วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย.๑๗ แม่นางกวัก



แม่นางกวัก  Nang Kwaw ( Goddess of fortune)


   ข้าพเจ้าผู้เขียนนี้ชอบสะสมของจุกๆจิกๆของเล่นตุ๊กตุ่นตุ๊กตามาตั้งแต่เด็กๆ รวมทั้งของแถมมากับขนมหรือบางทีเป็นของแถมจากปั๊มน้ำมัน และยังชอบของเล่นที่พระท่านแจกให้ คือตอนนั้นยังไม่รู้ว่าที่พระท่านให้มาเป็นวัตถุมงคลเพราะเรายังเด็ก แล้วก็ให้บังเอิญชอบของที่หลวงปู่หลวงพ่อต่างๆท่านให้มาเสียด้วย  แต่เป็นการชอบในแบบที่ไม่รู้ว่าเป็นของขลังหรือวัตถุมงคล ที่ชอบก็เพียงเพราะว่าเห็นว่าแปลกดี คล้ายๆทำนองของสะสมหรือ Hobby อย่างหนึ่ง

   ต่อมาพอโตขึ้นมาหน่อยก็ค่อยรู้ว่า ของที่เราเก็บๆเอาไว้เยอะแยะนั้น มีหลายอย่างที่เป็นสิ่งที่เรียกว่าวัตถุมงคลเรื่องรางของขลัง แถมยังเคยเห็นประสบการณ์อภินิหารวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ที่เกิดเรื่องอัศจรรย์กับคนรู้จักกันหลายครั้ง แม้กระทั่งยังเคยมีประสบการณ์กับตัวเองผู้เขียนหลายครั้งหลายแบบ เลยคอยเก็บวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังต่างๆตลอดมา
ภาพ sihawatchara แม่นางกวัก แกะจากไม้มะยมตายพราย

   พอคนอื่นรู้ว่าเก็บวัตถุมงคลมากๆก็ต้องมีคนมาขอ ก็จำเป็นที่ต้องให้ไปทั้งแบบเต็มใจและหลายครั้งก็ต้องจำใจให้ สำหรับคนที่ผู้เขียนเต็มใจมอบให้นั้น ก็ไม่นึกเสียดายอะไรเพราะเราเต็มใจพอใจที่จะให้ไว้เป็นที่ระลึก แต่ไอ้ที่จำใจให้นี้มันแสบทรวงจริงๆ พอมาถึงปัจจุบันนี้นึกเสียดายที่มอบของให้พวกที่แสบๆที่มาบังคับขอ หรือมาขอในสภาวะที่เราปฏิเสธไม่ได้ วัตถุมงคลเครื่องรางของขลังที่ดีๆมีราคาเลยสูญไปกับคนประเภทหลังนี้มาก  
   ครั้งหนึ่งในตอนที่ผู้เขียนยังเป็นเด็กเคยได้รับวัตถุมงคลที่ดูสะดุดตาจากพระอาจารย์อาวุโสรูปหนึ่ง คือ หลวงพ่อถิรวัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี ตอนนั้นก็งงๆว่าแบบนี้ใช่จะพระเครื่องหรือ เพราะเป็นดินเผาลักษณะสี่เหลี่ยมเล็กๆทำเป็นเป็นรูปผู้หญิงนั่ง ผู้เขียนงุนงงมากว่าหลวงพ่อถิรให้พระเครื่องอะไรเรามา พระเป็นผู้หญิงได้ด้วยหรือ เพราะตอนนั้นยังเด็กรู้จักแต่วัตถุมงคลแบบที่เป็นพระและเหรียญเท่านั้น
sihawatchara แม่นางกวัก ด้านข้าง

   ในครั้งนั้นหลวงพ่อถิรท่านให้พระมาเป็นถุงเล็กๆ มีพระเนื้อดินองค์เล็กหลายองค์ ที่ผู้เขียนฉงนสนเท่ห์ก็ที่พระองค์หนึ่งเป็นรูปผู้หญิงห่มสไบนั่งพับเพียบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นสูงเหมือนจะขว้างอะไรสักอย่าง หรือเหมือนชี้นิ้ว ตอนนั้นสงสัยมากว่าหลวงพ่อถิรท่านให้อะไรเรามากันนี่
   มารดาของผู้เขียนเห็นพระองค์นี้แล้วก็บอกว่า นี่คือพระเครื่องรูปแม่นางกวัก มีโชคมีลาภเมตตามหานิยมดี แล้วที่ยกมือเหมือนขว้างหรือชี้นิ้วนั้น ที่แท้เป็นลักษณะอาการที่กำลังกวักมือนั่นเอง ผู้เขียนจึงรู้จักวัตถุมงคลแม่นางกวักตั้งแต่บัดนั้น 
   
แม่นางกวักเนื้อดินเผา

   หลังจากนั้นก็ได้รับวัตถุมงคลแม่นางกวักจากพระอาจารย์หลายท่าน เช่น หลวงพ่อถิรวัดป่าเลไลยก์ หลวงพ่อขอมวัดไผ่โรงวัว หลวงพ่อเต๋คงทองวัดสามง่าม หลวงพ่อเคนถ้ำเขาอีโต้ หลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือหลวงพ่อเทียมวัดกษัตราธิราช หลวงพ่อแพวัดพิกุลทอง หลวงพ่อครื้นวัดสังโฆ หลวงพ่อทาบวัดกระบกขึ้นผึ้ง หลวงพ่อทองวัดก้อนแก้ว พ่อท่านแก่นวัดทุ่งหล่อ หลวงพ่อบุญเทียมวัดลาดหลุมแก้ว หลวงพ่อเพิ่ม และ หลวงพ่อผ่อง วัดสามปลื้ม หลวงพ่อนวลวัดโพธิ์บางระมาด หลวงพ่อจันทร์วัดโฉลกหลำ หลวงปูเกลี้ยงวัดสุทัศนฯ และอีกหลายหลวงพ่อที่ท่านมีแม่นางกวัก ได้เก็บรักษาเอาไว้เป็นจำนวนหลายชิ้นมากโขอยู่

   ต่อมาภายหลังพอคนรู้ว่าชอบเก็บวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ก็มาขอฟรีๆขอไปเรื่อยๆจนของเหลือน้อยเต็มที รู้สึกว่าในชีวิตของข้าพเจ้านี้เจอพวกขี้ขอมากจนเกินไปแล้ว คนที่มาขอพระไปเพราะนับถือหรืออาราธนาติดตัวนั้น ข้าพเจ้าเต็มใจมอบให้ แต่มันแย่ตรงที่มีพวกเล่นพระแต่ไม่ชอบเสียเงินเช่าพระ ซึ่งเป็นพวกรุ่นพี่บ้างหัวหน้างานบ้าง พวกนี้ แมร่ง..เกิดมาขอโดยตรง และ แมร่ง..โคตะระเหรี้ยเลย (ไม่ได้หยาบคายนะครับ เพราะไม่ได้ใช้คำว่า เหี้ย) ขอบอก ยังเจ็บใจจนถึงบัดนี้ (โอโฮ..ของขึ้นเลยครับท่านผู้อ่าน...)


แม่นางกวักด้านหลัง


   เครื่องรางรูปแม่นางกวักเป็นเครื่องรางสไตล์สุวรรณภูมิ เป็นเรื่องที่อิงคติความเชื่อดั้งเดิมของภูมิภาคแถบนี้ที่นับถือผีที่มีฤทธิ์ นับถือสิ่งที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติ สิ่งที่มีอำนาจเหนือธรรมชาตินี้ตามคติดั้งเดิมของชาวสุวรรณภูมิมักเรียกว่า ผี แต่คำว่าผีของชาวสุวรรณภูมิในสมัยโบราณมีความหมายต่างจากยุคปัจจุบันไม่น้อย
   คำว่าผีในสมัยโบราณมิได้หมายถึงว่าจะต้องเป็นภูติผีปีศาจที่ดุร้ายเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมไปถึงผีดีผู้มีศักดิ์ที่เรียกกันว่าเทวดาด้วย คำว่าผีของชาวสุวรรณภูมิในสมัยโบราณจึงมีเทวดารวมอยู่ โบราณเรียกผีดีนี้ว่าผีฟ้าหรือแถน จัดเป็นผีดีที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ และแม่นางกวักนี้จัดว่าเป็นผีดีที่มีศักดิ์ นับเป็นเทพธิดาองค์หนึ่ง ที่สำคัญคือเป็นเทพธิดาที่มีคุณวิเศษทางมหาโชคมหาลาภเมตตามหานิยม
ตำรับแม่นางกวักเป็นวิทยาคมที่ยอดเยี่ยมทางด้านมหาโชคมหาลาภค้าขายมหานิยม นับเป็นของวิเศษได้อย่างหนึ่ง ตามตำนานแม่นางกวักมีการกล่าวย้อนไปถึงวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์แบบไทยๆด้วย ซึ่งน่าที่จะเป็นการรวมคติความเชื่อพื้นบ้านเข้ากับรามเกียรติ์ในภายหลัง


ภาพsihawatchara รูปหล่อแม่นางกวักแบบโลหะ ตั้งบูชาบนหิ้งพระ

ตำนานแม่นางกวัก
   ครั้งที่พระรามรบกับพญายักษ์ชื่อท้าวอุณาราชหรือท้าวกกขนาก พระรามจะแผลงศรฆ่าท้าวอุณาราชอย่างไรก็ไม่ตาย เพราะศรจะหลุดออกจากตัวท้าวอุณาราชทุกครั้ง จนกระทั่งได้ทราบความลับจากพระฤๅษีโคศภว่า ถ้าจะปราบท้าวอุณาราชนี้ จะต้องใช้ต้นกกมาแทนลูกศร พระรามจึงเอาต้นกกยิงใส่ท้าวอุณาราชเข้าที่อก ท้าวอุณาราชโดนศรต้นกกเลยปลิวกระเด็นไปไกล ไกลขนาดว่ามาตกลงที่ลพบุรี ศรศรต้นกกนี้ตรึงพญายักษ์ไว้ในถ้ำ เท่านั้นยังไม่พอ พระรามสั่งให้ไก่แก้วคอยเฝ้าดูว่า ถ้าศรต้นกกคลอนแคลนจะหลุดเมื่อใด ให้ไก่แก้วรีบขันให้หนุมานได้ยิน หนุมานจะเหาะมาเอาพะเนินเหล็กตอกศรต้นกกให้แน่นเหมือนเดิม
   ตำนานยังว่า หนุมานมีฤทธิ์มีกำลังมาก พอตอกศรทีไรก็แรงจนเกิดประกายไฟกระเต็นไปตกในเมืองลพบุรี ไฟจึงไหม้เมืองลพบุรีบ่อยๆ และความร้อนของสะเก็ดไฟจากการตอกศรนี้ ยังทำให้ดินเมืองลพบุรีสุกจนกลายเป็นดินสอพอง
   ศรต้นกกที่ใช้ยิงท้าวอุณาราชนี้ ก็คือต้นกกขนาก จึงเรียกท้าวอุณาราชว่าท้าวกกขนาก สำหรับศรต้นกกนี้ยังมีความลับสำคัญคือ ถ้าศรต้นกกโดนน้ำส้มสายชู ศรต้นกกขนากก็จะหลุดออกมา

พระรามแผลงศรใส่ท้าวอุณาราช
  
   ท้าวกกขนากมีลูกสาวชื่อนางวงพระจันทร์หรือศรีประจันต์ นางวงพระจันทร์พยายามหาซื้อน้ำส้มสายชูในตลาดลพบุรีมารดลูกศรที่ปักตรึงท้าวกกขนาก แต่เพราะว่านางวงพระจันทร์เป็นยักษ์ จึงไม่มีแววตา พอนางวงพระจันทรมาหาซื้อน้ำส้มสายชู คนทั้งหลายสังเกตเห็นว่า นางวงพระจันทร์ไม่มีแววตา จึงไม่ยอมขายน้ำส้มสายชูให้ เพราะกลัวว่าจะเอาไปรดศรต้นกก เดี๋ยวศรหลุดแล้วท้าวกกขนากจะจับคนลพบุรีกินหมด
   คนทั้งหลายต่างคอยเฝ้าสังเกตนางวงพระจันทร์ เมื่อพบนางวงพระจันทร์เมื่อไร ก็พร้อมใจกันขับไล่เกลียดชังนางวงพระจันทร์ ไม่ยอมคบค้าสมาคม ไม่ให้เครื่องอุปโภคบริโภค ทำให้นางวงพระจันทร์ได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส
   ปู่เจ้าเขาเขียวผู้มีฤทธิ์เป็นสหายรักของท้าวกกขนาก ได้เห็นนางวงพระจันทร์เดือดร้อนแสนสาหัส โดยมีสาเหตุมาจากความกตัญญูของนางที่มีต่อบิดา ปู่เจ้าเขาเขียวจึงสงสารเลยส่งลูกสาวให้มาช่วยเหลือนางวงพระจันทร์ ลูกสาวของปู่เจ้าเขาเขียวก็คือแม่นางกวักนั่นเอง


 ภาพ sihawatchara ยันต์แม่นางกวักนั่งพลับพลา จากหนังสือพระเกจิ

   แม่นางกวักนี้เป็นสาวสวยผู้มีอิทธิฤทธิ์ในทางด้านมหาโชคมหาลาภค้าขายมหานิยมมหาเสน่ห์เป็นที่สุด อิทธิฤทธิ์ของแม่นางกวักที่พิเศษมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งก็คือ มหาโชคมหาลาภมหาเสน่ห์ของแม่นางกวักนี้ มีฤทธิ์แรงขนาดว่ายังเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้างได้ด้วย คือแม่นางกวักไปอยู่ที่ไหน คนในที่นั้นก็พลอยได้รับความมีมหาโชคมหาลาภมหานิยมมหาเสน่ห์ตามแม่นางกวักไปด้วย
   แม่นางกวักออกจากถ้ำแก้วภูเขาเพชรกูฏซึ่งเป็นที่อยู่ แล้วไปอยู่เป็นเพื่อนนางวงพระจันทร์ อิทธิฤทธิ์ของแม่นางกวักทำให้มีผู้คนแห่กันมาหาแม่นางกวัก เอาของมีค่าเพชรนิลจินดาโภชนาอาหารมาให้แม่นางกวักอย่างมากมาย และยังให้เผื่อแผ่ไปถึงนางวงพระจันทร์ ทั้งยังหายโกรธแค้นนางวงพระจันทร์อีกด้วย คนทั้งหลายกลับมารักใคร่เมตตานางวงพระจันทร์
   นางวงพระจันทร์จึงเริ่มมีความสุขความยินดี และคิดได้ว่าถ้าศรต้นกกหลุดออกมา เดี๋ยวท้าวกกขนากจะจับคนกินเสียหมด นางวงพระจันทร์จึงหาวิธีอื่นช่วยท้าวกกขนาก ได้เห็นว่าควรจะทอผ้าจีวรไว้รอถวายพระศรีอาริยะเมตตัย เพื่อให้อานิสงส์นี้ช่วยท้าวกกขนากให้พ้นทุกข์

   คุณวิเศษทางมหาโชคมหาลาภหานิยมอันอัศจรรย์ของแม่นางกวักเลื่องลือสืบเนื่องต่อกันมานับแต่ครั้งนั้น
 ภาพ sihawatchara แม่นางกวักของหลวงพ่อปั้นวัดพิกุลโสคัณ

      ปรมาจารย์สมัยโบราณท่านอาศัยฤทธิ์อันอัศจรรย์ทางมหาโชคมหาลาภมหานิยมมหาเสน่ห์ของแม่นางกวัก กำหนดเป็นวิทยาคมตำรับแม่นางกวัก มีทั้งวัตถุมงคลเครื่องรางรูปแม่นางกวัก รูปยันต์ มนต์คาถาแม่นางกวัก ปรากฏอิทธิปาฏิหาริย์ทางมหาโชคมหาลาภมหานิยมเป็นอย่างยิ่ง โบราณท่านถือว่าแม่นางกวักเป็นสุดยอดทางมหาโชคมหาลาภเจรจาค้าขายร่ำรวยเจริญรุ่งเรืองยิ่ง มักปรากฏบ่อยๆว่า ผู้ที่มีวัตถุมงคลเครื่องรางแม่นางกวัก มักจะมีโชคมีลาภอยู่เนืองๆ จะค้าขายก็ซื้อง่ายขายคล่องร่ำรวยเจริญรุ่งเรือง จะเจรจาติดต่องานก็ราบรื่น ไปไหนมาไหนก็มีแต่ผู้คนนิยมรักใคร่

 ภาพ sihawatcharaแม่นางกวักของหลวงพ่อผึ่งวัดสว่างอารมณ์

   พระอาจารย์ที่เสกปลุกวัตถุมงคลแม่นางกวัดได้ขลังๆสมัยก่อนนั้นมีมาก จะสังเกตได้ว่ามีมากกว่ายุคนี้อย่างเห็นได้ชัด เรื่องนี้ข้าพเจ้าผู้เขียนมีความเห็นส่วนตัวว่า ที่สมัยนี้พระอาจารย์รุ่นใหม่ๆไม่ค่อยมีท่านผู้ใดสนใจสร้างเครื่องรางแม่นางกวัก น่าจะมีสาเหตุมาจากสองประการ คือ
   1.พระอาจารย์ยุคก่อนนั้นปกติจะค่อนข้างหวงวิชา และไม่ชอบที่จะอวดตัวว่ามีวิชานั้นวิชานี้ ไปๆมาๆเลยไม่ได้ถ่ายทอดหลายๆวิชาให้ใคร ยิ่งวิทยาคมในแบบนี้เข้าทำนองว่าทำคุณไสย ก็ยิ่งไม่อยากถ่ายทอดให้ศิษย์
   ข้าพเจ้าเคยเปิดดูตำราของหลวงพ่อพระอาจารย์ เปิดไปเจอตำรับแม่นางกวักก็ชอบใจ พอนั่งอ่านๆไปก็สะดุดตากับตำรับแม่นางกวักของหลวงพ่อ คือเห็นกระดาษมีรอยแหว่งอยู่ช่วงหนึ่ง พอพิจารณาแล้วไม่ใช่รอยปลวกมากินกระดาษ แต่เป็นรอยเจาะกระดาษเลาะไปตามแถวของตัวหนังสือ เป็นการเจาะกระดาษอย่างจงใจชัดๆว่า ต้องการฉีกเลาะเอาข้อความในสมุดข่อยช่วงนี้ออกไป พอกราบเรียนสอบถามหลวงพ่อถึงเรื่องนี้ ท่านบอกว่าตรงนี้ฉีกทิ้งไปเพราะคาถาวิธีใช้ของตำรับแม่นางกวักท่อนนี้ใช้ทางสะกดจิตแรงเกินไป ให้เรียนแค่ที่เห็นก็ดีมากแล้ว


ภาพ sihawatchara แม่นางกวักหลวงพ่อขอมวัดไผ่โรงวัว

ภาพ sihawatchara แม่นางกวักหลวงพ่อขอมวัดไผ่โรงวัว

   2.พระอาจารย์ยุคก่อนนั้นท่านได้สร้างวัตถุมงคลแม่นางกวักไว้มาก จนกระทั่งท่านมรณภาพไปแล้วก็ยังมีเหลือพอที่จะแจกมาได้อีกนาน เนื่องจากวัตถุมงคลแม่นางกวักยังเหลือ จึงยังไม่ได้ถ่ายทอดตำรับแม่นางกวักให้ใคร และศิษย์เองนึกลำเอียงไปว่าแม่นางวักเป็นรูปผู้หญิง ดูแล้วไม่เห็นว่าจะน่าเกรงขามเท่าพวกยันต์ที่เป็นสิงสาราสัตว์ เลยนึกเฉยๆกับตำรับแม่นางกวัก โดยหารู้ไม่ว่าตำรับแม่นางกวักนี้เป็นของวิเศษชั้นยอดอย่างหนึ่ง ต่อมาเรื่องตำรับแม่นางกวักของสำนักจึงสูญหายไป


 ภาพ sihawatchara แม่นางกวักเนื้อดินเผา

   สาเหตุทั้งสองประการนี้เป็นความเห็นของข้าพเจ้าเอง โดยสังเกตจากการที่ได้เคยเดินทางไปทั่วประเทศนานหลายสิบปี ได้แวะกราบนมัสการหลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ ได้สนทนากับท่านถึงเรื่องสัพเพเหระ และแน่นอนว่าต้องมีเรื่องตำรับแม่นางกวักรวมอยู่ด้วย หลวงปู่หลวงพ่อหลายรูปได้ปรารภกับข้าพเจ้าว่า ตำรับแม่นางกวักนี้ดีมากๆเอาไว้ช่วยคนให้ค้าขายเจริญๆร่ำรวย แต่ไม่มีศิษย์สนใจที่จะเรียนกันสักเท่าไร เพราะมัวแต่ไปสนใจเรื่องอื่นเสียมาก บางหลวงพ่อก็เล่าว่า ตำรับแม่นางกวักคนที่จะเรียนต้องมีใจอ่อนโยนอิ่มเอิบถึงจะดี คนใจกระด้างเรียนได้ยาก เลยไม่ได้ถ่ายทอดไว้ให้ใคร
   จากข้อสังเกตดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงอนุมานเอาเองว่า ที่ตำรับแม่นางกวักในปัจจุบันค่อยๆหายไปนั้น สาเหตุสองข้อนี้น่าจะมีส่วนสำคัญอยู่ไม่น้อย
 
ภาพ sihawatchara แม่นางกวักของหลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือ

    จากการที่ข้าพเจ้าผู้เขียนได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งพเนจรไปทั่วประเทศอยู่เป็นสิบๆปี ได้พบเห็นวัตถุมงคลแม่นางกวักทั่วทุกภาคของประเทศ แต่สังเกตเห็นว่ามักจะเป็นรูปแม่นางกวักของพระอาจารย์ที่มีอายุมากๆท่านสร้างเอาไว้ หรือพบวัตถุมงคลแม่นางกวักตกค้างมาจากหลวงปู่หลวงพ่อรุ่นก่อนที่มรณภาพไปแล้ว แต่ท่านเจ้าอาวาสรุ่นใหม่ๆหนุ่มๆไม่ได้สนใจสร้าง เนื่องจากมุ่งไปในทางเป็นพระนักพัฒนาหรือปริยัติ ถ้าที่วัดยังมีวัตถุมงคลแม่นางกวักก็เป็นของที่พระอาจารย์รุ่นก่อนทำไว้ ถ้ามีคนทำบุญหรือแจกวัตถุมงคลแม่นางกวักไปจนหมดแล้วก็คงหมดไปเลย

ภาพ sihawatchara แม่นางกวักของหลวงพ่อจันทร์วัดโฉลกหลำ

วัตถุมงคลเครื่องรางแม่นางกวักในประเทศไทย
   วัตถุมงคลเครื่องรางแม่นางกวักมีหลายแบบ มีทั้งที่เป็นรูปยันต์แม่นางกวักแบบต่างๆ แม่นางกวักแบบพระเครื่อง แม่นางกวักแบบตั้งบูชา แม้กระทั่งไม่มีรูปแม่นางกวักก็ใช้มนต์แม่นางกวัก แม้แต่ว่านก็ยังมีว่านที่เรียกว่าว่านนางกวัก
   รูปจำลองแม่นางกวักขนาดตั้งบูชา มีทั้งแบบดินปั้น แกะด้วยไม้มงคล หล่อโลหะ และรูปวาดขนาดใหญ่ รูปแม่นางกวักยุคก่อนนั้น บางทีวาดและลงสีมาอย่างสวยงาม

ภาพ sihawatchara แม่นางกวัก แกะจากไม้มะยมตายพราย

   ถ้าเป็นแบบพระเครื่องรูปแม่นางกวัก สมัยโบราณนิยมสร้างกันเป็นเนื้อดินเผา เนื้อดินดิบ เนื้อผง เนื้อว่านถ้าทำเป็นแม่นางกวักเนื้อโลหะก็มักจะพบแบบเนื้อชิน มีทั้งชินตะกั่ว ชินเงิน มีบ้างที่ทำเป็นรูปหล่อเนื้อสำริดหรือทองเหลืององค์เล็ก แม้แต่ทำเป็นแหวนก็ยังมี

ภาพ sihawatchara แม่นางกวักเนื้อผงหลวงพ่อนวลวัดโพธิ์บางระมาด

ภาพ sihawatchara แม่นางกวักหลวงพ่อนวลวัดโพธิ์บางระมาด


ภาพ sihawatchara ด้านข้างของแหวนเป็นรูปแม่นางกวัก
  ภาพ sihawatchara เหรียญแม่นางกวัก

   แม่นางกวักเนื้อดินบางตำราก็ให้เอาดินขุยปู ดินโป่ง ดินป่าช้า ผงว่าน เอามาทำเป็นรูปแม่นางกวัก

แม่นางกวักเนื้อดิน

แม่นางกวักเนื้อดิน

   บางทีก็เอางาช้างมาแกะเป็นรูปแม่นางกวักองค์เล็กๆ มีทั้งแกะเป็นภาพนูนต่ำและแกะแบบลอยองค์ แม่นางกวักแบบที่ทำด้วยงาช้างนั้น ที่มีราคาแพงๆและหายากมากๆ จะเป็นแบบที่แกะด้วยงาช้างกำจัดและงาช้างกำจาย ซึ่งหางาช้างแบบนี้ยากมากๆ
   งาช้างกำจัดหรืองาจำกัด คือ งาช้างที่ช้างลับคมงากับต้นไม้ โดยเอางาแทงต้นไม้ซ้ำๆกัน แล้วปลายงาช้างเกิดหักคาติดต้นไม้ ถือว่าเป็นของอาถรรพ์ชนิดหนึ่ง
   งาช้างกำจายเป็นทำนองเดียวกับงากำจัด แต่เป็นปลายงาช้างที่แทงต้นไม้แล้วปลายงาช้างหักหล่นลงพื้น บางคติก็ว่าเศษงาช้างที่เกิดจากช้างประลองงากันแล้วมีเศษงาหักหล่นลงมา แบบนี้ก็เป็นงากำจายแบบหนึ่ง

ภาพ sihawatchara แม่นางกวักองค์เล็กจิ๋วแะจากงาช้าง

  นอกจากงาช้างแล้ว ยังมีการเอาเขี้ยวสัตว์เขาสัตว์มาแกะเป็นรูปแม่นางกวักอักด้วย ที่เป็นเขี้ยวก็มี เขี้ยวเสอ เขี้ยวหมี เขี้ยวหมูป่า เขี้ยวหรือฟันจระเข้ ส่วนที่เป็นเขาสัตว์เท่าที่พบจะนิยมใช้เขากวางหล่นและเขาควายเผือก เขากวางหล่นคือเขากวางนี่แหละ ที่เรียกเขากวางหล่นเคยได้ยินมา 4 คติ คือ
  1. เขากวางที่มีอายุมาก แก่ชราเสียจนเขาหลุดออกมาเอง
  2. เขากวางตัวที่แก่ตายไปเอง แล
  3. เขากวางที่กวางขวิดกันจนมีส่วนของเขาแตกหักหล่นลงมา 
  4. เขากวางส่วนที่หักตอนกวางลับเขากับต้นไม้ บางท่านว่ามีลับเขากับโขดหินด้วย
   ยังมีรูปแม่นางกวักที่ใช้วัสดุจากช้างมาทำอีกแบบหนึ่ง แบบนี้มีน้อยกว่าแบบงาช้างมาก เพราะจะเป็นแม่นางกวักที่ทำจากปลายงวงช้าง รูปแม่นางกวักแบบนี้ถ้าเป็นของเก่าจะสังเกตได้ยาก เพราะร่องรอยรูปแม่นางกวักจะเลือนๆไปได้ง่าย แบบนี้ใช้ปลายงวงช้างตรงที่เป็นจะงอย เอามาตากแล้วตอกลายให้เป็นรูปแม่นางกวัก รูปแม่นางกวักแบบจะงอยงวงช้างนี้จะสูญหายไปได้ง่าย เพราะพอนานไปก็จะแห้งและผิดรูป พอตกทอดถึงรุ่นลูกหลานแล้วบางทีดูไม่ออกว่าเป็นอะไร นึกว่าเป้นเศษหนังอะไรแห้งๆเลยทิ้งขว้างไป

ภาพ sihawatchara แม่นางกวักองค์เล็กจิ๋วแะจากงาช้าง
   นอกจากนี้ยังมีรูปแม่นางกวักที่แกะจากเขี้ยวสัตว์เขาสัตว์ แม่นางกวักแบบที่เป็นเขี้ยวเสือนั้น แรกๆก็แปลกใจว่าเขี้ยวเสือนี้มันเน้นทางบู๊มหาอำนาจมากกว่า แล้วทำไมจึงเอามาทำเป็นแม่นางกวัก แต่เรื่องเขี้ยวเสือดุๆนี้หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ยท่านเคยบอกศิษย์ว่า เสือนั้นถึงจะดุน่ากลัวน่าเกรงขาม แต่ใครๆก็อยากเห็นเสือด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นเสือจึงมีมหานิยมรวมอยู่ด้วย
   ถ้าเป็นรูปแม่นางกวักที่แกะจากเขาสัตว์ เคยพบมาทั้ง เขากระทิง เขาควายเผือก เขากวาง แต่แม่นางกวักที่แกะจากงาช้างจะพบมากที่สุด สาเหตุก็ง่ายๆแบบกำปั้นทุบดินคือ งาช้างใหญ่กว่าอย่างเทียบไม่ได้ จึงนำงาช้างมาใช้เป็นวัสดุแกะเป็นแม่นางกวัก แค่เศษงาช้างก็แกะรูปแม่นางกวักได้ตั้งมากแล้ว
   ถ้าเป็นเขาสัตว์จะนิยมเขาสัตว์ในสองลักษณะ คือเขาสัตว์แบบที่สัตว์ตัวนั้นโดนฟ้าผ่า เช่น เขาควายเผือกที่โดนฟ้าผ่าตาย และเขาสัตว์แบบที่สัตว์ตัวนั้นตายเองตามอายุขัย เช่นเขากวางหล่น คือ กวางแก่มากจนใกล้ตายแล้วเขากวางหลุดออกมาเอง หรือตายแล้วเขากวางถึงหลุด

ภาพ sihawatchara แม่นางกวักองค์เล็กจิ๋วแะจากงาช้าง
ข้าพเจ้าเคยเอาโคนเขากวางที่เรียกว่าเขากวางหล่นไปจ้างช่างแกะรูปแม่นางกวัก ไปๆมาๆช่างเห็นว่าเป็นเขากวางหล่นของจริง เลยทำเฉไฉไม่ส่งมอบงาน สุดท้ายก็เบี้ยวไม่ยอมคืนเขากวางให้
   เรื่องที่นิยมใช้พวกเขี้ยว งา เขาสัตว์ นำมาแกะเป็นรูปแม่นางกวักนั้น บางคติก็ว่าเพื่อจะเน้นอาถรรพ์ทางด้านคุ้มครองป้องกันให้มากขึ้น เพราะวิทยาคมแม่นางกวักเป็นของวิเศษทางเย็นๆ จึงอยากได้อาถรรพ์ทางร้อนๆบู๊ๆเพิ่มเข้าไปอีก ยิ่งถ้าได้เป็นพวกคดหรือของทนสิทธิ์กายสิทธิ์ต่างๆแล้วยิ่งดี แต่จะหาได้ยาก
   วัตถุมงคลแม่นางกวักยังมีแบบที่ทำเป็นผ้ายันต์ มีทั้งขนาดเล็กๆ ขนาดเท่าผ้าเช็ดหน้า และขนาดใหญ่แบบแขวนบูชา รูปยันต์แม่นางกวักมีหลายแบบ บางตำราให้เอาผ้าแช่น้ำว่านแล้วตากให้ผ้าแห้งก่อน จากนั้นค่อยลงยันต์แม่นางกวัก บางตำราก็ให้เอาผ้าในงานมงคลมาทำเป็นผ้ายันต์แม่นางกวัก

ผ้ายันต์แม่นางกวักของหลวงพ่อแช่มวัดดอนยายหอม 

   แม่นางกวักแบบที่นิยมกันมากในสมัยก่อนอีกแบบหนึ่ง ก็คือแม่นางกวักองค์เล็กๆที่ใส่ไว้ในตลับสีผึ้ง ซึ่งมีทั้งที่ใส่แม่นางกวักเอาไว้อย่างเดียว กับแบบที่มีวัตถุมงคลอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย แม่นางกวักแบบนี้ไม่ค่อยพบใครสร้างในสมัยนี้ เพราะเลิกใช้สีผึ้งสีปากกันเสียแล้ว

ภาพ sihawatchara ตลับสีผึ้งหลวงพ่อเต๋วัดสามง่าม

   คุณวิเศษของวัตถุมงคลเครื่องรางแม่นางกวักนั้น เริ่มแรกเลยไม่ต้องไปดูไปพิสูจน์อะไรให้ไกล แค่เอารูปแม่นางกวักให้ใครที่ไหนดูก็ได้ ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้จักแม่นางกวัก รับรองได้เลยว่าถ้าถามว่าวัตถุมงคลชิ้นนี้น่าที่จะดีทางด้านไหน รับรองได้ว่าจะไม่มีใครบอกว่าเป็นของคงกระพันหนังเหนียว มีแต่ที่ทุกๆคนที่เห็นวัตถุมงคลแม่นางกวัก ต่างจะต้องบอกว่าต้องดีทางเมตตามหานิยมมหาโชคลาภด้วยกันทั้งนั้น

ภาพ sihawatchara เหรียญแม่นางกวักหลวงพ่อเต๋วัดสามง่าม

   อานุภาพที่เป็นมหานิยมมหาวิเศษสุดๆคือ มีอำนาจจูงจิตผู้คนให้นิยมให้เข้ามาหานำลาภมาให้ เรื่องนี้สังเกตง่ายๆจากร้านอาหารร้านขายของที่อยู่ใกล้ๆกัน มักจะเห็นว่ามีคนเข้าร้านหนึ่งแน่น แต่ร้านข้างๆกลับเงียบเหงา พอสังเกตดูดีๆจะเห็นว่าร้านที่มีรูปแม่นางกวักตั้งบูชานั้น จะเป็นร้านที่มีคนเข้ามากกว่า แต่ถ้ามีแม่นางกวักทั้งสองร้าน แบบนี้ต้องว่าแม่นางกวักของใครแรงกว่ากันแล้ว

ภาพจากหนังสือลานโพธิ์ ยันต์แม่นางกวัก

   ข้าพเจ้าเองมักจะสังเกตเรื่องร้านค้าร้านอาหารอยู่บ่อยๆ เคยพบกับความแปลกใจอยู่บ่อยครั้งว่า ร้านที่เรามานั่งรับประทานอาหารหรือซื้อของนี้ ร้านก็ไม่ได้ดูดีสักเท่าไร อาหารก็ธรรมดาๆ แม่ค้าไม่สวยแถมยังแก่อีกต่างหาก แต่คนเข้าร้านกันเยอะ พอดูดีๆจะเห็นรูปแม่นางกวักตั้งบูชาไว้ และรูปแม่นางกวักก็จะดูมีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด
   หลายๆครั้งเห็นคนยืนพิจารณาหน้าร้านที่ดูดี โดยที่ทั้งสองร้านมีฝีมือพอๆกันร้านหนึ่งมีแม่ค้าสวยและโชว์เนินอกอันอวบอิ่มขาวผ่อง ไปๆมาๆพอจะเข้าไปซื้อของหรือรับประทานอาหาร ดันเปลี่ยนใจไปเข้าร้านป้าแก่ๆเหี่ยวๆ แต่ป้ามีแม่นางกวักตั้งบูชา แบบนี้ไม่เรียกว่าร้านคุณป้ามีมหานิยมมหาลาภแม่นางกวัก ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว


   คุณวิเศษของแม่นางกวักนอกจากจะดีทางเมตตามหานิยมมหาเสน่ห์มหาโชคมหาลาภ ยังมีคุณวิเศษทางคุ้มครองป้องกันภัยด้วย แต่ไม่ได้แสดงผลทางด้านปะทะกันตรงๆแบบอยู่ยงคงกระพันโดยตรงนัก มักจะแสดงผลทางด้านแคล้วคลาดเตือนภัยมากกว่า หรือไปไหนมาไหนปลอดภัย เช่นจะเข้าร้านนี้แล้วเปลี่ยนใจไปเข้าร้านอื่น แล้วปรากฏว่าร้านที่ตอนแรกจะเข้าแล้วไม่ได้เข้า เกิดมีคนทะเลาะยกพวกตีกัน
   ผู้ที่บูชาแม่นางกวักหลายๆคนเคยมีประสบการณ์แม่นางกวักเตือนภัย เช่น นอนหลับแล้วรู้สึกเหมือนมีเสียงผู้หญิงมาเรียกให้ตื่น แล้วรู้สึกว่าต้องเดินไปดูที่ห้องนั่งเล่น ปรากฏว่าพอไปดูก็พบว่าได้กลิ่นเหม็นไหม้ พอค้นดูก็พบว่าปลั๊กไฟกำลังสปาร์ค
ภาพ sihawatchara เหรียญแม่นางกวัก

   หลายท่านรู้สึกคล้ายๆเห็นผู้หญิงแต่งตัวแบบโบราณ และเหมือนดลใจให้ไปดูตรงที่จอดรถ ปรากฏว่ามีคนวิ่งหนีไป คือกำลังจะโดนขโมยรถนั่นเอง และในรถมีแม่นางกวักเก็บไว้
   หลายๆท่านเจอแม่นางกวักแผ่บารมีมาเรียกให้เข้าร้านเอาดื้อๆ แบบนี้สังเกตได้ง่ายๆตรงที่ ขณะกำลังตัดสินใจว่าจะเข้าร้านนี้ดีไหม พอมองเห็นรูปแม่นางกวักท่านนั่งยิ้มกวักมืออยู่บนหิ้งพระเท่านั้น ก็เดินเข้าร้านไปอย่างง่ายๆ
   ข้าพเจ้าผู้เขียนนี้เคยเจอคุณวิเศษทางเตือนภัยของแม่นางกวักด้วยเหมือนกัน คือ นอนเล่นอ่านหนังสือไปเพลินๆแล้วเผลอหลับไป แต่แล้วอยู่ๆก็กอดอกไปโดนรูปแม่นางกวักที่เลี่ยมแล้วเหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อ ใจที่เคลิ้มๆจะหลับลึกก็นึกประหวัดไปถึงแม่นางกวักตรงกระเป๋าเสื้อ แล้วสะดุ้งตื่นลุกเดินไปในครัว ปรากฎว่าข้าพเจ้าลืมไปว่าได้อุ่นอาหารบนเตาแก๊สทิ้งไว้ ก๋วยเตี๋ยวน้ำกลายเป็นแห้งสนิทกำลังไหม้ และที่หัวเตาอีกหัวหนึ่ง(เตาแก๊สแบบสี่หัวเตา) มีผ้าขนหนูที่ลืมหยิบออกจากหูกาต้มน้ำ ผ้าผืนนี้หล่นอยู่บนหัวเตาที่ติดกับเตาที่กำลังจะไหม้ จึงแก้ไขเหตุอันตรายได้ทัน ตอนนั้นทั้งเนื้อทั้งตัวมีพระเครื่องแม่นางกวักติดกระเป๋าเสื้อเพียงองค์เดียว เพราะถอดสร้อยพระออกไปแขวนไว้แล้ว

sihawatchara แม่นางกวักของหลวงพ่อพรหมวัดขนอนเหนือ

   แม่นางกวักทุกแบบมีคุณวิเศษทางด้านมหาโชคมหาลาภมหาเสน่ห์เด่นล้ำมาก เป็นวัตถุมงคลที่เป็นรูปเทพธิดาสวยงามอ่อนหวาน มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร คือ แม่นางกวักจะต้องยกมือขึ้นกวักอยู่ข้างหนึ่งเสมอ วัตถุมงคลแม่นางกวักเป็นวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังในรูปแบบสตรีเพศ ซึ่งวัตถุมงคลในรูปแบบผู้หญิงนี้มีเพียงไม่กี่อย่าง แต่แม่นางกวักได้รับความสำคัญอยู่ในระดับต้นๆของสุวรรณภูมิ โดยแม่นางกวักนี้เป็นที่เล่าขานกันว่าดีทางมหาโชคมหาลาภมหานิยมชั้นสุดยอดแบบหนึ่ง
   อนึ่งแม่นางกวักนับเป็นเทพธิดา เทพธิดาย่อมรักสวยรักงามรักความสะอาด ดังนั้นอย่าทำให้แม่นางกวักสกปรกอย่างเด็ดขาด อิทธิฤทธิ์คุณวิเศษของแม่นางกวักนี้ช่วยให้ผู้คนตั้งตัวได้มาเหลือคนานับแล้ว
เหรียญแม่นางกวักวัดมหาธาตุ จ.พิษณุโลก

   วันเวลาผ่านไปตำรับแม่นางกวักแบบดั้งเดิมก็ค่อยๆสูญหายไปเรื่อยๆ ทั้งยังมีคติใหม่ๆแหวกแนวผสมเข้ามาอีก ข้าพเจ้าตกใจเป็นอันมากที่เห็นวัตถุมงคลรูปแม่นางกวักในยุคใหม่ ที่ทำเป็นรูปแบบให้ต่างไปจากแม่นางกวักสมัยโบราณ คือสมัยโบราณท่านว่า แม่นางกวักเป็นเทพธิดาที่แสนสวย มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นงดงามน่ารักน่าลุ่มหลง แต่คติสมัยใหม่มีการดีไซน์ทำรูปแม่นางกวักให้ท่านอ้วนตุ๊ยนุ๊ยแบบไม่รู้จักความผอม โดยให้ความหมายแบบใหม่ว่าอุดมสมบูรณ์จนตัวอ้วนกลม บางทีก็ทำเป็นรูปกวักมือที่เดียวสองมือ บางทีก็ยกมือขึ้นกวักแบบสูงปรี๊ดเหมือนจะโหนบาร์เดียวยิมนาสติก ก็ไม่ทราบว่าเป็นไปแบบนี้ได้อย่างไร
    ถ้าไม่มีวัตถุมงคลแม่นางกวัก โบราณจารย์ท่านว่า ให้ใช้มนต์แม่นางกวักเสกน้ำเป็นน้ำมนต์ แล้วประพรมหน้าร้าน หรือภาวนามนต์แม่นางกวัก แล้วไปติดต่อค้าขายเจรจา จะมีมหาโชคมหาลาภมหาเสน่ห์ดีนัก ตำรับแม่นางกวักนี้ช่วยให้คนธรรมดาๆกลายเป็นเศรษฐีมามากแล้ว

มนต์แม่นางกวัก

     โอม มหาสิทธิโชคอันอุดม โอม ปู่เจ้าเขาเขียว มีลูกสาวคนเดียว ชื่อว่านางกวัก หญิงเห็นหญิงรัก ชายเห็นชายหลง ฝูงคนรู้จัก คนรักทั้งตำบล คนรักทุกถ้วนหน้า
     โอม พวกพานิชโชพานิชชา พากูไปค้าเมืองแมน กูค้าหัวแหวน ก็ได้แสนทะนาน กูค้าสารพัดการ ก็ได้กำไลคล่องๆ กูจะค้าเงิน ก็ได้เต็มกอง กูจะค้าทอง ทองก็ได้เต็มหาบมาวันนี้ สารพัดกูจะได้เต็มหาบมาเรือน สามเดือนเลื่อนเป็นเศรษฐี สามปีกูจะค้าเรือสำเภา โอม ปู่เจ้าเขาเขียว ประสิทธิให้แก่กูคนเดียว สวาหะ


Reading for foreigners

Some spells chapter of Nang Kwak
Nang Kwak's Spell  (lucky , fortune)
Om maha sittichok un ou dom , Om phu chao khao kew ,
me luk saow khon dew , chue wan ang kwak ,
ying hen ying ruk , chai hen chai long .
fung khon ru jak , khon ruk tung thambon ,
kon ruk took tuan na ,
Om phuaw phanitchao phanitcha ,
pha gu pai kha muagman , gu kha hua van ,
kho dai sann tha nan , gu kha sa ra phat kan ,
kho dai gum rai klong klong ,
Gu ja kha nguen kho dai tem gong ,
Gu ja kha tong ,
tong kho dai tem hab ma wan nee ,
sa ra phat gu ja da item hab ma ruen ,
sam duen luen phen srettee ,
sam phee gu ja kha rue sampow ,
Om phu chao khao kew ,

prasitti hai gae gu khon diaw , swaha

เรื่องและภาพเป็นของข้าพเจ้าเอง อนุญาตให้ใช้ได้ตามสบาย


วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เที่ยว ๑๐..ตลาดน้ำอโยธยา



ตลาดน้ำอโยธยา
Ayothaya floating market


  สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยนั้น มีหลายแห่งที่ทำเป็นแบบย้อนยุค คือสร้างเลียนแบบของในสมัยก่อน คล้ายๆกับว่าหวนระลึกถึงอดีตอันประทับใจ โดยมากจะเป็นอารมณ์ประมาณตลาดนัดสมัยเก่า หรือตลาดแบบงานวัด ที่มีของกินของเล่นขาย เดินกินขนมเดินซื้อของกันได้เพลินๆ

   ใกล้ๆกรุงเทพฯที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นี้เอง มีตลาดย้อนยุคที่สร้างขึ้นมาใหม่ โดยทำเป็นทำนองตลาดน้ำ มีบริเวณกว้างขวางไม่น้อย นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยว จ.อยุธยานิยมแวะไปเที่ยวชมที่นี่กันมากขึ้นเรื่อยๆ สถานที่แห่งนี้ก็คือ ตลาดน้ำอโยธยา

   ตลาดน้ำอโยธยาความจริงแล้วไม่ใช่ตลาดน้ำโดยธรรมชาติ แต่เป็นการสร้างเลียนแบบตลาดน้ำขึ้นมาใหม่ ซึ่งต้องนับว่าทำได้ดีมาก ได้บรรยากาศสมัยเก่าอยู่ไม่น้อย คนที่มีอายุเลยสี่สิบขึ้นไปจะรู้สึกว่า ได้ย้อนเวลากลับไปยังอดีต ครั้งที่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาวหรือหลายๆคนยังเป็นเด็กเลยด้วยซ้ำ


   การเดินทางไปเที่ยวที่ตลาดน้ำอโยธยาก็ไปกลับได้สะดวกมาก แค่เดินทางออกจากกรุงเทพมหานครแล้วเข้าตัวเมืองของ จ.พระนครศรีอยุธยา ไปเพียงนิดเดียวก็ถึงแล้ว 

ภาพจากgoogle map ตลาดน้ำอโยธยา มองจากมุมสูง

การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว

1.ไปทางเส้นทางถนนพหลโยธิน(ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1) จนเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายเอเชีย ซึ่งจริงๆแล้วก็คือถ.พหลโยธินเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ถนนช่วงนี้ที่ขึ้นไปทางภาคเหนือเราคุ้นชื่อว่าถนนสายเอเชียมากกว่า ให้ตรงไปตามถนนสายเอเชีย ถนนตอนนี้จะกลายเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 ตรงไปเรื่อยๆจนถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้า จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เลี้ยวเข้าไปตามทางจะเป็นถ.โรจนะ(ถนนสาย 309) เป็นถนนสายหลักที่ตรงเข้าตัวเมืองอยุธยา

ภาพจากgoogle map ถนนสายเอเชียช่วงจะเลี้ยวเข้าอยุธยา

เลี้ยวเข้ามาเป็น ถ.โรจนะ

    จากถ.โรจนะให้ตรงไปเรื่อยๆจนถึงสี่แยกที่ 1 เรียกว่าแยกวัดพระญาติ ให้มุ่งตรงต่อไปจนถึงสี่แยกที่ 2 ตรงสี่แยกนี้จะเป็นวงเวียนมีเจดีย์อยู่ตรงกลาง ตรงนี้เรียกว่าแยกเจดีย์วัดสามปลื้ม ให้เลี้ยวอ้อมวงเวียนเจดีย์ไปเข้าถนนด้านขวามือ คือ ถ.เทศบาลเมืองอโยธยา
สี่แยกแรก แยกวัดพระญาติ

สี่แยกที่ 2 แยกวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม

มุ่งตรงไปเรื่อยๆจนสังเกตเห็นเสาไฟสองข้างทางที่ตรงยอดเป็นช้างสามเศียร ให้คอยสังเกตด้านขวามือ ในที่สุดก็จะเห็นซุ้มทางเข้าของตลาดน้ำอโยธยา ให้เลี้ยวขวาเข้าไปได้เลย พอเข้าไปจนเริ่มเห็นป้ายบอกสถานที่จอดรถก็แสดงว่าใกล้ถึงแล้ว เราจะจอดรถเลยก็ได้แต่เดินไกลหน่อย ถ้าตรงเข้าไปอีกก็ยังมีที่จอดรถเป็นระยะๆมีป้ายบอกชัดเจน จนสุดท้ายก็จะถึงที่จอดรถหน้าทางเข้าตลาดน้ำอโยธยาอยู่ทางฝั่งขวามือ ฝั่งซ้ายมือตรงกันข้ามจะเป็นหมู่บ้านช้างอโยธยา

ถ.เทศบาลฯ จะเห็นเสาช้างสามเศียร

ซุ้มทางเข้าตลาดน้ำอโยธยา

ใช้เรือทำเป็นป้ายตลาดน้ำอโยธยา

ที่จอดรถตรงทางเข้า
ตรงข้ามที่จอดรถเป็นหมู่บ้านช้าง

2.ถ้ามาทางฝั่งธนบุรีแล้วไม่ยากใช้เส้นทาง ถ.พหลโยธิน(เพราะรถติดมาก) ให้ใช้เส้นทางสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก(ทางหลวงหมายเลข 9 หรือ ถ.กาญจนาภิเษก) ตรงไปจนสุดทางจะไปออกที่หัวถนนสายเอเชีย แล้วไปตามเส้นทางข้อ 1 ก็จะถึงตลาดน้ำอโยธยา

   ถ้าไม่อยากเข้าถนนสายเอเชีย ก็ให้สังเกตป้ายบอกทางแยกไป อ.บางปะหัน ซึ่งจะแยกออกไปทางซ้ายมือ จุดที่จะต้องเลี้ยวซ้ายอยู่ตรงสะพานลอยรถพอดี ตรงจุดที่จะต้องเลี้ยวซ้ายนี้ก็แปลกประหลาด คือ ป้ายบอกให้ชิดซ้ายเพื่อเตรียมเลี้ยวนั้น ดันอยู่เลยทางเบี่ยงที่จะเข้าด้านซ้ายของถนน ดังนั้นโอกาสที่จะเลยจุดเลี้ยวซ้ายจึงมีสูงถึง 99.99 เปอร์เซ็นต์

ป้ายบอกเส้นทางไป อ.บางปะหัน

พอเลยมาจะเห็นป้ายบอกทางแยกไปบางปะหัน ซึ่งเลยทางเบี่ยงเข้ามาแล้ว

   ถ้าโชคดีเลี้ยวซ้ายได้ ก็จะเข้าถนนหมายเลข 347 ให้ตรงไปจนถึงสี่แยกใหญ่เรียกว่าแยกวรเชษฐ์ จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าทางด้านหลังของตัวเมือง จะข้ามสะพาน แต่ตรงนี้เข้าถึงเกาะอยุธยาโดยตรง พอข้ามสะพานกษัตราธิราชแล้วตรงตีนสะพานเป็นสี่แยกพอดี จะเลี้ยวขวาเลี้ยวซ้ายหรือตรงไปได้ทั้งหมด ถึงไปผิดทางก็จะวนไปจนเจอ ถ.โรจนะเอง เพราะถนนเลี้ยวซ้ายหรือขวาตรงนี้ ก็เป็นถนนรอบเกาะอยุธยาเส้นเดียวกัน ถ้าจะให้ไปง่ายๆให้เลี้ยวขวาจะดีกว่า

สี่แยกวรเชษฐ์

สี่แยกตีนสะพานกษัตราธิราช

   เลี้ยวขวาที่แยกตีนสะพาน ตรงไปจนถึงโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาจะเจอสามแยก ที่สามแยกนี้จะตรงไปหรือเลี้ยวซ้ายก็ได้ แต่เลี้ยวซ้ายถนนจะใหญ่กว่า คือ ถ.ศรีสรรเพชญ์ ถ้าตรงไปเป็นถนนเล็กๆ ซึ่งก็คือถนนเส้นรอบเกาะนั่นเอง(ถ.อู่ทอง) ถ้าเลี้ยวซ้ายจะสะดวกกว่า เลี้ยวซ้ายไปนิดเดียวจะเจอสามแยกใหญ่ คือ ถ.โรจนะนั่นเอง ให้เลี้ยวขวาเข้า ถ.โรจนะแล้วตรงไปเรื่อยๆ จะเจอสี่แยกวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม แล้วเลี้ยวซ้ายไปจนถึงซุ้มทางเข้าตลาดน้ำอโยธยา

สามแยก ร.พ.พระนครศรีอยุธยา

สามแยก ถ.โรจนะ

เลี้ยวขวาเข้า ถ.โรจนะ ตรงไปจนเจอวงเวียนเจดีย์

   เส้นทางที่ 2 นี้อาจดูอ้อมๆสักหน่อย แต่ก็มีความสะดวกตรงที่รถไม่เยอะจนน่ากลัวเหมือนถนนสายเอเชีย

3.มาจากฝั่งธนบุรีใช้ตามเส้นทางตามข้อ 2 แต่ไม่เลี้ยวเข้าสายที่ไปบางปะหัน ให้วิ่งไปตามถ.วงแหวนจนไปออกที่หัวถนนสายเอเชีย แล้วไปตามเส้นทางของข้อ 1

จะไปตามถนนแบบนี้จนไปออกถนนสายเอเชีย

3.มาจากฝั่งธนบุรีใช้ตามเส้นทางตามข้อ 2 แต่ไม่เลี้ยวเข้าสายที่ไปบางปะหัน ให้วิ่งไปตามถ.วงแหวนจนไปออกที่หัวถนนสายเอเชีย แล้วไปตามเส้นทางของข้อ 1

รถประจำทาง

   ง่ายที่สุดก็คือขึ้นรถ บ.ข.ส.ที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ให้ดูสายที่เข้าไปจอดที่ท่า บ.ข.ส.อยุธยา แล้วต่อมอเตอร์ไซด์หรือมีรถสองแถววิ่งผ่านตลาดน้ำ

   ความจริงแล้วเราสามารถใช้รถเมล์ได้ โดยนั่งรถเมล์ต่อๆกันเป็นทอดๆ แต่วิธีนี้ไม่สะดวก เช่น ขึ้นรถเมล์สายที่ไปรังสิต แล้วต่อรถไปประตูน้ำพระอินทร์ ต่อรถไปเข้าอยุธยา

รถตู้

  มีที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 และมีแถวถ.ปิ่นเกล้าด้วย แต่การเดินทางโดยรถตู้นั้น ต้องมีผู้โดยสารเต็มรถถึงจะออก ถ้ามาถึงหมอชิต 2 แล้ว ลองดูรถ บ.ข.ส.ที่ใกล้เวลาออกก็ได้ เพราะรถ บ.ข.ส.จะออกตามเวลา

   ถ้าขึ้นรถตู้ที่แถวปิ่นเกล้าหรือถ.บรมราชชนนี จะไปลงสุดทางที่ตลาดเจ้าพรหม ถึงแล้วเดินเที่ยวตลาดก่อนก็ได้ แล้วค่อยเรียกมอเตอร์ไซด์ไปส่งที่ตลาดน้ำอโยธยา ตลาดเจ้าพรหมอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำอโยธยา ความจริงแล้วตำแหน่งจะขนานตรงกันแทบจะตรงเป๊ะ แค่อยู่ลึกไปคนละฝั่งแม่น้ำ

รถไฟ

   การเดินทางโดยรถไฟจะช้ากว่ารถยนต์สักหน่อย แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลที่รถติดสุดๆแล้ว รถไฟจะกลายเป็นเร็วกว่าเยอะ ให้ไปขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพง เลือกดูเที่ยวรถไฟและราคาให้ดี เพราะซื้อตั๋วรถไฟผิดจะแพงเกินไป ปกติจะซื้อตั๋วชั้นสาม

   ลงรถไฟที่สถานีรถไฟอยุธยา และต่อมอเตอร์ไซด์ไปตลาดน้ำ ถ้าไปกันหลายคนก็เหมารถไปได้ ราคาประมาณ 100 บาท อาจบวกลบบ้างตามแต่จะเจอโชเฟอร์ใจดีหรือใจร้าย


ภาพจากgoogle map ทางเข้าตลาดน้ำอโยธยา จอดรถได้สะดวก

เมื่อมาถึงตลาดน้ำอโยธยาแล้ว ก็เริ่มเที่ยวกันได้เลย จะแวะเที่ยวที่หมู่บ้านช้างก่อนก็ได้ มีบริการขี่ช้างคนละ 100 บาท ใช้เวลาขี่ช้างรอบหนึ่งราวๆ 20 นาที 

   ทางเข้าตลาดน้ำอโยธยามีหลายจุด สุดแต่ว่าจะจอดรถทางด้านไหน


หมู่บ้านช้างอโยธยาอยู้ตรงข้ามที่จอดรถ


   ถ้าจอดรถทางจุดจอดรถจุดแรกๆ จะไม่เห็นหมู่บ้านช้าง จะเจอร้านขายสินค้ากันตั้งแต่บริเวณที่จอดรถกันเลย เข้าไปแล้วจะเห็นมีพระพุทธรูป มีร้านขายของอยู่รอบๆ หลายๆคนแวะรับประทานไอศกรีมกะทิกันก่อน พวกขนมต่างๆก็มีขายกันตั้งแต่จุดนี้แล้ว


ภาพsihawatchara ร้านกระหรี่ปั๊มฝั่งที่จอดรถจุดแรกๆ

ภาพsihawatchara กระหรี่ปั๊มมีไส้หลายอย่าง


   ตลาดน้ำอโยธยาจะเป็นตลาดที่มีร้านค้าเรียงรายกันไปรอบๆสระที่ขุดไว้ สระน้ำนี้มีขนาดใหญ่ไม่น้อย ขนาดว่าเดินครบรอบก็เล่นเอาเหนื่อยไปบ้างเหมือนกัน ในส่วนของร้านค้าต่างๆจะแบ่งกันเป็นโซนๆไป โดยใช้ชื่อเป็นอำเภอต่างๆของ จ.พระนครศรีอยุธยา เชื่อว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่คุ้นเคยกับชื่อของบางอำเภอว่าอยู่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา

   การเดินเที่ยวชมในตลาดน้ำอโยธยาไม่ต้องกลัวว่าจะหาจุดที่เราเข้ามาไม่เจอ เพราะเป็นการเดินวนรอบสระหรือบึงที่ขุดไว้ เราเดินเที่ยวดูของซื้อของเลาะไปตามขอบสระ แค่เดินผ่านร้านค้าตรงไปเรื่อยๆ ก็จะวนกลับมาถึงจุดเริ่มต้น

   ถ้าเราจอดรถตรงจุดที่ตรงข้ามกับหมู่บ้านช้าง ซึ่งนับเป็นทางเข้าใหญ่ของตลาดน้ำอโยธยา เราจะเห็นว่าทางด้านขวามือมีส่วนหนึ่งของสระน้ำที่ใครๆต้องนึกว่าเป็นคลอง จะเห็นกำแพงทำแบบกำแพงเมืองโบราณ มีตัวหนังสือบอกไว้ว่า ตลาดน้ำอโยธยา ให้เดินเลาะไปตามสระน้ำก็จะถึงสะพานไม้แบบสะพานข้ามคลองในสมัยก่อน เราจะข้ามสะพานแล้วไปเดินเที่ยวเลยก็ได้ หรือจะยังไม่ข้ามสะพานนี้ แต่เดินตรงเลาะไปตามริมน้ำก็จะเข้าไปในตลาดน้ำอโยธยาได้ พอเดินไปเรื่อยๆในที่สุดก็จะเดินวนมาถึงสะพานไม้ที่เดิมแต่เป็นสะพานฝั่งตรงข้าม ตรงจุดสะพานไม้ตรงนี้ เป็นจุดถ่ายภาพสวยๆ โดยไปถ่ายรูปกับกำแพงตลาดน้ำอโยธยา

ภาพsihawatchara ตลาดน้ำอโยธยา

   ตรงสะพานไม้นี้สามารถแวะถ่ายรูปแบบได้อารมณ์ริมคลอง ถ้าจะให้ได้อารมณ์บ้านริมคลองสุดๆ ก็สามารถใช้บริการเรือที่จะพาไปตามขอบสระ เหมือนเราไปเที่ยวตลาดน้ำ ถ้าไม่สังเกตดีๆแล้วจะไม่รู้ตัวเลยว่าเรานั่งเรือไปตามริมสระน้ำ เพราะการออกแบบของสถานที่นั้นทำเป็นมีเกาะกลางน้ำบังสายตาเราไว้ ดังนั้นพอนั่งเรือเลยเหมือนเราไปเที่ยวตลาดน้ำแบบตลาดริมคลองจริงๆ นอกจากนี้ยังมีเรือพายที่จอดขายสินค้าอยู่เป็นระยะๆ จึงเหมือนเราไปเที่ยวตลาดน้ำแบบดั้งเดิม


ภาพsihawatchara สะพานข้ามคลอง

ภาพsihawatchara เรือเก๋งพาเที่ยวรอบตลาดน้ำอโยธยา

ภาพsihawatchara จุดเริ่มต้นฝั่งสะพานด้านกำแพงจำลอง


 เมื่อเราเริ่มเดินเข้าไปตามทางจะรู้สึกได้เลยว่า เหมือนกับเราย้อนยุคกลับไปสู่ครั้งที่เรายังเป็นเด็ก บรรยากาศเก่าๆของหลายสิบปีก่อนได้หวนกลับมาอีก ทำให้ย้อนระลึกถึงวันวานที่ยังหวานอยู่ หรืออาจเป็นวันวานที่เศร้าสร้อยของบางท่าน แต่มันก็ทำให้เกิดความประทับใจในตลาดน้ำอโยธยาได้ด้วย

ภาพ sihawatchara ทางเดินเข้าตลาดน้ำอโยธยา

sihawatchara บรรยากาศแบบริมคลองสมัยก่อน 
   ระหว่างทางที่เดินเที่ยวไม่ต้องกลัวแดด เพราะเราเดินเที่ยวแบบที่เราเดินเข้าไปในตลาดมีหลังคาคลุมไว้ จึงไม่ต้องเดือดร้อนไปกับแสงแดดหรือสายฝน เว้นไว้แต่ว่าเราไปเที่ยวในวันที่มีอากาศร้อนอบอ้าว อย่างนี้ก็ต้องทนเอาหน่อย เมืองไทยเราอากาศร้อนอยู่แล้ว


ภาพsihawatchara เดินเที่ยวได้ไม่ต้องกลัวแดด
ภาพsihawatchara ตลาดสมัยก่อนชัดๆ
    
   ตามทางที่เดินไปจะมีมุมที่จัดให้ถ่ายรูปเป็นระยะๆ จะมีของสมัยเก่าตั้งเอาไว้ให้เราถ่ายรูปคู่ด้วย ของที่จักตั้งไว้นั้นหลายๆอย่างไม่ได้เห็นมานานแล้ว บางอย่างก็ลืมไปแล้วด้วย นับว่าช่วยย้อนทวนความทรงจำได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีต้นไม้สวยๆกระจุ๋มกระจิ๋มจัดไว้ตามจุดต่างๆ น่าเสียดายที่ไม่ได้บอกไว้ว่าเป็นต้นอะไรบ้าง

ภาพsihawatchara ไม่สังเกตจะไม่รู้ว่าเป็นสระที่ขุดใหม่

ภาพsihawatchara เรือนไทยกลางน้ำ

    ภาพsihawatchar aบรรยายกาศบ้านริมคลอง

ภาพsihawatchara เกวียนขนาดเล็ก

ภาพsihawatchara ตุ๊กๆสองแถวสมัยก่อน

 ภาพsihawatcharaเวสป้าก็มี

ภาพsihawatchara มอเตอร์ไซด์รุ่นเก๋า

 ภาพsihawatcharaต้นไม้ออกดอกสวยๆ ไม่ทราบว่าต้นอะไร

   ในขณะที่เดินดูตลาดนั้น อาจได้ยินเสียงดังตูมๆเหมือนเสียงระเบิด นั่นหมายความว่าขณะนั้นมีเรือรบจำลองสมัยอยุธยากำลังยิงปืนใหญ่ประจำเรือ โดยมีทหารอยุธยาโบราณล่องเรือมาให้เห็น 


ภาพsihawatchara เรือปืนโบราณจำลองมาแสดง

   ร้านค้าต่างๆในตลาดจะเป็นเหมือนห้องแถวไม้ที่เรียงรายต่อๆกันไป มีของกินของใช้แบบตลาดสมัยก่อน การจัดแต่งร้านเหมือนสมัยก่อนมาก เช่น ร้านเสื้อผ้าที่แขวนเสื้อผ้าโชว์เรียงกับเป็นตับ แขวนตามข้างฝาตามประตูแบบบ้านๆ ได้อารมณ์ตลาดสมัยก่อนมาก ป้ายชื่อร้านต่างๆทำเหมือนยุคก่อน

หนักไปทางเสื้อผ้าของผู้หญิง

เหมือนร้านขายเสื้อผ้าสมัยก่อน

ของที่ระลึก
 
เสื้อผ้าผู้หญิงเยอะมาก

งานศิลปหัตถกรรม

    เราจะพบร้านขายขนมไทยเป็นระยะๆ หลายๆร้านแสดงวิธีทำขนมให้เราดูกันอย่างชัดๆ ชิมได้ซื้อได้ตามอัธยาศัย สินค้าที่ขายหลายอย่างเป็นของหาซื้อได้ยากในกรุงเทพมหานคร เช่น ขนมไทย ของเล่นโบราณ หรือไอศกรีมที่เป็นไอศกรีมกะทิแบบใช้ถังปั่นด้วยมือ ไอศกรีมกะทิมีขายอยู่หลายเจ้า ล้วนอร่อยหวานมันดีแท้


ภาพsihawatchara ไอศครีมกะทิ ถ้วยเป็นดินเผา

ภาพsihawatchara ของเล่นและของจุกจิก
ภาพsihawatchara ของเล่นโบราณ
ภาพsihawatchara ยืนชิมขนมทำใหม่ๆ

   ของกินแบบสมัยใหม่ก็มีขายเหมือนกัน แต่แฝงตัวแปลงร่างมาอยู่ในร้านที่จัดแบบร้านสมัยก่อน ไม่สังเกตจะไม่ทันเห็นเลยว่าเป็นของรับประทานหรือเครื่องดื่มแบบสมัยใหม่ เช่น ร้านขายไวน์


ภาพsihawatchara เรือขายกาแฟโบราณ
ภาพsihawatchara ความเชื่อเรื่องแม่ย่านางเรือยังมีอยู่

ภาพsihawatchara ขนมครก

ภาพsihawatchara กับแกล้ม
ภาพsihawatcharaร้านขายไวน์

   ถ้าเดินเที่ยวจนเมื่อย ก็มีร้านนวดกดจุดนวดฝ่าเท้าเปิดบริการอยู่หลายร้าน ถ้าเดินจนหิวก็มีร้านอาหารอยู่มาก มีแม้แต่โรงอาหารที่รองรับ ส่วนมากจะเดินซื้ออาหารและขนมแล้วมานั่งรับประทานกันที่นี่ สำหรับท่านที่ชอบบรรยากาศร้านอาหารเป็นสัดเป็นส่วนก็มีด้วยเช่นกัน หลายๆท่านเดินเที่ยวจนเหนื่อยแล้วมานั่งพักก่อนกลับ มานั่งรับประทานขนมเครื่องดื่ม แล้วค่อยไปเที่ยวต่อในตัวเมืองอยุธยา


ภาพsihawatcharaที่นั่งรับประทานอาหารมีอยู่ทั่วไป

ภาพsihawatcharaซื้อของกินเล่นแล้วมานั่งแถวๆนี้
ภาพsihawatchara โซนร้านนวด

ภาพsihawatchara ห้องโถงแสดงกิจกรรมต่างๆ



   สำหรับห้องน้ำของที่นี่นั้น ต้องเสียค่าบริการเล็กน้อย สถานที่สะอาดสะอ้านดีพอสมควร มีพนักงานเข้ามาทำความสะอาดบ่อยๆ


ภาพsihawatchara ห้องน้ำสะอาด

 ภาพsihawatcharaค่าบริการห้องน้ำ 3 บาท

   ตลาดน้ำอโยธยาเปิดทำการทุกวัน แต่แน่นอนว่าถ้าจะให้มีคนคึกคักเดินกันสนุก ก็ต้องมาเที่ยวในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เที่ยวที่ตลาดน้ำอโยธยาแล้วยังมีเวลาเหลือไปเที่ยวที่อื่นในอยุธยาได้อย่างสบาย

















   ตลาดน้ำอโยธยาเป็นตลาดน้ำจำลองที่ไม่ธรรมดา สามารถนับได้ว่าไม่เสียเวลาเปล่าที่มาเที่ยวที่นี่