วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558

พระพุทธรูป.๑๑ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม



 หลวงพ่อวัดบ้านแหลม
 วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จ.สมุทรสงคราม


   จังหวัดสมุทรสงครามหรือเรียกกันง่ายๆว่าแม่กลอง เป็นจังหวัดชายทะเลที่ใกล้ๆกรุุงเทพมหานคร ใช้เวลาขับรถแบบสบายๆไม่เร่งแค่ไม่เกินสองชั่วโมงหรือกว่านิดหน่อยก็ถึงแล้ว นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เดินทางไปมาได้สะดวกมาก ที่สมุทรสงครามมีทั้งอาหารทะเลที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะปลาทูนี้ถือกันว่า ที่สุดของปลาทูต้องเป็นปลาทูแม่กลอง

  ที่จังหวัดสมุทรสงครามนี้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพศรัทธาไปทั่วประเทศ พระพุทธรูปองค์นี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ประมาณว่าเท่าคนธรรมดาๆยืน แต่มีประชาชนนับถือกันมาก พระพุทธรูปองค์นี้ประชาชนต่างเรียกกันว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม

ภาพจากgagto.com

พุทธลักษณะและขนาดของหลวงพ่อวัดบ้านแหลม

    หลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปสมัยกรุงศรีอยุธยาหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ปางอุ้มบาตร(ปางประจำวันพุธ) มีขนาดสูงแต่ปลายนิ้วพระบาทถึงยอดพระเกศมาลา 167 ซ.ม.  พระเศียรนั้นไม่สวมเทริดชฏา  พระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิงแบบพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย สังฆาฏิพาดยาวลงมาถึงพระชงฆ์ จีวรไม่มีลายเป็นดอกดวง โดยจีวรทำแผ่เป็นแผ่นแผงอยู่เบื้องหลัง มีแฉกมุมแบบอยุธยา  

   ฐานพระบาทสูง 45 ซ.ม.  ฐานรองพระบาทนั้นตอนบนทำเป็นรูปดอกบัวบานรองรับ ตอนล่างทำเป็นฐานหักมุม 12 มุม เป็นรูปฐานพระเจดีย์ ชั้นล่างสุดทำเป็นฐานเท้าสิงห์มีลวดลายสวยงามมาก ที่พระบาทไม่สวมฉลองพระบาทแบบพระพุทธรูปทรงเครื่องโดยทั่วไป พระหัตถ์เป็นคนละชิ้นกับพาหา ทำให้สามารถถอดออกได้  

   พุทธลักษณะเด่นเป็นพิเศษของหลวงพ่อวัดบ้านแหลม คือมีพระพักตร์งามเหมือนพระพักตร์เทพบุตร ถึงกับกล่าวกันว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีพระพักตร์เป็นเทวดานี่เอง เทวดาจึงมาสิงสถิตรักษาองค์หลวงพ่ออยู่ให้เป็นพระศักดิ์สิทธิ์



   หลวงพ่อวัดบ้านแหลมนี้ทรงเครื่องเต็มยศ คือสวมสายสะพายพาดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ คาดรัดประคด ปักดิ้นเงินซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานถวายเป็นพุทธบูชา บาตรเป็นบาตรแก้วสีน้ำเงิน ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงประทานถวายหลวงพ่อไว้ในรัชกาลที่

   ปัจจุบันนี้ทั้งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รัดประคตและบาตรแก้ว ทางวัดเก็บรักษาไว้ในพระอุโบสถ พระพุทธรูปหลวงพ่อบ้านแหลมนี้ ทางกรมศิลปากรได้จดทะเบียนไว้เป็นโบราณวัตถุแห่งชาติแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496

ตำนานหลวงพ่อวัดบ้านแหลม

  เล่ากันมาว่า มีพระพุทธรูป 5 องค์ ลอยน้ำมาจากเมืองเหนือ เมื่อมาถึงภาคกลางก็ได้แยกย้ายกันไปประดิษฐานอยู่ตามจังหวัดต่างๆ รวม 5 จังหวัด

   องค์แรก ลอยมาตามแม่น้ำบางปะกง พุทธศาสนิกชนได้อัญเชิญขึ้นจากแม่น้ำ ไปประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ชื่อว่า หลวงพ่อโสธร

   องค์ที่สอง ลอยมาตามแม่น้ำนครชัยศรี พุทธศาสนิกชนอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดไร่ขิง เมืองนครชัยศรี(อำเภอสามพราน) จังหวัดนครปฐม ได้ชื่อว่า หลวงพ่อวัดไร่ขิง

  องค์ที่สาม ลอยมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาและได้ไปประดิษฐานที่วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้ชื่อว่า หลวงพ่อโตบางพลี

   องค์ที่สี่ ลอยมาตามแม่น้ำแม่กลองและได้ไปประดิษฐานที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร เมืองแม่กลอง ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ชื่อว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม

   องค์ที่ห้า ลอยมาตามแม่น้ำเพชรบุรีและได้ไปประดิษฐานที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี ได้ชื่อว่า หลวงพ่อวัดเขาตะเครา

ภาพจากwww.oknation.net

   ตำนานหลวงพ่อบ้านแหลม มีตำนานอีกตำนานหนึ่งว่า ชาวบ้านแหลมที่มาตั้งรกรากอยู่ เมื่อประมาณปีพ.ศ.2307 ส่วนใหญ่เป็นชาวประมง วันหนึ่งได้มีชาวประมงไปลากอวนหาปลาที่ปากแม่น้ำแม่กลอง และอวนได้ติดพระพุทธรูปขึ้นมาด้วยสององค์ โดยองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร แต่ตอนลากอวนนั้นไม่มีบาตรติดขึ้นมาด้วย คงจมอยู่ในทะเล ส่วนอีกองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย 

   ชาวบ้านจึงได้อาราธนาพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรมาประดิษฐานที่ วัดศรีจำปา ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองแม่กลอง ส่วนพระพุทธรูปนั่งได้มอบให้ญาติพี่น้องนำไปประดิษฐานที่ วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี


   วัดศรีจำปานี้ภายหลังได้ชื่อว่าวัดบ้านแหลม ซึ่งต่อมาได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชั้นวรวิหาร และได้รับพระราชทานนามว่า วัดเพชรสมุทรวรวิหาร แต่ประชาชนก็ยีงนิยมเรียกว่าวัดบ้านแหลม 

   เนื่องจากตอนที่พบหลวงพ่อวัดบ้านแหลมนั้น บาตรได้หายไปในน้ำ สมเด็จพระเจ้าบรมเธอกรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช จึงได้ถวายบาตรแก้วสีน้ำเงินให้เป็นบาตรของหลวงพ่อวัดบ้านแหลม 

ภาพจากdhammajak.net

ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อบ้านแหลม มิใช่เป็นที่เคารพกราบไหว้แต่เพียงชาวบ้านเท่านั้น แม้แต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินก็ทรงศรัทธานับถือว่าศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่สมเด็จพระ ศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี) ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นพระราชชนนีของพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงศรัทธา นับถือหลวงพ่อบ้านแหลมยิ่งนัก

   ในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวครั้งยังดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีถึงพระมหาสิทธิการ (แดง) เจ้าอาวาสวัดบ้านแหลมในสมัยนั้น ได้ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงเรื่องหลวงพ่อวัดบ้านแหลมว่า

สวนจิตรลดา บริเวณสวนดุสิต กรุงเทพฯ 
วันที่ 2 มิถุนายน ร.ศ. 124 
นมัสการมายังท่านพระครูมหาสิทธิการทราบ

   ...ปีกลายนี้ สมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปเมืองสมุทรสงครามในกระบวนหลวงได้รับสั่งให้ คนนำเครื่องสักการะไปถวายพ่อบ้านแหลม และได้รับสั่งตั้งแต่ครั้งนั้นว่าขอผลอานิสงส์ความทรงเลื่อมใสจงบันดาลให้หายประชวร ครั้นเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่นานก็หายประชวร จึงทรงระลึกถึงที่ได้ทรงตั้งสัตยาธิฐานไว้สมประสงค์ โปรดพระราชทานปัจจัยเป็นมูลค่า 800 บาท มาเพื่อช่วยในการปฏิสังขรณ์วัดบ้านแหลม ข้าพเจ้าได้สั่งมาให้ท่านพระครูทางกระทรวงธรรมการแล้ว
                                                                                          ...วชิราวุธ



      ในปัจจุบันนี้ประชาชนนิยมไปกราบนมัสการหลวงพ่อวัดบ้านแหลมกันมาก เรียกได้ว่าการไปเที่ยวที่แม่กลองนั้น หลักใหญ่คือไปกราบนมัสการหลวงพ่อวัดบ้านแหลม จากนั้นแล้วถึงได้ไปเป็นเรื่องกินเรื่องเที่ยวต่อไป ทางวัดบ้านแหลมได้จัดให้มีงานประจำปีปิดทองหลวงพ่อบ้านแหลม จัดให้มีขึ้นปีละ 3 ครั้ง คือ ในวันที่ 13 เดือนเมษายน ของทุกปี ซึ่งตรงกับเทศกาลสงกรานต์ของชาวไทยและชาวรามัญ และครั้งที่ 2 งานสาร์ท เดือน 11 (ประมาณเดือนตุลาคม) และช่วงเทศกาลตรุษจีนโดยมีครั้งละ 7 วัน



การเดินทางไปวัดบ้านแหลม

1.ทางรถยนต์

จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 คือ ถนนพระราม 2 (ถนนธนบุรี-ปากท่อ เดิม) ผ่านมหาชัยไปเรื่อยๆไปถึงหลัก กม.ที่ 63 ให้ชิดซ้าย ใช้ทางคู่ขนานต่างระดับ เข้าตัวเมืองสมุทรสงครามถึงสี่แยกแรกตรงไปเข้าตัวตลาดถึงสี่แยกที่สอง (แยกโรงพยาบาล สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า) เลี้ยวขวาและตรงไป ข้ามทางรถไฟ ขับไปอีกประมาณ 100 เมตร วัดอยู่ทางซ้ายมือ (บริเวณพื้นที่ตรงข้ามกับวัดเป็นที่จอดรถได้)

2.รถประจำทาง

นั่งรถโดยสารที่สถานนีขนส่งสายใต้ใหม่สายกรุงเทพ-แม่กลอง หรือรถปรับอากาศสาย กรุงเทพ-ดำเนิน (รถเข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม) หรือนั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัย สายแม่กลอง ไปลงที่ตลาดแม่กลอง จากนั้นจึงเดินต่อไปยังวัดบ้านแหลม ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ถ้าไปไม่ถูกถามทางใครก็ได้ เพราะคนแม่กลองรู้จักวัดบ้านแหลมกันทุกคน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือประวัดวัดบ้านแหลม,นสพ.รอยธรรม,วิกิพิเดีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น