ภาวะข้อไหล่ติด
Frozen shoulder
โรคไหล่ติด
ประมาณ 30 ปีก่อน ผู้เขียนเคยมีอาการเจ็บหัวไหล่อย่างยาวนาน จะเอื้อมมือหยิบของก็ทำได้ยากและเจ็บปวด แรกๆก็ไม่สู้กระไรเพราะเจ็บไม่มาก คิดเอาเองว่าคงเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเท่านั้น แต่อาการเจ็บหัวไหล่ไม่หายสักที ทั้งยังรู้สึกว่ายิ่งนานไปยิ่งเจ็บข้างในหัวไหล่ลึกๆ บางช่วงเจ็บขนาดว่าแค่ไอหรือจาม ก็รู้สึกไหล่สะท้านเจ็บแปร๊บๆอยู่ภายใน ต่อมาก็เจ็บไหล่จนยกแขนแทบไม่ขึ้น
ตอนนั้นผู้เขียนยังโสด แต่มีแฟนเป็นพยาบาล แฟนสังเกตเห็นอาการของผู้เขียน จึงนัดนายแพทย์เฉพาะทางให้ จึงได้ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาหัวไหล่ที่เจ็บ ซึ่งความจริงแล้วผู้เขียนคิดเอาเองว่าไม่ต้องหาหมอเดี๋ยวมันก็หายเจ็บเอง แต่เมื่อแฟนพยาบาลนัดหมอให้แล้ว ก็เลยเกรงใจและได้ไปพบแพทย์ตามนัด
เมื่อพบแพทย์แล้วท่านให้ทดลองยกแข็งแกว่งแขนตามแบบที่ท่านบอก ปรากฏว่าเจ็บเอามากๆอย่างเหลือเชื่อ ท่ายกแขนตามที่แพทย์สั่งให้ทำนั้น ดูไปแล้วมันต้องทำได้ง่ายมาก แต่ผู้เขียนทำไม่ได้เลย จะยกแขนบิดแขนเพียงนิดเดียวก็เจ็บน้ำตาแทบร่วง คุณหมอบอกว่าผู้เขียนเป็นโรคไหล่ติด ตอนนั้นงงว่าโรคแบบนี้ก็มีด้วยหรือ
นายแพทย์ผู้ใจดีได้ลงความเห็นว่า อาการเจ็บอย่างนี้ต้องฉีดยาเข้าไปที่หัวไหล่โดยตรง ผู้เขียนจำได้แม่นเลยว่า พอพยาบาลนำเข็มฉีดยามาให้คุณหมอ ท่านกลับบอกว่าคนไข้เนื้อเยอะ ต้องใช้เข็มใหญ่ๆ
เมื่อได้เข็มฉีดยาซึ่งใหญ่มาก ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยโดนฉีดยากันเลยทีเดียว พอเข็มปักลงบนหัวไหล่แล้ว ต้องแทงเข็มลึกลงไปจนถึงกระดูกหัวไหล่ ขณะที่ฉีดยาเข้าไปนั้นจะเจ็บมาก ผู้เขียนไม่เคยโดนฉีดยาแล้วเจ็บขนาดนี้เลย ยาที่ฉีดเข้าไปนั้นคือยาละลายพังผืด นอกจากนี้คุณหมอยังสอนท่าทำกายภาพบำบัดหัวไหล่มาด้วย
หลังจากนั้นไม่นานผู้เขียนก็หายเจ็บไหล่ หายทรมานจากการเจ็บหัวไหล่ที่เป็นมานานหลายเดือน
ผู้เขียนหรือแอดมินนี้ระลึกอดีตถึงเรื่องอาการเจ็บหัวไหล่เพราะเป็นโรคไหล่ติด จึงคิดว่าควรหาข้อมูลเรื่องโรคหัวไหล่ติดมาบันทึกไว้ ก็ได้พบบทความดีๆของ พ.ท. ณัฏฐา กุลกำม์ธร พ.ต.ปิติ รุจกิจจานนท์ จาก อนุสาขาเวชศาสตร์การกีฬา ท่านให้ความรู้ไว้ดังนี้
ข้อไหล่เป็นข้อที่มีพิสัยการเคลื่อนไหวมากที่สุดในร่างกายของมนุษย์
ทำให้เราใช้แขนและมือทำงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
หากข้อไหล่ยึดหรือเคลื่อนไหวได้ไม่ดี
จะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของแขนและมือลดลง
สาเหตุของข้อไหล่ติดคืออะไร
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการข้อไหล่ติดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
แต่ในปัจจุบันมีทฤษฎีที่เชื่อว่าเกิดจากปฏิกริยาของภูมิคุ้มกันในร่างกาย
โดยทั่วไประบบภูมิคุ้มกันจะช่วยป้องกันอวัยวะต่าง ๆ จากเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม
แต่ในผู้ป่วยข้อไหล่ติด ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะทำหน้าที่ผิดปกติโดยจะไปโจมตีเนื้อเยื่อของร่างกายเอง
ถ้าเกิดในข้อไหล่ก็จะทำให้เกิดการอักเสบในข้อไหล่รวมทั้งเยื่อหุ้ม
จากนั้นการอักเสบก็จะรุนแรงขึ้นทำให้มีการหดรัดและแข็งตัวของข้อไหล่จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
สำหรับสาเหตุอื่นๆ
ที่ทำให้เกิดอาการข้อไหล่ติดที่พบได้บ่อยได้แก่ การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทำให้เกิด
กล้ามเนื้อฉีกขาด อักเสบ หรือกระดูกหักหรือเคลื่อนบริเวณข้อไหล่, การใช้งานข้อไหล่อย่างไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการอักเสบ, การเสื่อมของข้อไหล่, โรคข้ออักเสบ(โรครูมาตอยด์,
โรคเกาท์), การมีเส้นเอ็นอักเสบร่วมกับมีแคลเซี่ยมมาเกาะ
ข้อไหล่ปกติและข้อไหล่ติด |
อาการของโรคข้อไหล่ติดจะเริ่มจากการเจ็บข้อไหล่อยู่เป็นระยะเวลานานหลายสัปดาห์หรืออาจจะเป็นเดือน
มีอาการปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวบริเวณหัวไหล่
จากนั้นอาการปวดจะลดลงจนเริ่มฟื้นตัวทำให้เคลื่อนไหวขยับข้อไหล่ได้ดีขึ้นจนผู้ที่มีอาการข้อไหล่ติดเข้าใจว่าอาการดีขึ้นแล้ว
แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่าหลังจากอาการปวดดีขึ้นการเคลื่อนไหวของแขนและข้อไหล่จะยังทำได้ไม่เต็มที่เคลื่อนไหวได้ไม่สุดหรือไม่ดีดังเดิม
วิธีสังเกตว่าเป็นโรคข้อไหล่ติดแข็ง
สามารถสังเกตได้ขณะใช้งานแขนในลักษณะท่าทางต่างๆแล้วจะรู้สึกเจ็บไหล่
เช่นล้วงกระเป๋าหลังของกางเกงที่สวมอยู่
ไม่สามารถยกแขนเหนือศีรษะเพื่อหยิบของที่สูงได้ไม่สามารถเอามือไขว้หลังเพื่อถูหลังตัวเองหรือสระผมตัวเองได้ไม่สามารถกางแขนออกด้านข้างแล้วหงายฝ่ามือขึ้น
เป็นต้น
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะข้อไหล่ติดแข็ง
พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายอายุโดยเฉลี่ย 40-65ปี
โรคเบาหวาน และโรคอื่น ได้แก่ โรคไทรอยด์, หัวใจขาดเลือด,
โรคซึมเศร้า, โรค Parkinson และการบาดเจ็บของระยางค์บน เป็นต้น
การดำเนินโรค
ระยะที่ 1 Pre-adhesive phase (3 เดือนแรก)
ปวดเมื่อมีการเคลื่อนไหว ปวดตอนกลางคืน
ตรวจร่างกายพบว่า พิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ยังคงปกติ
ระยะที่ 2 Painful phase “Freezing” (3-9 เดือน)
ปวดมากตอนกลางคืน และเมื่อมีการเคลื่อนไหว
เป็นระยะที่มีอาการปวดมากที่สุด ตรวจร่างกายพบว่า
มีการลดลงของพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่
ระยะที่ 3 Progressive stiffness phase
“Frozen” (9-15 เดือน)
ข้อไหล่ติดทั่วๆปวดน้อยลง
จะปวดเฉพาะเมื่อเคลื่อนข้อไหล่เต็มที่ ตรวจร่างกาย
มีการลดลงของพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่
ระยะที่ 4 Resolution phase “Thawing” (15-24 เดือน)
อาการปวดลดลงขยับแขนได้มากขึ้นตามลำดับ
ตรวจร่างกายพบว่าพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ค่อยๆดีขึ้น
กราฟระหว่างระยะเวลาดำเนินโรคกับอาการปวด |
การดูแลรักษาตนเองจากภาวะข้อไหล่ติดแข็ง
การรักษาภาวะข้อไหล่ติดจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลานานมากจนทำให้ผู้ป่วยเกิดความรำคาญและกังวลใจ
แต่โดยทั่วไปร้อยละ 95 ของผู้ป่วยที่มีภาวะนี้อาการจะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ
ระยะที่ 1 และ 2 จะเริ่มทำการรักษาโดยให้ยาแก้ปวดและยาต้านการอักเสบเพื่อบรรเทาอาการปวด
ร่วมกับให้ยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อซึ่งเป็นภาวะที่พบร่วมด้วยในผู้ป่วยที่มีข้อไหล่ติดแข็ง
ผู้ป่วยไม่ควรไปนวดหรือทำกายภาพบำบัด เพราะจะทำให้มีอาการปวดมากยิ่งขึ้น
แต่สามารถเริ่มบริหารข้อไหล่ได้เองที่บ้าน
ระยะที่ 3 และ 4 การทำกายภาพบำบัดและการออกกำลังกายดังตัวอย่างจะช่วยให้พิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่กลับมาเร็วยิ่งขึ้น
ซึ่งถ้าหากอาการไหล่ติดเป็นปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวันมาก หรือกินระยะเวลานานมาก
การรักษาโดยการดัดข้อไหล่ภายใต้การดมยาสลบ (MUA: Manipulation under
anesthesia) จะสามารถทำให้การเคลื่อนไหวของข้อไหล่กลับคืนมาได้เร็วยิ่งขึ้น
การบริหารไหล่เบื้องต้น
ท่าที่ 1 |
ท่าที่ 1 สามารถทำในท่านอนหงายบนเตียงหรืออาจจะอยู่ในท่านั่งหรือยืนก็ได้
แล้วทำการเหยียดแขนโดยยกแขนขึ้นตรงเหนือศีรษะอาจจะใช้มืออีกข้างหนึ่งช่วยจับประคองที่ข้อศอกของแขนข้างที่ยกเพื่อช่วยดันให้มีการยกแขนได้มากขึ้นโดยจะมีความรู้สึกตึงบริเวณหัวไหล่ของแขนข้างที่ยก
แต่ถ้ารู้สึกเจ็บปวดมากอาจจะลดระดับลงไม่จำเป็นต้องยืดให้สุดในครั้งแรกทำเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ราบเรียบและไม่เร่งรีบ เป็นจังหวะไป-กลับ ประมาณ 30 ครั้ง
ถ้ามีอาการปวดมากทั้งขณะทำหรือภายหลังการออกกำลังกายควรหยุดการออกกำลังกายในท่านี้จนกว่าอาการปวดจะดีขึ้นหากอาการปวดไม่ทุเลาหรือมีอาการมากขึ้นควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
ท่าที่ 2 |
ท่าที่ 2 ทำได้ทั้งท่ายืนและท่านั่ง
โดยทำการยืดแขน
โดยการยื่นแขนมาด้านหน้าลำตัวพร้อมกับไขว้ผ่านลำตัวใช้มืออีกข้างจับประคองที่ข้อศอกของแขนข้างที่ทำการยืดและออกแรงดันแขนไปให้สุดทำการยืดเป็นจังหวะไป-กลับประมาณ
30 ครั้ง
ท่าที่ 3 |
ท่าที่ 3 ท่าเริ่มต้นอยู่ในท่ายืนหรืออาจจะอยู่ในท่านั่ง
ใช้ผ้าเช็ดตัวพาดผ่านไหล่ไปข้างหลัง ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับชายผ้าไว้
ขยับมือทั้งสองข้างขึ้นลงพร้อมๆกันทำการยืดเป็นจังหวะขึ้น-ลงประมาณ 30 ครั้ง และทำอีกข้างหนึ่งโดยการสลับมือ
การรักษาโดยการผ่าตัด
เป็นวิธีการที่แพทย์จะเลือกใช้ในกรณีที่มีอาการติดมาเป็นเวลานานคิดว่าไม่สามารถดัดได้
หรือในผู้ป่วยที่กระดูกบางมากอาจเกิดการหักในระหว่างการดัด
แพทย์จะทำการส่องกล้องเข้าไปในข้อไหล่แล้วทำการตัดเนื้อเยื่อหรือ
พังผืดที่ติดอยู่ออกผู้ป่วยจะมีแผลเป็นรูเจาะ แต่ที่สำคัญคือต้องมีการขยับและเคลื่อนไหวหลังผ่าตัดทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อไหล่กลับมาติดอีก
พ.ท. ณัฏฐา กุลกำม์ธร
พ.ต.ปิติ รุจกิจจานนท์
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก พ.ท. ณัฏฐา กุลกำม์ธร พ.ต.ปิติ รุจกิจจานนท์, อนุสาขาเวชศาสตร์การกีฬา มา ณ ที่นี้
ภาพแรกจาก www.phyathai-sriracha.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น