วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย.๖ ผีกระสือ

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย
ผีกระสือ
Ghost - Krasue (Head Ghost)

ภาพจากละคร กระสือ




ผีกระสือ
   ผีที่เป็นตำนานในระดับต้นๆของไทยนั้นต้องนับเอาผีกระสือรวมอยู่ด้วย แต่ผีกระสือในความเข้าใจของคนยุคปัจจุบันนั้น ความจริงแล้วผิดเพี้ยนไปจากผีกระสือดั้งเดิมมาก ผิดไปขนาดว่าถ้าผีกระสือยุคเก่ามาเห็นผีกระสือยุคนี้ ผีกระสือยุคเก่าคงต้องงงว่านี่มันผีอะไรวะ ผีกระสือระดับบรรพบุรุษของผีกระสือยุคนี้ ถ้าได้โคจรมาเจอกันเข้า ผีกระสือโบราณคงต้องอึ้งทึ่งตะลึงไปกับผีกระสือยุคใหม่ อาจขำกลิ้งหรือวิ่งหนีป่าราบ


ตำนานผีกระสือยุคใหม่ซึ่งความจริงในสมัยนี้ก็ไม่ใหม่แล้ว เพราะเรื่องมันผ่านมาก็ร่วมๆจะ ๕๐ ปีเข้าไปแล้ว ตำนานผีกระสือดังกล่าวนี้ทำให้คนไทยเราเชื่อว่า ผีกระสือเป็นผีผู้หญิง รูปร่างก็ดูแปลกประหลาดดูน่ากลัวสยองน่าตกอกตกใจ เพราะมีแต่หัวกับกระเพาะลำไส้ นับว่าเป็นผีที่มีรูปร่างน่ากลัวแบบครึ่งๆกลางๆไม่ครบตัว ไม่ต้องเน่าเฟะอะไรเลย แค่มีหัวกับเครื่องในแค่นี้ไม่ต้องทำอะไรก็สยองขวัญมากแล้ว

เชื่อกันว่า ผีกระสือนี้ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์เป็นผีกระสือได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพราะข้อนี้สิทธิสตรีมีสูงกว่าบุรุษ ผู้ชายจะไปเป็นผีกระสือไม่ได้อย่างเด็ดขาด ที่ผู้ชายเป็นได้ก็คือเป็นผีกระหัง ซึ่งเป็นเพื่อนรักของผีกระสือ แต่ผีกระหังนี่ลำบากหน่อยตอนแปลงกาย เพราะกว่าที่จะแปลงกายเป็นผีกระหังได้นั้น ต้องหากระด้งมาทำปีก หาสากตำข้าวเอามาทำเป็นหาง 

กระสือยายสาย ป้า น้ำเงิน บุญหนัก


ภาพ ละครกระสือ

   ตามความเชื่อเรื่องผีกระสือใช้ชั้นหลังนั้น เชื่อว่าผีกระสือเป็นผู้หญิง โดยเป็นผีไปในแบบที่ยังไม่ได้ตายไปจริงๆ แต่จะกลายเป็นผีกระสือได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำนองครึ่งผีครึ่งคน ในตอนกลางวันก็เป็นคนธรรมดาๆ แต่พอถึงเวลากลางคืนก็จะกลายเป็นผีกระสือ วิธีที่กลายเป็นผีกระสือก็คือต้องถอดศีรษะแยกออกมาจากร่าง ตอนที่ถอดศีรษะออกมานั้น จะมีหลอดอาหารติดศีรษะออกมาด้วย ซึ่งจะลากเอากระเพาะอาหารและลำไส้ออกมาด้วย ดังนั้นเวลาผีกระสือจะไปหากิน ก็จะมีหัวกับกระเพาะลำไส้ติดตามไปด้วย น่าสยองยิ่งนัก

      ผีกระสือนั้นเป็นแล้วเป็นเลย ถึงจะแก่สักเท่าไรก็ไม่ตายอย่างเด็ดขาด ถ้าเบื่อความเป็นผีกระสือเกิดอยากตายขึ้นมาก็ยังตายไม่ได้ ถึงร่างที่เป็นมนุษย์จะเจ็บไข้ได้ป่วยหนักเท่าไรก็ไม่มีทางตาย นอกจากจะหาคนมาเป็นผีกระสือแทนตัวเองได้แล้วเท่านั้น จึงจะสามารถตายได้ คือต้องหาคนมาเป็นทายาทกระสือ รับเอาความเป็นผีกระสือของตนเองให้ได้ก่อน เมื่อถ่ายทอดความเป็นผีกระสือให้ทายาทกระสือแล้วถึงจะตายได้

   การถ่ายทอดความเป็นผีกระสือก็ทำได้ง่ายๆคือ ให้ผู้รับเป็นทายาทกระสือกินน้ำลายของผีกระสือ แค่นี้ก็กลายเป็นผีกระสือรับช่วงต่อไปได้ ส่วนผีกระสือตนเดิมก็จะตายไป



ละครกระสือ คุณ รชนีกร พันธุ์มณี

   อาหารของผีกระสือจะเป็นของเหม็นๆคาวๆ เช่นเครื่องใน เลือด ผีกระสือที่ออกมาล่าเหยื่อนั้น จะกินแค่เครื่องในเท่านั้น ส่วนเนื้อดีๆเช่น เนื้อสันใน คอหมูย่าง คากิ หมูกรอบ ทีโบน อย่างนี้ผีกระสือไม่ชอบไม่กิน ผีกระสือจะกินแต่ของคาวๆของเน่าเหม็นเป็นอาหาร ถ้าผีกระสือหาอะไรกินไม่ได้จริงๆแล้ว ก็จะไปแอบกินอุจจาระตามส้วม


   อาหารที่ผีกระสือชอบเป็นที่สุดก็คือรกเด็ก โดยจะแอบไปกินรกของเด็กแรกเกิด พอคนรู้ว่าผีกระสือชอบกินรกเด็กแรกเกิด ก็เลยหาทางป้องกันโดยการเอาเถาวัลย์ประเภทที่มีหนามมาสุม เพื่อป้องกันผีกระสืบแอบเข้ามากินรกเด็ก หรือสุมไม้ที่มีหนามเอาไว้ที่คอกสัตว์ เพื่อป้องกันผีกระสือเข้ามากัดกินสัตว์เลี้ยง เชื่อว่าผีกระสือจะไม่กล้าบุกเข้ามา เพราะจะโดนหนามเกี่ยวลำไส้ให้ติดคากับดัก

กระสือยายสายกำลังถอดหัว
กระสือกำลังถอดหัว กระสือตนนี้สวย

   เมื่อผีกระสือถอดศีรษะออกจากร่างได้แล้ว ก็จะลอยไปแบบมีศีรษะพร้อมมีกระเพาะลำไส้ห้อยโตงเตงไปด้วย โดยจะลอยไปลอยมาพร้อมมีแสงกระพริบคล้ายหิ่งห้อยตัวใหญ่ยักษ์ แสงของกระสือนี้เล่ากันว่ามีทั้งแสงสีแดงสีเขียว จะเห็นลอยกระพริบสูงประมาณไม่เกินยอดไม้





ภาพยนตร์ กระสือสาว ป้าพิศมัย วิไลศักดิ์

   ลีลาการล่าเหยื่อกัดกินเหยื่อของผีกระสือก็น่ากลัวไม่น้อย ผีกระสือจะกัดที่คอให้เลือดไหลจนตาย แล้วจึงกัดที่ท้องให้ท้องแตกฉีกมีลำไส้ไหลออกมา อย่างนี้ก็จะกินเครื่องในได้อย่างง่ายๆและเอร็ดอร่อย แต่ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่เช่นวัวควาย ผีกระสือก็จะกัดที่รูก้น แล้วกระชากลากเอาลำไส้ออกมาทางก้น จากนั้นจึงกิน


   ผีกระสือที่กินอิ่มแล้วก็จะกลับบ้านพร้อมใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบจากซากที่กิน ถ้าผีกระสือลอยผ่านไปทางบ้านที่ตากผ้าทิ้งไว้ ผีกระสือก็จะแวะเข้าไปใช้ผ้าที่ตากนั้นเช็ดปาก พอตอนเช้าเจ้าของบ้านจะมาเก็บผ้า ก็จะเห็นคราบสปรกที่ผ้านั้น ถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นผีกระสือก็ใช้วิธีง่ายๆคือ เอาผ้าที่ผีกระสือเช็ดปากไปต้มในน้ำเดือด ผีกระสือตนนั้นจะร้อนปากจนปากพอง ทำให้สังเกตได้ว่าใครเป็นผีกระสือ

ความจริงแล้วนั้น ผีกระสือในแบบที่มีแต่หัวกับลำไส้ลอยไปลอยมานี้ เป็นเรื่องที่จินตนาการแต่งขึ้นโดยนักเขียนการ์ตูนรุ่นเก่ามากๆท่านหนึ่ง ท่านผู้นี้ใช้นามปากกาว่า ทวี วิษณุกร  นามจริงว่า คุณทวี เย็นฉ่ำ โดยเขียนเป็นการ์ตูนเรื่องยาวชื่อเรื่องว่า กระสือสาว เป็นการ์ตูนฮิตในหนังสือการตูนหนูจ๋า ตัวเอกของเรื่องที่เป็นผีกระสือนั้นมีชื่อว่า บัวคลี่ เป็นคนดีแต่มีกรรมเก่าที่ต้องมาเป็นผีกระสือ การ์ตูนเรื่องกระสือสาวนี้มีอายุเก่าแก่ ไปๆมาๆคนในชั้นหลังเลยคิดกันไปว่า ผีกระสือต้องมีแต่หัวกับลำไส้ลอยไปลอยมา

   เรื่องผีกระสือที่มีแต่หัวกับไส้นั้นมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง ต่อมาคุณทวี วิษณุกร ต้องแจ้งความดำเนินคดีเรื่องละเมิดสิทธิ์

การ์ตูน กระสือสาว โดย ทวี วิษณุกร

ผีกระสือรุ่นเก่ากว่าและเป็นอีกคติหนึ่งนั้น จะไม่ยืนยันว่าเป็นผีกระสือที่มีแต่หัวกับกระเพาะลำไส้ แต่จะเป็นผีกระสือที่เป็นว่านชนิดหนึ่ง เรียกกันว่าว่านโพงหรือว่านกระสือ

   เล่ากันว่าว่านโพงหรือว่านกระสือมีวิญญาณสิงสู่อยู่ พอถึงกลางคืนก็จะเกิดเป็นอาถรรพ์ขึ้น โดยที่วิญญาณที่สิงอยู่ในว่านจะลอยออกมาเป็นดวงไฟ จะออกไปล่าเหยื่อมากินเป็นอาหาร วิธีกินส่วนใหญ่จะใช้วิธีกัดเหยื่อแล้วสูบเลือด ซึ่งคล้ายแดร๊กคูล่าผีดิบฝรั่งมาก

   ผีกระสือแบบที่เป็นผีที่สิงอยู่ในว่านกระสือหรือว่านโพงยังพิสดารอีก คือผีกระสือแบบนี้ถ้าลอยผ่านบ้านคนหรือผ่านคนบ่อยๆ ก็จะเกิดปฏิกิริยาแปลกพิศวงขึ้นมา โดยดวงไฟผีกระสือจะกลายเป็นใบหน้าคนขึ้นมาได้ ยิ่งถ้าเป็นว่านกระสือหรือว่านโพงที่มีคนเลี้ยงไว้ด้วยแล้ว ดวงไฟกระสือจะขึ้นเป็นใบหน้าของเจ้าของต้นว่านนั้นเอง ผีกระสือแบบนี้เห็นดวงแสงเป็นใบหน้าได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ไม่จำเพาะว่าจะต้องเป็นใบหน้าผู้หญิงเพียงเพศเดียว

ภาพ magnolia.com ว่านโพงแบบที่มีผู้เลี้ยงไว้


เรื่องจริงจากพระธุดงค์

   พระอาจารย์รูปหนึ่งของผู้เขียนเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ท่านยังหนุ่มยังแข็งแรง ท่านมักออกเดินธุดงค์บ่อยๆ ครั้งหนึ่งท่านเดินธุดงค์ผ่านไปทางเทือกเขาภูพานซึ่งยังเป็นป่าดงดิบรกทึบ ท่านผ่านไปถึงใกล้ลำธารที่มีความร่มรื่นเงียบสงัด มีทำเลดีมากมีน้ำท่าบริบูรณ์ ท่านจึงอธิษฐานจิตปักกลดที่บริเวณนั้น

   ท่านอยู่บำเพ็ญจิตในที่บริเวณนี้หลายวัน แล้วท่านก็สังเกตเห็นว่า ในตอนกลางคืนมักมีแสงลอยเป็นดวง โดยที่แสงนี้จะสว่างบ้างสลัวบ้างคล้ายกับว่าแสงกระพริบ ท่านเห็นแสงดวงนี้ลอยผ่านไปหลายครั้ง จึงนึกถึงคำที่คนโบราณว่าเป็นแสงจากผีกระสือ

   คืนหนึ่งท่านออกจากสมาธิได้สักครู่ แสงจากผีกระสือนี้ก็ลอยมาให้เห็นอีก ด้วยความอยากรู้พระอาจารย์จึงลุกออกจากกลด แล้วเดินตามแสงผีกระสือไป แสงผีกระสือก็ลอยหนีไปเรื่อยๆ จนในที่สุดแสงนี้ก็ไปลอยอยู่เหนือบริเวณดงไม้รกๆแล้วดับหายไป พระอาจารย์จึงทำเครื่องหมายไว้ตรงที่แสงผีกระสือหายไป จากนั้นจึงเดินกลับไปที่กลด

   พอรุ่งเช้าพระอาจารย์ได้เดินสำรวจไปตามทิศทางที่เห็นแสงผีกระสือ เมื่อถึงจุดที่แสงผีกระสือหายไป ท่านยืนยันว่าจำได้แม่นเพราะมีเครื่องหมายที่ท่านทำไว้ พอพิจารณาดูก็เห็นเป็นดงว่านชนิดหนึ่งเรียกว่าว่านโพงหรือว่านโพลง ซึ่งบางที่เรียกว่านกระสือ

ภาพ magnolia.com ว่านโพงเหล็ก

   พระอาจารย์ท่านเห็นชัดๆเลยว่ากอว่านตรงจุดที่แสงผีกระสือหายไปนั้น มีรอยเลือดสีแดงซึ่งแห้งคล้ำแล้วติดที่ต้นว่าน ซึ่งเป็นไปตามตำนานที่คนโบราณเล่าขานกัน แต่ต้นว่านกระสือจะมีวิญญาณสิงจริงหรือไม่ ท่านว่าอย่าไปสนใจเพราะไม่มีประโยชน์

   พระอาจารย์ปักกลดอยู่หลายวัน ทั้งยังคงเห็นแสงผีกระสือลอยไปที่กอว่านดังกล่าวเหมือนเดิม จนกระทั่งท่านถอนกลดแล้วเดินธุดงค์ต่อไป ปัจจุบันท่านชราภาพแล้วจึงกลับไปอยู่ที่วัดในจ.มุกดาหาร



ตำนานผีกระสือเป็นตำนานยอดฮิตของผีไทยตำนานหนึ่ง มีคนกลัวผีกระสือกันมากโดยเฉพาะคุณผู้ชายที่มีเมีย เน้นแบบที่เมียชอบกินอาหารดิบๆหรือไม่ค่อยสุกดีนัก ตำนานนี้เล่ากันไปทั้งเป็นเรื่องตลกขบขันและเรื่องจริงสำหรับคนกลัวผี ทั้งยังเป็นเรื่องที่คนอยากเปลี่ยนเมียตั้งใจยอมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คือ

   เล่ากันว่าถ้าสังเกตเห็นว่าผัวหรือเมียชอบกินอาหารที่ดิบๆหรือครึ่งสุกครึ่งดิบ อย่างนี้ให้ระมัดระวังตัวไว้ก่อน ให้สังเกตดูว่าผัวหรือเมียที่กินอาหารแบบนี้มีอากัปกริยาเปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่ เช่น มีใบหน้าหมองคล้ำ ไม่ชอบแสงแดด ไม่สบตาคน ไม่ค่อยพูดจา ถ้าเป็นแบบนี้ให้สงสัยว่าอาจโดนผีกระสือสิงร่างไปแล้ว ต้องพิสูจน์ด้วยวิธีสุดท้าย



   วิธีพิสูจน์ขั้นสุดท้ายว่าเป็นผีกระสือหรือรวมทั้งผีกระหังด้วยก็คือ เวลานอนตอนกลางคืนให้นอนหันหลังให้กัน และห้ามเผลอหลับไปอย่างเด็ดขาด เพราะถ้าขืนเผลอหลับเป็นต้องตายอย่างแน่นอน

   ที่ให้นอนหันหลังก็เพราะเป็นการอ่อยเหยื่อผีกระสือนั่นเอง โดยให้ยอมเสี่ยงว่าผัวหรือเมียจะเอามือมาจับที่ก้นเราหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งล้วงจับตรงรูก้น ถ้าปรากฏว่าผัวหรือเมียเอามือมาจับเมื่อไร แสดงว่ากำลังจะล้วงก้นเพื่อลากลำไส้เราออกมากินนั่นเอง

   ตำนานอย่างหลังนี้มีคนเชื่อกันจริงๆจังๆเสียด้วย โดยเฉพาะคนที่อยากเปลี่ยนผัวเปลี่ยนเมีย


   อย่างไรก็ตามตำนานผีกระสือก็ยังเป็นตำนานผียอดฮิตของไทยอยู่เสมอ และ ตลอดไป





















ขอขอบคุณภาพประกอบจากละครโทรทัศน์เรื่องกระสือ ภาพยนตร์ชุดกระสือเวอร์ชั่นต่างๆ ภาพจากเว็บไซต์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น