัยปลายสงครามเอเชียบูรพา (พ.ศ.2484-2488) เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเพิ่งเลิกสงคราม ซึ่งเทียบกับเหตุการณ์จริงแล้ว เรื่องนี้น่าจะอยู่ในช่วง พ.ศ.2488 – 2490 เพราะเจ้าของเรื่องเป็นนายแพทย์ทหารญี่ปุ่นที่ประจำการอยู่ที่ประเทศพม่า แล้วย้ายมาเมืองไทย โดยประจำการที่โรงพยาบาล จ.เชียงใหม่

  เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ท่านผู้นี้ยังตกค้างอยู่ที่เมืองไทย และระหกระเหินหนีภัยจากผู้ที่เกลียดชังญี่ปุ่น

  เหตุที่ข้าพเจ้าทราบเรื่องราวของนายแพทย์ทหารญี่ปุ่นท่านนี้ ก็เพราะท่านผู้นี้เป็นศิษย์ของหลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือ จ.พระนครศรีอยุธยา นับเป็นศิษย์ยุคเก่าสุดๆเสียด้วย เรื่องราวของนายแพทย์ทหารญี่ปุ่นจะรู้จักกันในหมู่ศิษย์รุ่นเก่าของหลวงพ่อพรหม ที่จะเรียกนายแพทย์ทหารญี่ปุ่นท่านนี้ว่า หมอญี่ปุ่น

  เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม คุณหมอญี่ปุ่น ร้อยเอก นามิโอะ นากายามา ต้องการจะกลับญี่ปุ่น แต่คลาดกันกับพวกเพื่อนทหาร เนื่องจากย้ายมาเมืองไทยเพียงไม่นาน การสื่อสารภาษาไทยจึงทำได้ลำบากมาก  ต้องเดินทางทุลักทุเลจากเชียงใหม่มา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยหวังว่าจะพบชาวญี่ปุ่นช่วยกันได้บ้าง ระหว่างที่ระหกระเหินเดินทาง ก็ต้องคอยหลบหนีพวกที่เกลียดญี่ปุ่นจะรุมทำร้าย 

เหรียญ พ.ศ.2517

ด้านหลัง

  ที่อยุธยา ไม่พบชาวญี่ปุ่นที่จะช่วยให้กลับญี่ปุ่นได้ สุดท้ายคุณหมอญี่ปุ่นคิดจะกลับไปเชียงใหม่ แต่ขึ้นรถไฟผิดหลงไปโคราช ต้องตกระกำลำบากเงินทองหมด ไม่มีข้าวกิน ได้พยายามจะหาทางกลับไปเชียงใหม่ให้ได้..แต่แล้ว ขณะที่สิ้นหวังอยู่นั้น อยู่ๆก็ฝันเห็นลำแสงสีทองส่องสว่าง เห็นหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง หลวงพ่อโตบอกว่า...ให้กลับไปที่อยุธยา แล้วจะพบแสงสว่างพบหนทางแห่งความก้าวหน้า

  คุณหมอญี่ปุ่นขอร้องให้นายสถานีรถไฟช่วยให้ได้ไปอยุธยา นายสถานีก็ใจดีช่วยเหลือเต็มที่ ในที่สุดคุณหมอญี่ปุ่นก็พเนจรไปถึงวัดขนอนเหนือ หลวงพ่อพรหมเมตตาให้พักอาศัยอยู่กับท่าน ทั้งยังสักยันต์ให้คุณหมอเพื่อป้องกันอันตราย ซึ่งคุณหมอไปโดนพวกที่เกลียดญี่ปุ่นรุมทำร้ายทั้งตีทั้งฟันแทง แต่ไม่เข้าเนื้อ

  คุณหมอเชื่อในความฝันที่ฝันเห็นหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง จึงไม่กลับ จ.เชียงใหม่ ยังอยู่ที่วัดขนอนเหนือ อยุธยา จนกระทั่งมีโอกาสก่อร่างสร้างตัวได้ขึ้นเรื่อยๆ ได้สมรสกับหญิงชาวไทย และเปลี่ยนชื่อเป็นไทย นับถือศาสนาพุทธ มีความเคารพนับถือศรัทธาหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง และหลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือมาก

  เรื่องราวของคุณหมอร้อยเอก นามิโอะ นากายามา ที่ปลอดภัยตั้งตัวได้ในเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คหรือบังเอิญอย่างแน่นอน แทนที่จะฝันเห็นเทพเจ้าญี่ปุ่น แต่กลับฝันเห็นหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงมาชี้ช่องทางรอดจากภัยในต่างบ้านต่างเมืองได้ คุณหมอไม่รู้ภาษาไทย แต่คุยกับหลวงพ่อโตในฝันจนเข้าใจได้ อย่างนี้ต้องเป็นอภินิหารหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงท่านมาช่วยอย่างแน่นอน

วัตถุมงคลหลวงพ่อโตซำปอกงวัดพนัญเชิงฯ

  แน่นอนว่าวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ย่อมต้องมีวัตถุมงคลที่เกี่ยวกับพระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดนั้น วัดพนัญเชิงฯก็มีวัตถุมงคลหลวงพ่อโตที่เป็นที่นิยมมานานมากแล้ว มีสร้างมาตั้งแต่ก่อน พ.ศ.2500 แต่ถ้าจะนับกันจริงๆแล้ว วัตถุมงคลหลวงพ่อโตน่าจะสร้างกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วด้วยซ้ำ

  มีข้อสันนิษฐานว่า พระเครื่องเนื้อดินกรุอยุธยาพิมพ์หนึ่ง เรียกว่าพระหลวงพ่อโต เป็นรูปพระปางมารวิชัย ลักษระองค์พระดูล่ำสันอวบใหญ่โต ดูคล้ายหลวงพ่อโตซำปอกงเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเรียกกันมาแต่ดั้งเดิมว่าพระหลวงพ่อโตอีกด้วย จึงสันนิษฐานว่าที่แท้ก็คือพระเครื่องรูปจำลองหลวงพ่อโตซำปอกง แต่ยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น

  วัตถุมงคลที่เป็นรูปจำลองหลวงพ่อโตซำปอกงที่สร้างโดยวัดพนัญเชิงฯมีหลายรูปแบบ มีประสบการณ์คุ้มครองป้องกันภัยเป็นที่เลื่องลือ วัตถุมงคลหลวงพ่อโตยุคแรกๆก่อน พ.ศ.2500 บางแบบปัจจุบันมีราคาแพงมาก แถมยังมีของเก๊อีกต่างหาก ถ้าจะให้ปลอดภัยจากของเก๊ ข้าพเจ้าเห็นว่ารุ่นปี พ.ศ.2517 ก็นับว่าเก่าไม่น้อยแล้ว ยังไม่พบของปลอม หรือรุ่น พ.ศ.2525 รุ่นฉลองรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี ซึ่งเป็นวาระสำคัญ ราคายังถูกอยู่มาก ที่แนะนำ 2 รุ่นนี้ก็เพราะมีอายุการสร้างเก่าไม่น้อยแล้ว และยังหาได้ง่าย ถ้าหา 2 รุ่นนี้ไม่ได้ ก็เอาเป็นรุ่นไหนๆก็ได้เพราะเป็นรูปหลวงพ่อโตเหมือนกัน

 ข้าพเจ้าเห็นว่า  รีบไปขอรับ ฮู้หลวงพ่อซำป่อฮุดกง จีวร พระเครื่อง เอามาบูชาติดตัวติดบ้านติดรถ จะเป็นมหาศิริมงคลยิ่ง

เรื่อง จากความทรงจำ

ภาพวัตถุมงคล ของข้าพเจ้า



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น