พระครูพ่อ วัดบางกระเจ้า จ.สมุทรสาคร
เรื่องของวิเศษของหลวงปู่หลวงพ่อของจ.สมุทรสาคร
เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าได้พบเห็นมากับตัวเอง
หรือได้พบเจ้าของประสบการณ์ของวิเศษแห่งหลวงพ่อนั้นๆ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้
เป็นเรื่องครั้งที่ข้าพเจ้าเรียนช่างกล ชั้น ป.ว.ช. ซึ่งนานเกือบจะ 50 ปีแล้ว
เป็นประสบการณ์ยกพวกตีกัน ฝ่ายข้าพเจ้า 7 คน ฝ่ายตรงข้ามมากันเต็มรถเมล์สาย 65
มีประมาณ 20 กว่าคน
เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกันกับครั้งที่ข้าพเจ้าถูกแทงด้วยเหล็กขูดชาร์ป
แต่แทงไม่เข้า ตอนนั้นแขวนพระผงญาณวิลาสหลวงพ่อแดง และเพื่อนโดนฟันแขนไม่เข้า
มันแขวนเหรียญเสือเผ่นหลวงพ่อสุดวัดกาหลง
ในครั้งนั้นมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่โดนฟันด้วยมีด แต่ฟันไม่เข้าเช่นกัน
ก็คือเรื่องของวิเศษที่จะเล่าให้ฟังในครั้งนี้
วันนั้นพอเลิกเรียนพวกข้าพเจ้ารวม 7 คน
เดินไปรอรถเมล์โดยเดินย้อนขึ้นไปอีกป้ายข้างหน้า
เพราะถ้ารอตรงป้ายประจำที่เป็นสุดสายรถเมล์พอดีนั้น คนจะรอขึ้นรถเมลเยอะ พวกข้าพเจ้าเป็นพวกบ้านไกลทั้งนั้นต้องนั่งรถเมล์ยาวๆ
เลยต้องไปดักขึ้นรถเมล์ที่ป้ายก่อนจะสุดสายรถ
พวกข้าพเจ้ามีถึง 7 คน นับว่าเป็นขุมกำลังใหญ่เชียวแหละ
พวกเราก็รอรถเมล์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรถเมล์สายที่เราไม่ได้รอเข้ามาจอดที่ป้าย
พอมองขึ้นไปบนรถเมล์ ก็พบว่ามีพวกอาชีวะมากันเต็มคันรถ กะว่าไม่น้อยกว่า 20 คน
ยังไม่รู้ว่าเป็นอาชีวะที่ไหน แต่ที่แน่ๆคือเป็นพวกอาชีวะโรงเรียนเอกชน
ส่วนพวกข้าพเจ้าเป็นช่างกลวิทยาลัยเทคนิคของรัฐ
เมื่อต่างฝ่ายต่างประเมินขุมกำลังกันแล้ว
แน่นอนว่าพวกอาชีวะบนรถเมล์มีมากกว่าพวกข้าพเจ้าเยอะ
พวกนี้จึงวิ่งกรูกันลงมารุมตีพวกข้าพเจ้า จากที่พวกนี้มี 20กว่าคนรุมพวกข้าพเจ้าที่มี
6 คน เพราะคนที่ 7 เป็นรุ่นน้อง ซึ่งข้าพเจ้าไล่ให้มันเข้าไปหลบในตึกแถวตรงนั้น
ประมาณว่ารุ่นพี่ต้องคุ้มครองรุ่นน้อง
ฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธมาพร้อมหลายคนทั้งมีดไม้ พวกข้าพเจ้ามีขวานเล็กบาง 1 เล่ม
ฟุตเหล็ก 2 อัน แต่จากฝ่าย 20กว่าคนรุม 6 คน ประเดี๋ยวเดียวก็เป็น 6 รุม 20
เพราะฝ่ายข้าพเจ้านั้น เคยฝึกมวย แถมที่ถิ่นของข้าพเจ้านั้น
เป็นถิ่นค่ายมวยดังซึ่งพวกช่างกลสถาบันข้าพเจ้านั้น ได้ไปเรียนรู้มาบ้าง
เป็นค่ายยอดมวยไทยดังในอดีต
ครั้งนั้นข้าพเจ้าแขวนพระผงญาณวิลาสโดนแทงไม่เข้า
เพื่อนคนหนึ่งแขวนเหรียญเสือเผ่นหลวงพ่อสุดโดนฟันไม่เข้า และอีกคนที่เป็นคน
จ.สมุทรสาคร ไอ้นี่โดนฟันจนล้ม เพื่อนๆนึกว่าแย่แล้วต้องรีบเข้าไปช่วย
ขณะที่ตีกันอยู่นั้น พวกชาวบ้านแถวนั้นโยนไม้ให้พวกข้าพเจ้าใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว
จึงค่อยตีจนฝ่ายตรงข้ามเจ็บหลายคน แล้ววงวิวาทก็สลายเพราะกลัวโดนตำรวจจับ
เพื่อนคนที่โดนฟันจนล้มลงไปนั้น ตอนแรกนึกว่ามันแย่แน่ๆ
เพราะมันมีรูปร่างบอบบางผอมกะหร่อง พอสำรวจดูบาดแผล
พบว่ามีรอยโดนฟันแดงๆเป็นทางยาวที่แขน แต่ไม่เข้าเนื้อเลย
ในวันนั้นจึงพบประสบการณ์ของวิเศษของหลวงพ่อ 3 หลวงพ่อ ที่ทำให้หนังเหนียว คือ
หลวงพ่อแดงวัดเขาบันใดอิฐ หลวงพ่อสุดวัดกาหลง
และพระที่ไอ้เพื่อนสมุทรสาครตัวผอมมันแขวนก็คือ เหรียญพระครูพ่อ
ซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินชื่อท่านเลย ประมาณว่าท่านยังไม่ดัง
ข้าพเจ้าจึงรู้สึกสนใจของวิเศษของท่านพระครูพ่อ
เพื่อนเล่าว่า พระครูพ่อเป็นพระอาจารย์วัดที่บ้านมันเอง
แถวบ้านจะเรียกท่านว่า อาจารย์พ่อวัดบางกระเจ้า
วัดอยู่คลองสุนัขหอนฝั่งเดียวกันกับวัดบางขุด(หลวงปู่อุ่น
ที่ข้าพเจ้าเคยเล่าให้ฟังแล้ว)) แต่ท่าข้ามฟากวัดบางกระเจ้าอยู่ถึงก่อนท่าวัดบางขุด
จะไปวัดบางขุดพอข้ามฟากคลองสุนัขหอนแล้วยังต้องเข้าไปอีก ส่วนวัดบางกระเจ้าอยู่ริมคลองสุนัขหอน
เป็นย่านไทยเชื้อสายมอญ
เหรียญพระครูพ่อที่เพื่อนแขวน เป็นรุ่นปี พ.ศ.2509 ทรงเสมาคว่ำ
รูปท่านครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ตรีนิสิงเห แต่ตัวเลขเป็นแบบเลขมอญ
ข้าพเจ้าเห็นเพื่อนแขวนเหรียญพระครูพ่อแล้วโดนฟันไม่เข้า(ไม่ใช่ว่าฟันยื่นออกมาจากปากนะ)
จึงอยากได้เหรียญพระครูพ่อ อยากไปกราบท่านบ้าง
เพื่อนบอกว่าท่านพระครูพ่อเพิ่งมรณภาพ
ข้าพเจ้านึกเสียดายที่พลาดพระอาจารย์ขลังไปอย่างเฉียดฉิว
ต่อมาช่วงปิดเทอมเพื่อนคนนี้บวชที่วัดบางกระเจ้า
ข้าพเจ้าจึงค่อยได้ไปเที่ยวที่วัดนี้ พอได้สอบถามถึงเรื่องท่านพระครูพ่อ
ก็ยิ่งเสียดายที่มาไม่ทันกราบท่าน เพราะประวัติสายวิทยาคมไม่ธรรมดาเลย
เหรียญรุ่นประสบการณ์ที่เล่าไว้ในเรื่อง |
ด้านหลัง |
ท่านพระครูพ่อเป็นศิษย์หลวงพ่อสงค์วัดบางปลา หลวงพ่อสงค์เป็นศิษย์ของหลวงปู่เฒ่าเก้ายอด(หลวงปู่นุต) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่แขกวัดบางปลา
หลวงพ่อสงค์นี้ได้เป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่แขก
พระอุปัชฌาย์ของพระครูพ่อคือหลวงปู่รอดวัดวังน้ำวน
พระครูพ่อได้สืบทอดวิชาสายวัดบางปลาจากหลวงพ่อสงค์
และได้เรียนจากหลวงปู่รอดอีกด้วย
แบบนี้นี่เองที่ท่านพระครูพ่อจึงเสกปลุกวัตถุมงคลได้ชลัง
เหตุที่ท่านพระครูพ่อยังไม่ดังเป็นสากลนั้น
ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะมาจากการที่จะไปวัดบางกระเจ้าไปได้ยาก
ต้องข้ามคลองสุนัขหอนไปอีกฝั่งที่เป็นฝั่งที่ติดอ่าวไทย
สมัยข้าพเจ้าเรียนช่างกลยังไม่มีสะพานข้าม ต้องลงเรืออย่างเดียว ถ้าไปจากท่าน้ำที่ข้ามไปฝั่งวัดบางขุด
จะต้องนั่งเรือย้อนกลับไปทางมหาชัยไป 2 หัวโค้งของคลองสุนัขหอน
ก็จะถึงวัดบางกระเจ้าที่อยู่ติดแม่น้ำ แถบนี้เป็นย่านของไทยเชื้อสายมอญ
ประวัติพระครูพ่อโดยย่อ
พระครูพ่อ
วัดบางกระเจ้า หรือ อาจารย์พ่อ ธัมมิโก วัดบางกระเจ้า ตำบลบางกระเจ้า อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร
พื้นเพท่านเป็นชาวปากบ่อ(ข้าพเจ้าเข้าใจว่าน่าจะเป็น บางบ่อ) สมุทรสาคร
เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๙ แต่ไม่ปรากฏชื่อโยมบิดาและโยมมารดาของท่าน
ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ อาจารย์พ่อ
มีอายุได้ ๒๑ ปี ได้เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดบางปลา ต.บ้านเกาะ
อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ได้รับฉายาว่า "ธมฺมิโก" โดยมีหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อสงฆ์ วัดบางปลา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์กล่ำ วัดบางปลา เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังจากที่อุปสมบทแล้ว
ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดบางปลา
เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและวิชาอาคมตามตำราของหลวงปุ่นุตย์
อดีตเจ้าอาวาสวัดบางปลาที่คนเรียกกันว่าหลวงปู่เฒ่าเก้ายอด โดยมีหลวงพ่อสงค์เป็นผู้ถ่ายทอดให้
นอกจากนี้
ท่านยังได้ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน
ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านอีกด้วย จนท่านมีวิชาแก่กล้า
ต่อมา ชาวบ้านวัดบางกระเจ้าพร้อมใจกันเดินทางไปที่วัดบางปลา
เพื่อนิมนต์พระอาจารย์พ่อ มาเป็นเจ้าอาวาสทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
ท่านพระครูพ่อสร้างเหรียญรุ่นแรกเมื่อ พ.ศ.2497 เป็นเหรียญทรงเสมาคว่ำ
ด้านหน้าเป็นรูปท่านครึ่งองค์ มีอักษรว่า อาจารย์พ่อ
ด้านหลังเป็นยันต์ตรีนิสิงเหแบบตัวเลขไทย มีชื่อวัดแกะเป็น วัดบางกะเจ้า
โดยคำว่ากระไม่มี ร เรือ
พระครูพ่อปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙
นับรวมสิริอายุได้ ๘๐ ปี ๕๙ พรรษา.
เรื่องจากความทรงจำ และประวัติจากเฟจพระครูพ่อ
ภาพเหรียญ เหรียญสะสมของข้าพเจ้า