พระภิกษุเจ้าคุณนรฯ ธมฺมวิตกฺโก วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร
อาชีพงานโลหะของทางบ้านข้าพเจ้า
มีส่วนที่เกี่ยวพันกับวัดวาอารามอยู่บางส่วน ทำให้ข้าพเจ้าได้คุ้นเคยกับพระสงฆ์องค์เจ้ามาตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเด็ก
ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หลวงพ่อต่างๆมอบพระเครื่องให้อยู่เสมอ
เรียกว่ามีพระเครื่องห้อยคอยมาตั้งแต่ยังไม่ถึงวัยเรียน
วัยเด็กเล็กทำให้จำไม่ได้ว่าเคยมีประสบการณ์ของวิเศษของหลวงพ่อรูปใดมาบ้าง
เหตุการณ์มันนานมาแล้วนานมากๆ มีที่พอจำได้คลับคล้ายคลับคลา
คือจำเหตุการณ์ได้แต่จำหลวงพ่อที่ห้อยคอไม่ได้ พอถึงวัยเรียนชั้นประถมปลาย
ก็เกิดประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อกับของวิเศษที่จำได้แม่นเป็นครั้งแรก
ก็คือประสบการณ์ของวิเศษของหลวงพ่อเจ้าคุณนรฯ(ธมฺมวิตกฺโก)วัดเทพศิรินทรฯ
โรงเรียนประถมปลายที่ข้าพเจ้าเรียนนั้น
เมื่อ50กว่าปีก่อนนับเป็นโรงเรียนชั้นนำของกรุงเทพฯ มีคณะดูงานมาเยี่ยมชมบ่อยๆ
โรงเรียนอยู่คนละฝั่งถนนกับวัดเทพศิรินทรฯ ในยุคนั้นคนแถวเวิ้งนาครเขษม สะพานเหล็ก
วังบูรพา วรจักร สวนมะลิ พลับพลาชัย ใครๆก็ได้ยินชื่อเสียงของพระภิกษุธมฺมวิตกฺโก
ซึ่งต่างก็เรียกกันว่า ท่านเจ้าคุณนรฯ ทางบ้านข้าพเจ้าก็เช่นกัน เพราะบ้านข้าพเจ้าอยู่ห่างจากวัดเทพศิรินทรฯ
3 ป้ายรถเมล์
เด็กโรงเรียนข้าพเจ้านั้น
พอทะเลาะกันก็จะท้ากันให้ไปชกต่อยกันที่ฝั่งวัดเทพศิรินทรฯ...รวมทั้งกรูด้วย เอ๊ย
ข้าพเจ้าด้วย...แต่จะไม่มีใครไปชกต่อยกันใกล้กุฏิท่านเจ้าคุณนรฯเลย
แม้ปีสุดท้ายที่เรียนที่นี่ซึ่งท่านเจ้าคุณนรฯมรณภาพไปแล้ว
พวกข้าพเจ้าก็ไม่ไปชกต่อยกันแถวกุฏิของท่าน แปลกดีเหมือนกัน
ถ้าเดินผ่านกุฏิของหลวงพ่อเจ้าคุณอุดมฯ
ท่านจะกวักมือเรียกให้เข้าไปรับแจกขนมของกิน
และแจกพระเครื่องท่านเจ้าคุณนรฯให้ทุกๆคน
ทางบ้านข้าพเจ้านั้นได้รับพระเครื่องท่านเจ้าคุณนรฯหลายองค์
แม้ในวันที่พระราชทานเพลิงสังขารท่าน ก็ได้รับแจกมาหลายองค์ พร้อมโปสเตอร์รวมวัตถุมงคลท่านเจ้าคุณนรด้วย
บิดาของข้าพเจ้าได้เอาไปใส่กรอบไว้บูชา
ท่านเจ้าคุณนรฯนั้นเป็นพระสงฆ์ไม่มีสมณศักดิ์เจ้าคุณแต่อย่างไร
ที่เรียกนามท่านว่าเจ้าคุณนรฯ
ก็เพราะก่อนท่านบวชท่านรับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นที่ พระยานรรัตนราชมานิต
นามเดิมว่า ตรึก จินตยานนท์ พอท่านบวชถวายล้นเกล้ารัชกาลที่ 6
คนทั้งหลายก็เรียกนามท่านตามบรรดาศักดิ์เดิมว่าท่านเจ้าคุณนรฯ
ท่านเจ้าคุณนรฯปฏิบัติธรรมอย่างเงียบๆภายในวัดเทพศิรินทรฯ
ต่อมาเมื่อมีการสร้างวัตถุมงคลของวัด ก็นิมนต์ท่านอธิษฐานจิต
แล้วปรากฏประสบการณ์คุ้มครองป้องกันภัยดีเยี่ยม จนเป็นที่เลื่องลือ
ข้าพเจ้านับถือว่าเป็นหลวงพ่อกับของวิเศษ
ประสบการณ์เฉียดตายครั้งหนึ่งของข้าพเจ้า...
ตอนนั้นเรียนชั้นประถมปลาย ได้ไปเดินสวนสนามวันลูกเสือแห่งชาติที่สนามกีฬาศุภชลาศัย
ต่อหน้าพระพักตร์ในหลวงรัชกาลที่ 9
โรงเรียนอยู่ห่างสนามศุภฯประมาณ 5-6ป้ายรถเมล์
จึงทำเป็นกิจกรรมเดินทางไกลระยะสั้นของลูกเสือ โดยเดินไปทางวัดเทพศิรินทรฯแล้วข้ามคลองผดุงกรุงเกษมตรงหน้ากองบังคับการตำรวจรถไฟ
พอถึงตรงนี้ก็จะเป็นเขตสถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นส่วนที่พ้นจากอาคารสถานีแล้ว
พวกข้าพเจ้าเดินข้ามรางรถไฟซึ่งตรงนั้นมีหลายรางมาก
พอเดินตรงไปเรื่อยๆก็จะถึงสนามศุภฯ ไปจัดแถวกลางสนามกีฬา รอถวายคำสัตย์ของลูกเสือ
ขากลับครูให้เดินกลับโรงเรียน
พอเดินผ่านสถานีหัวลำโพงส่วนที่เป็นที่ตรวจซ่อมรถไฟ ตรงนั้นมีรถไฟจอดขวางทางพอดี
ไม่มีคนอยู่แถวนั้นเลย เนื่องจากเขตนั้นไม่ใช่ชานชลารถไฟ บันใดรถไฟจึงอยู่สูงจากพื้นมาก
คุณครูจึงขึ้นบันใดของตู้รถข้ามไปก่อนเพื่อรอรับเด็กนักเรียนให้ลงมาได้ โดยข้าพเจ้าคอยดันก้นเพื่อนๆให้เพื่อนปีนขึ้นบันไดรถไฟไปลงอีกฟาก
สุดท้ายเหลือข้าพเจ้าคนเดียว
พอข้าพเจ้าจะปีนขึ้นไปก็นึกแผลง
ๆ เลยมุดลอดใต้รถไฟแทน ขณะที่มุดเข้าไปใต้รถไฟนั้น
ข้าพเจ้าได้ยินเสียงคนเรียกว่า... "ไอ้หนูอย่าซน รีบถอยออกมาเร็ว ๆ"
ข้าพเจ้ามองจากใต้รถไฟไปด้านหลัง...เห็นข้อเท้าและชายจีวรพระสีเหลืองๆยืนรออยู่...จึงรีบคลานถอยหลังออกจากใต้ท้องรถไฟขบวนนั้น
พอหัวพ้นล้อรถไฟแค่วินาทีเดียว
รถไฟก็เคลื่อนที่ทันทีขนาดว่าล้อรถโดนปลายปีกหมวกลูกเสือ
เลยตกใจหงายท้องใจสั่นไปหมด ถ้าตอนนั้นไม่ถอยออกมา
ก็ไม่พ้นล้อเหล็ก
พอมองหาพระสงฆ์ที่เรียกให้ออกมาก็ไม่มีใครอยู่เลย
ขณะนั้นข้าพเจ้าแขวนเหรียญท่านเจ้าคุณนรฯ ธมฺมวิตกฺโก เพียงเหรียญเดียว!!!! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์หลวงพ่อกับของวิเศษที่จำได้ครั้งแรกในชีวิต
ของวิเศษหลวงพ่อธมฺมวิตกฺโกวัดเทพศิรินทรฯ
ตอนรอดรถไฟแขวนเหรียญพิมพ์นี้ |
ข้าพเจ้ายังแขวนเหรียญนี้จนเรียนจบสอบเข้าชั้นมัธยมก็ยังแขวนอยู่
จนกระทั่งไปเข้ากิจกรรมลูกเสือที่ค่ายลูกเสือกำแพงแสน จ.นครปฐม
ไปกางเต็นท์ในบริเวณที่กำหนด มีการใช้มีดบ้างขวานบ้างตัดกิ่งไม้มาทำกิจกรรม
เช่นทำเสา ทำฟืน
ในระหว่างที่ทุกคนก้มๆเงยๆปรับพื้นเพื่อกางเต้นท์ อยู่ๆก็มีมีดปลิวมาเฉี่ยวข้าพเจ้าไปนิดเดียว
ปรากฏว่าไอ้เพื่อนทางด้านหลัง มันใช้มีดฟันกิ่งไม้เพื่อเอามาทำเสาหน้าเต้นท์
แต่มีดดันชำรุดด้ามหลวม พอฟันกิ่งไม้อย่างแรง
ใบมีดจึงหลุดจากด้ามพุ่งมาทางข้าพเจ้า เฉียดไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
เพื่อนก็ฮือฮาว่าข้าพเจ้ามีของดี
ตอนกลางคืนไอ้เพื่อนร่วมเต้นท์มันกลัวผี จึงอ้อนวอนขอยืมเหรียญท่านเจ้าคุณนรฯไปห้อยคอ ขัดไม่ได้ก็ให้มันยืมไป ในที่สุดก็ไม่ได้คืน..ซะงั้น
เมื่อถึงวัยทำงานใหม่ๆ
ข้าพเจ้าเอาเหรียญท่านเจ้าคุณนรฯรุ่นสังฆาฏิไปเลี่ยมแขวนติดตัวองค์เดียว
วันหนึ่งขับมอเตอร์ไซด์กลับเข้าบริษัท ตอนนั้นยังขับไม่แข็ง
โดนรถยนต์เฉี่ยวจนเสียหลัก มอเตอร์ไซด์ล้มไถล ข้าพเจ้ากระเด็นหัวกระแทกกับเสาเหล็กที่ตัดเป็นตอสูงเท่าหน้าแข้ง
แล้วตกใจนั่งงงๆอยู่กับที่ แถมมอเตอร์ไซด์ก็ยังไถลมาทับคร่อมตัวข้าพเจ้าเสียอีก
มีคนใจดีวิ่งมาช่วยหลายคน ใครๆต่างนึกว่าข้าพเจ้าคงเจ็บหนัก
ปรากฏว่าข้าพเจ้าไม่เป็นอะไรเลย แค่ตะเข็บกางเกงตรงก้นขาด
ไฟหน้าแตกหลุดออกมา ไฟเลี้ยวหัก แกนบีบคลัทช์หัก แฮนด์มอเตอร์ไซด์บิดไปเกือบ 90
องศา จนขับรถไม่ได้
หลังจากนั้นก็ไม่ได้อาราธนาพระท่านเจ้าคุณนรฯมาแขวนอีก เพราะแขวนทีไร
พวกรุ่นพี่บริษัทชอบมาขอ ไม่ให้ก็ไม่ได้ ยังเจ็บใจจนทุกวันนี้
รุ่นพี่คนหนึ่งมาไถพระท่านเจ้าคุณนรฯพิมพ์ใบโพธิ์เนื้อผงจากข้าพเจ้า
วันหนึ่งไปเมาเหล้าทะเลาะกับจิ๊กโก๋โต๊ะข้างๆ โดนตีด้วยขวดเบียร์
ขวดเบียร์แตกกระจายแต่ตัวคนไม่เป็นอะไรเลย
เหตุการณ์นี้ทำให้คนในบริษัทมารุมไถพระท่านเจ้าคุณนรฯจากข้าพเจ้าอีกหลายองค์
ตรงนี้จำไว้ให้ดีๆ
จะพูดถึงครั้งเดียวว่า....เรื่องรายละเอียดของวัตถุมงคลท่านเจ้าคุณนรฯในยุคนั้น
ไม่เหมือนในสมัยนี้หลายเรื่อง คนรุ่นก่อนข้าพเจ้าและรุ่นข้าพเจ้าที่เป็นรุ่นเด็กแต่ทันรู้ข่าว
จะเล่นหาและไม่เล่นวัตถุมงคลท่านเจ้าคุณนรฯบางรุ่นที่ต่างจากปัจจุบัน
เหรียญปรกจเรของข้าพเจ้า |
ปรกจเรด้านหลัง |
ท่านเจ้าคุณนรฯเคยบอกไว้ว่า
ถ้าไม่มีวัตถุมงคลของท่าน เมื่อถึงคราวคับขัน ก็ให้อธิษฐานออกนามท่านว่า
ธมฺมวิตกฺโก ก็จะช่วยได้
ธมฺมวิตกฺโก อ่านว่า..ธัมมะวิตักโก
บทความ จากความระลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณนรฯ
ธมฺมวิตกฺโก
ภาพ จากสื่ออินเทอร์เน็ต
และเหรียญของข้าพเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น