วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2566

หลวงพ่อกับของวิเศษ ประสพการณ์วัตถุมงคล .2

 






พระครูวรเวทย์นิวิฐ
หลวงพ่อสนิท ยสินฺทโร วัดลำบัวลอย จ.นครนายก

ประสพการณ์พญาเต่าเรือน

ระลึกอดีต เรื่อง พญาเต่าเรือน ที่กลายเป็น เต่าเลือน

  เรื่องของวิทยาคมมีตำรับหนึ่งเรียกว่าพญาเต่าเรือน ตอนที่ข้าพเจ้าเห็นตำราครั้งแรกนั้นก็รู้สึกเฉยๆ แถมยังนึกขำว่า นี่คือเต่าไม่เห็นจะน่าเกรงขามเหมือนพวก หนุมาน สิงห์ เสือ ก็เลยยังไม่ค่อยสนใจ แต่ก็รู้จักวัตถุมงคลพญาเต่าเรือนมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมปลายแล้ว และมีเก็บไว้ด้วย เป็นพญาเต่าเรือนตัวเล็กๆของหลวงพ่อสนิทวัดลำบัวลอย จ.นครนายก ที่ข้าพเจ้าได้รู้จักและมีเต่าเรือนของท่านก็เพราะว่า แถวๆบ้านเขาจัดกฐิณผ้าป่าไปถวายท่านทุกปี พอทำบุญไปก็ได้รับแจกมา สมัยนั้นท่านยังไม่ดัง ก็ประมาณ 50ปีกว่าปีก่อน(นับถึง พ.ศ. 2566)

พญาเต่าเรือนหลวงพ่อสนิท ขนาดเท่าฝ่ามือ

  พอเรียนชั้นมัธยมก็เริ่มไปอ่านหนังสือที่หอสมุดแห่งชาติ ได้อ่านตำรับพญาเต่าเลือน(ตอนนั้นเชื่อว่าต้องเป็นเต่าเลือน) ก็เอะใจว่าทำไมจึงมีเขียนว่าเต่าเรือนและเต่าเลือน คือมีทั้งที่ใช้ ร เรือ และ ใช้ ล ลิง ตอนนั้นคิดไปเองว่าคำว่าเต่าเรือนที่ใช้ ร เรือ นี้ต้องเขียนผิด ที่ถูกต้องเป็นเต่าเลือน ล ลิง เพราะในตำรับบอกวิธีใช้เด่นๆเป็นเรื่องการทำความให้เลือนไป คาถาเฉพาะก็มีพวก เลือน ลืมเลือน เลื่อนเปื้อน จึงคิดว่าเมื่อทำให้เลือนหาย ดังนั้นต้องชื่อพญาเต่าเลือนที่ใช้เป็น ล ลิง แน่ๆ

    ต่อมาเมื่อได้อ่านหนังสือปัญญาสชาดก ก็เจอชาดกเรื่องเต่าอยู่ 2 เรื่อง ชื่อชาดกเหมือนกันว่า สุวรรณกัจฉปชาดก โดยมีเรื่องหนึ่งที่เข้าเค้ากับพญาเต่าเรือน(ที่เขียน ร เรือ) เป็นเรื่องของพญาเต่าทองโพธิสัตว์ เต่าโพธิสัตว์นั้นมีสีทอง ตัวใหญ่ขนาดยาวประมาณยี่สิบวา กว้างก็ยี่สิบวาเท่ากัน และมีนามว่าสุวรรณกัจฉปะ รูปร่างของพญาเต่าโพธิสัตว์ก็ประมาณเรือนใหญ่ๆ ตอนนั้นเองจึงทราบว่า ที่แท้คำว่าพญาเต่าเลือนจะต้องเป็นพญาเต่าเรือน เพราะในชาดกอ่านแล้วอนุมานได้ว่าความสำคัญในเรื่องส่วนหนึ่ง อยู่ที่พญาเต่าโพธิสัตว์ตัวใหญ่เท่าเรือน จึงเรียกพญาเต่าเรือน ในสุวรรณกัจฉปชาดก จะไม่มีใจความเกี่ยวกับเรื่องลืมเลือนอะไรเลย

  ในตำรับวิทยาคมนั้นมักพบว่า มีการใช้คำที่เสียงพ้องกันมาประกอบกับคาถาที่จะใช้ บ้างก็เป็นลักษณะตามธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ เอามาประกอบเป็นตำรับวิทยาคม บ้างก็เอาเหตุการณ์ในชาดกต่างๆ เช่น คาถาตัดอาถรรพ์ตัดไม้ตัดว่านอาถรรพ์ ก็ใช้คาถาสัพพาสีฯ ที่มีเสียงว่า สับ ก็สับลงไปที่ไม้ที่คนไข้ เอาเคล็ดว่าสับฟันสิ่งร้ายให้หายไป และเรื่องพญาเต่าเรือนกลายเป็นพญาเต่าเลือนก็คงทำนองเดียวกัน เมื่อคำว่า เรือน ออกเสียงเป็น เลือน คล้ายกันที่สุด ก็เลยกำหนดเป็นอาคมทางเลือนหายจากภัย ดังเช่นที่พญาเต่าเรือนโพธิสัตว์ ท่านเห็นมนุษย์ที่เรือแตกมาติดเกาะได้รับความทุกข์อยาก ถึงกับจะฆ่ากันให้ตายเพื่อเอาเนื้อมากิน พญาเต่าเรือนสงสารอยากช่วยมนุษย์ให้พ้นทุกข์ พญาเต่าเรือนจึงขึ้นไปบนยอดเขาแล้วกลิ้งตัวตกลงมายังพื้นหลายครั้ง จนกระทั่งพญาเต่าเรือนโพธิสัตว์ถึงดับขันธ์”ป

  แล้วพญาเต่าสุวรรณกัจฉปะได้ช่วยให้ทุกข์เลือนหายไปจากเหล่ามนุษย์ที่เรือสำเภาแตกเหล่านั้นได้ คือมนุษย์ได้อาศัยเลือดเนื้อของพญาเต่าเรือนเป็นอาหาร ใช้กระดองเต่าที่มีขนาดใหญ่เหมือนเรือนหลังใหญ่ๆ ทำเป็นสำเภาแล่นกลับบ้านเมืองได้  แล้วพวกมนุษย์ที่รอดตายจากเรือสำเภาแตกไปติดเกาะ ก็ได้เล่าเรื่องถึงบุญคุณพญาเต่าเรือนโพธิสัตว์ให้ประชาชนทั้งหลายได้ฟัง

    ในเมื่อทุกข์เลือนหาย แล้วออกเสียงเลือนคล้ายกับเรือน จึงมีการจำพญาเต่าเรือนว่าเป็นพญาเต่าเลือน

ตัวนี้ของข้าพเจ้าเอง เคยพ่นน้ำหลายครั้ง

  หลวงพ่อสนิทท่านดังเรื่องพญาเต่าเรือนมาก เรียกได้ว่าตั้งแต่หลัง พ.ศ. 2500 หลวงพ่อสนิทดังทางเต่าเรือนมาก่อนใครๆ เต่าเรือนของท่านมีทั้งตัวเล็กเท่าหัวแหวน มีขนาดต่างๆไปจนถึงเท่าเต่าตัวจริง เต่าของท่านจะแกะจากหิน ในยุคสุดท้ายของท่านจึงมีเต่าแบบโลหะ นอกจากนี้ท่านยังดังเรื่องเครื่องรางจรเข้โทน

  หลวงพ่อสนิทท่านเล่าว่า พญาเต่าเรือนของท่านใช้ในทางเมตตาโชคลาภคุ้มครอง นอกจากนี้ยังมีคุณวิเศษในด้านเสี่ยงทายเตือนภัย ถ้าเป็นเต่าเรือนที่ใส่ไว้ในขวดน้ำมันหอม ให้สังเกตดูว่าถ้าน้ำมันหอมมีสีขุ่นๆเมื่อใด ให้ระมัดระวังตัว ให้มีสติพิจารณาการกระทำกิจใดๆให้ดี



ภาพจากเพจ สืบสานวัตถุมงคล หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย นครนายก

   ตำรับพญาเต่าเรือนนี้ขลังจริง ข้าพเจ้าเคยเห็นคุณวิเศษทางเลือนคดีความความจากพรรคพวก คือ มีรุ่นน้องคนหนึ่งทำการทุจริต ต่อมาบริษัทจับได้จึงเตรียมการไล่ออก ได้ทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายชดเชย มีหลักฐานผูกมัดชัดเจนจนดิ้นไม่หลุดแน่ๆ

  รุ่นน้องคนนี้ร้อนใจกลัวแพ้คดี จึงบูชาพญาเต่าเรือนของหลวงพ่อสนิทเอามาพกติดตัว เป็นเต่าเรือนตัวเล็กๆใส่ในขวดน้ำมันจันทร์ และมีพญาเต่าเรือนขนาดเท่าฝ่ามือตั้งบูชาไว้ที่บ้าน วิธีบูชานั้น หลวงพ่อสนิทท่านให้เอาพญาเต่าเรือนวางไว้ในถาดที่มีก้อนหินหรือก้อนอิฐวางตรงกลางถาด เอาน้ำเทลงไปให้เหมือนก้อนหินนั้นเป็นเกาะ แล้วจึงเชิญพญาเต่าเรือนวางไว้บนก้อนหินนั้น ให้บูชาด้วยผักบุ้ง ถั่วฝักยาว

  รุ่นน้องเล่าให้ฟังว่า บางวันมองเห็นว่า ตรงข้างๆถาดด้านหน้าพญาเต่าเรือน จะมีน้ำเป็นหยดใหญ่หลายหยด จนต้องเช็ดให้แห้ง แล้วก็มักจะเป็นเหมือนเดิมคือมีน้ำหยดเปียกอีก ต่อมาจึงทราบจากผู้หลักผู้ใหญ่ว่า ถ้าพญาเต่าเรือนของหลวงพ่อสนิทพ่นน้ำ ก็จะมีโชคสำเร็จกิจที่คิดไว้ รุ่นน้องจึงเกิดความมั่นใจฮึดสู้คดี โดยตัดสินใจเข้าไปคุยกับบริษัท กะว่าจะขอเจรจาเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย

  แล้วเกิดความแปลกประหลาด หรือเรียกอภินิหารเลือนคดีความ จากเดิมที่บริษัทเอาจริงจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ผลปรากฏว่า บริษัทเปลี่ยนใจไม่ฟ้องดำเนินคดี ไม่เรียกค่าเสียหายชดใช้ ไม่ทำหนังสือไล่ออก โดยให้ทำหนังสือลาออกไปแบบเงียบๆเท่านั้น ประมาณว่าบริษัทกลัวว่าเรื่องจะเป็นข่าวฉางโฉ่ เลยอยากทำให้เรื่องเงียบซะงั้น

ภาพจากเพจ สืบสานวัตถุมงคล หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย นครนายก



  พญาเต่าเรือนที่ข้าพเจ้าได้จากหลวงพ่อสนิทนั้น แรกๆขนาดตัวเล็กมีเยอะ แต่โดนขอไปซึ่งเสียดายถึงบัดนี้ และมีพญาเต่าเรือนตัวเท่าฝ่ามือ เคยมีปรากฏการณ์น้ำหยดทางด้านหน้าพญาเต่าเรือน สังเกตว่าช่วงไหนที่มีหยดน้ำ ช่วงนั้นมีโชคลาภ จะเป็นเรื่องเงินทอง บางทีมีคนเอาข้าวของเครื่องใช้มามอบให้ หรือมีลาภปากเช่นมีคนพาไปเลี้ยงอาหาร หรือติดต่อการงานก็สำเร็จ

  ข้าพเจ้ายังพบว่าเพื่อนหลายคนที่พกพญาเต่าเรือนหลวงพ่อสนิท สามารถเลือนความโมโหโกรธาจากเมียที่เตรียมแพ่นกบาลผัวตัวดี ที่แอบไปเที่ยวอาบอบนวด ไปอึ๊บสาว แต่พอเมียเห็นผัวกลับลืมเรื่องผัวเจ้าชู้ไปซะงั้น เรื่องนี้เองที่ตอนหลังพรรคพวกที่ไม่มีพญาเต่าเรือนหลวงพ่อสนิท มันมาขอพญาเต่าเรือนจากข้าพเจ้า จนทุกวันนี้เหลือแค่ตัวเดียว

ขอบคุณภาพจาก เพจ สืบสานวัตถุมงคล หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย นครนายก

ภาพพญาเด่าเรือน เป็นพญาเต่าเรือน ล.พ.สนิท ตัวใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือ ที่ข้าพเจ้ายังเก็บไว้ในปัจจุบัน










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น