วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2566

ปัดฝุ่นเรื่องเก่าไทย.22...หมัดธนูมือ

 


หมัดธนูมือ  magic punch , hand bow fist

   เพิ่งได้ข่าวเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียนชั้นประถมย้ายภพเพราะไวรัสโควิด 19 ไปอีกหนึ่งราย พอนึกถึงเพื่อนรักคนนี้ ก็ทำให้นึกไปถึงครั้งที่ยังเรียนร่วมกัน นึกถีงเพื่อนคนอื่นๆที่ร่วมรุ่นกัน แล้วข้าพเจ้าก็นึกขึ้นได้ว่า ไอ้เพื่อนคนหนึ่งมันเกเรแถมยังเรียนสุดห่วยอีกด้วย มันขอลอกการบ้านเพื่อนๆเสมอ และมันเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่เป็นเด็กแต่เสือกไปสักยันต์ เป็นยันต์เล็กๆแบบดูไม่ออกว่าเป็นยันต์ เพราะเห็นเป็นแค่จุด 3 จุด มันบอกด้วยความภาคภูมิใจว่า มันไปสักยันต์ธนูมือ รับรองว่าต่อยใครแล้วจะต้องชัก และแล้ววันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ชกต่อยกับไอ้เพื่อนธนูมือ

  สาเหตุที่ชกกันนั้นก็ไม่มีอะไรเลย แค่ข้าพเจ้าหมั่นไส้ที่เจ้าธนูมือมาเปิดกระโปรงเพื่อนหญิงร่วมแก๊งค์ ตอนแรกยังไม่มีอะไร แค่เพื่อนหญิงร้องไห้แล้วพวกเพื่อนๆเข้ามาดูว่านี่มันเรื่องอะไร พอรู้ว่าไอ้ธนูมือมาเล่นเปิดกระโปรงนักเรียนหญิง แล้วกลุ่มเพื่อนหญิงเลยรุมด่า ไอ้ธนูมือทำซ่าจะเปิดกระโปรงเพื่อนหญิงคนอื่นๆอีก พอเพื่อนผู้ชายเข้ามาห้าม ไอ้ธนูมือก็ทำขู่ว่า.. เดี๋ยวอั๊วต่อยลื้อชักตายเลยนะเว้ย อั๊วมีธนูมือ...เออ พูดอั๊วนี่มีไอ้นี่คนเดียวในรุ่น คนอื่นๆเขาไม่พูดแบบนี้

  อยู่ๆไอ้ตี๋ธนูมือชี้ข้าพเจ้าว่า..ลื้อออกมาต่อยกับอั๊วเลย ลื้อกล้าหรือเปล่า เดี๋ยวโดนธนูมือต่อยตายชักเลย ไอ้ขี้ขลาด....อ้าว ด่าอย่างนี้ก็สวยสิ เลยขยับออกไปจะต่อยกัน

  พอจะต่อยกัน ไอ้ตี๋ธนูมือก็กำหมัดแล้วทำท่าเสกคาถาใส่หมัดอย่างจริงจัง มันเสกธนูมือไม่เสร็จสักที ข้าพเจ้าไม่คิดอะไรเดินเข้าไปต่อยไอ้ตี๋เข้าที่กรามซ้าย ไอ้ตี๋ธนูมือล้มลงไปนอนร้องไห้ ปู้โธ่ ชกไปหมัดเดียวเท่านั้น ไม่ได้ประลองหมัดประลองกำลังเลย...ผลจากที่มันร้องไห้แงๆ ครูประจำชั้นเลยเข้าใจว่าข้าพเจ้าแกล้งเพื่อน เลยลงโทษตีก้นด้วยไม่เรียว 3 ที แล้วให้ยืนกางแขนหน้าห้องด้วย ยังดีที่ไม่ได้ให้คาบไม้บรรทัด

  ต่อมาอีกสักเดือนละมั๊ง ไอ้ตี๋ธนูมือก็กลับมาซ่าใหม่ ตอนพักเที่ยงมันบอกว่า..อั๊วไปสักธนูมือเพิ่มครบสองมือแล้ว วันนี้ลื้อตายชักแน่ กล้าสู้มั๊ยล่ะ...ตอนนี้แหละที่เห็นรอยสักธนูมือของมันเพราะมันยื่นหลังมือมาให้ดู แถมอธิบายว่าเป็นธนูมือของอาจารย์ท่านใด ข้าพเจ้าเห็นเป็นจุดสีเขียวๆดำๆปนน้ำเงินๆ(ก็คือสีหมึกสักแบบที่เราเห็นๆกันนั่นเอง) เป็นจุด 3 จุด แบบเครื่องหมาย “เพราะฉะนั้น”

  ข้าพเจ้าจะรีบรับประทานข้าว พวกเพื่อนๆก็รออยู่ แล้วไอ้ตี๋ธนูมือก็เร่งให้รีบๆต่อยอยู่ได้ แถมยังบอกว่าห้ามรุม ต่อยลื้อตายชักแล้วเดี๋ยวขออั๊วกินข้าวด้วย วันนี้ไม่ได้ซื้อข้าว..(คือ มันขออาศัยรับประทานมื้อกลางวันบ่อยๆ )

  เมื่อไอ้ตี๋ธนูมือมันเร่งนัก ก็เลยหยุดแกะกล่องข้าว เดินออกไปต่อยกันที่หน้าห้อง คราวนี้ไอ้ตี๋ธนูมือยกสองหมัดขึ้นมาเสกอีก ข้าพเจ้าจะต่อยแบบเดิมก็กลัวโดนครูตีก้นอีก เลยเข้าไปดึงคอไอ้ตี๋ที่มัวแต่เสกธนูมือ ดึงคอลงมาล็อคแล้วขยี้แกว่งๆหมุนแบบที่เห็นในมวยปล้ำโทรทัศน์ แล้วจับไอ้ตี๋ล็อคคอจากด้านหลัง ท่านี้ได้ยินท่านอาจารย์เจือ จักษุรักษ์ ท่านพากย์เล่าไว้ในรายการมวยปล้ำว่า ท่าฟูลเนลสัน ไอ้ตี๋ร้องว่า...อั๊วยอมแล้วๆ..เลยเหวี่ยงไอ้ตี๋ลงพื้น คราวนี้ไอ้ตี๋ร้องโอยๆแต่ไม่ร้องไห้....แล้วข้าพเจ้ากับเพื่อนๆก็เรียกมันมาร่วมวงรับประทานข้าวเที่ยง

  ธนูมือที่เพื่อนตี๋ไปสักมานั้น เป็นสำนักดังไม่น้อยเสียด้วย ห้ามถามว่าสำนักไหน ท่านเจ้าสำนักท่านย้ายภพไปแล้ว เข้าใจว่าต่อมามีรุ่นหลังๆพยายามฟื้นตำนานขึ้นมาใหม่ จะฟื้นได้สำเร็จหรือไม่ก็ไม่ได้ตามข่าว

วิชาธนูมือ

  ธนูมือที่ไอ้ตี๋เพื่อนร่วมชั้นเรียนไปสักมาเมื่อ 50 ปีก่อนนิดๆนั้น เป็นจุด 3 จุด ต่อมาภายหลังเมื่อข้าพเจ้าเข้าวัยรุ่นแล้ว ก็เห็นยันต์ธนูมือที่สักกันที่หลังมือจริงๆอีกหลายครั้ง ทุกครั้งที่เห็นก็จะเป็นยันต์เล็กๆแบบวิชานะ หรืออักขระหัวใจไม่กี่ตัว มีคาถาที่ใช้เสกหมัดธนูมิอกำกับด้วย นับถือกันว่าธนูมือทำให้หมัดหนักรุนแรง แรงขนาดเรียกว่าเป็นหมัดสั่ง คือต่อยโป้งเดียวเหมือนสั่งให้ลงไปนอนสลบได้ ยังว่าดีไม่ดีอาจถึงตาย

  ธนูมือแบบที่เคยเห็นสักกันที่หลังหมัด ที่คุ้นตาเห็นบ่อยก็ตามแบบที่แสดงไว้ อันที่จริงก็น่าจะมีมากกว่านี้ แต่ข้าพเจ้าเห็นมาจำมาตอนนี้นึกออกแค่นี้ นอกนั้นยังนึกไม่ออกเพราะเวลาผ่านมามันนานมากแล้ว

ยันต์ธนูมือ

  หลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลายเคยบอกคาถาธนูไว้ให้ ท่านว่าถึงไม่ได้สักยันต์ธนูมือ ก็ภาวนาคาถาเสกหมัดได้ คาถาเสกธนูมือท่านว่า..อิ จะ ฉะ..คาถาสั้นๆแค่นี้ ไม่เหมือนคาถาธนูมือของไอ้ตี๋ธนูมือ ที่มันเสกอยู่นานจนมีเวลาให้โดนข้าพเจ้าต่อยได้ง่ายๆซะงั้น

  เท่าที่เคยกราบเรียนสอบถามเรื่องธนูมือจากหลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ ท่านเล่าว่าเป็นการสักเอาไว้ตีรันฟันแทงกัน พวกนักมวยสักเอาไว้เพื่อให้มีหมัดหนักชกชนะ แต่วิชานี้มันร้อน สักไปแล้วชอบมีเรื่องตีกันบ่อยๆ ไปเป็นคนเกเรเกตุงกันมาก ในสมัยโบราณมีเหล่านักรบที่เป็นผู้ขมังเวทได้สักธนูมือเอาไว้ แบบนี้เล่าต่อๆกันมาว่า ต่อยกันถึงตายเลย แม้วัวควายก็ยังโดนต่อยตายได้

ยันต์ธนูมือ


  ยันต์ธนูมือแบบที่ใช้ต่อสู้กันนั้น เท่าที่เคยพบเห็นล้วนแต่เป็นยันต์สักที่กำปั้นทั้งนั้น ไม่พบว่าทำเป็นตะกรุดผ้ายันต์แต่อย่างไร ถ้ามีทำเป็นพวกผ้ายันต์อะไร ก็น่าที่จะมุ่งเน้นคุณวิเศษไปทางอำนาจตบะมากกว่า ก็ชื่อวิชาบอกอยู่แล้วว่าคือธนูมือ ย่อมต้องมุ่งถึงการใช้กำปั้นเป็นอาวุธเวทมนต์ชกต่อยตะลุมบอนอยู่แล้ว

  วิชาธนูมือนี้ หลวงปู่หลวงพ่อท่านบอกไว้ว่า สักไปแล้วห้ามตีเด็กห้ามตีลูกเมียพ่อแม่

  ข้าพเจ้าเคยเห็นพวกที่สักธนูมือแล้วเขาเองรู้สึกไปว่าเกิดร้อนวิชา ตอนร้อนวิชาจะหงุดหงิดอยากมีเรื่องชกต่อย เลยต้องกลับไปหาพระอาจารย์ขอให้ท่านรดน้ำมนต์แก้ของขึ้นร้อนวิชา แต่การที่เขาหงุดหงิดอยากชกต่อยนั้น ถ้ามองในแง่วิทยาศาตร์ก็อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา เพราะการที่อยากสักยันต์ธนูมือนั้น มันบอกถึงจิตใจที่โน้มไปในทางนักเลงอยากปะทะ อยากห้าว กล้าหาญ อยากต่อสู้ พอหมกมุ่นมากๆเลยรู้สึกหงุดหงิดร้อนรุ่มก็ได้ละมัง

ยันต์ธนูมือ

   พอมาถึงยุคปัจจุบันนี้ เห็นยันต์ธนูมือสมัยนี้ดูอลังการงานสร้างมากกว่าเยอะ วิจิตรพิสดาร ซึ่งข้าพเจ้าในสมัยที่เริ่มวัยทีน จนกระทั่งวัยฝ่าดงตีนยุคช่างกล ยังไม่เห็นยันต์ธนูมือที่สวยๆอลังการเท่าของสมัยนี้เลย ไม่รู้จักตำรับของท่านอาจารย์ยุคใหม่ ธนูมือสมัยนี้ยันต์สวยๆทั้งนั้น แถมชื่อเรียกธนูมือยุคนี้ยังไพเราะด้วย...อย่างไรก็ตาม วิชาธนูมือก็ยังเป็นตำนานขลังวิชายุทธของสยาม ก็ยังคงมีสืบทอดได้ต่อๆไป แต่ถ้าจะลุยกันแบบใช้ธนูมือ...ก็ขอเปลี่ยนจากหมัดธนูมือมาเป็นใช้ปืนเถื่อนสักกระบอก หรืออย่างน้อยก็ไม้หน้าสามสักท่อน มันมั่นใจกว่า


ยันต์ธนูมือ


ขอบคุณภาพคุณบัวขาว จาก เพจ  Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) 

ภาพยันต์เป็นของข้าพเจ้าเขียนจำลองไว้





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น