วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2568

นึกเรื่องเก่า เล่าความหลัง กินของขม ชมเด็กสาว 14. ก๋วยเตี๋ยวเรือ




ก๋วยเตี๋ยวเรือ Boat noodles

  ตอนเย็นไปจนถึงเที่ยงคืนกว่าๆ ถ้าข้าพเจ้าหิวขึ้นมา ง่ายที่สุดก็คือเดินออกไปปากซอยบ้าน ไปนั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งเฮียคนขายแกว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาของแท้ แท้เพราะเฮียเป็นคนอยุธยา แต่ก๋วยเตี๋ยวเรือของแกไม่มีเรือให้ดู เพราะมีแต่รถเข็นติดยี่ห้อว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ขายดีจนเซ้งตึกแถวปากซอยได้

  ถ้าเป็นตอนสายๆไปจนถึงช่วงบ่าย ตรงใกล้ปากซอยบ้านก็มีก๋วยเตี๋ยวเรือเจ๊จุ๋มอีกเจ้าหนึ่ง เก่าแก่กว่าร้านของเฮียก๋วยเตี๋ยวเรือภาคค่ำ ร้านของเจ๊ยังมีเรือก๋วยเตี๋ยวตั้งเอาไว้ เจ๊แกว่าเป็นเรือก๋วยเตี๋ยวลำเดิมที่บรรพบุรุษของเจ๊เคยใช้

  ในย่านบ้านที่ข้าพเจ้าอยู่ เป็นถนนที่ขนานไปกับคลองบางกอกน้อย ยังมีอดีตก๋วยเตี๋ยวเรือดังอยู่อีก 3 เจ้า ที่ยังไม่ดังอีกหลายร้าน ไม่ได้เป็นก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา แต่เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือกรุงเทพฯทุกเจ้า คือดั้งเดิมเคยพายเรือขายในคลองบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี ต่อมาได้ยกเรือขึ้นบกมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือหน้าบ้านในปัจจุบัน เรื่องนี้บอกชัดเจนว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือไม่ได้มีแค่ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา แต่มีตามท้องถิ่นที่เป็นชุมชนเรียงรายตามริมคลองและริมแม่น้ำมาก่อน

เรือขายอาหาร Food boat

    ในปัจจุบันคนทั่วไปมักจะเข้าใจเพียงว่า เรือในแม่น้ำลำคลองที่เป็นเรือขายอาหารนั้น มีเพียงเรือขายก๋วยเตี๋ยว หรือที่เรียกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือ เพราะได้ยินแต่คำว่าก๋วยเตี๋ยวเรือ ตลอดทั้งเคยรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือ เห็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือ บางทีเห็นเรือขายก๋วยเตี๋ยวในคลองบางคลอง ซึ่งมีเหลือน้อยมากๆ แทบทั้งหมดจะเห็นแค่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือที่ตั้งอยู่บนบก โดยมีเรือตั้งโชว์ไว้ที่หน้าร้าน เมื่อเป็นแบบนี้ คนส่วนใหญ่จึงคุ้นเคยกับคำว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือ จึงพลอยนึกไปว่าในแม่น้ำลำคลองมีแต่ก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งความจริงนั้นไม่ใช่

เรือขายขนมที่อัมพวา ภาพ สีหวัชร


  ถ้าเคยไปเที่ยวตลาดน้ำต่างๆ เช่น ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตลาดน้ำตลิ่งชัน จะเห็นว่ามีเรือขายสินค้าสารพัด รวมทั้งเรือที่ขายอาหารต่างๆ ไม่ได้มีแค่ก๋วยเตี๋ยวเรือเท่านั้น แต่ถึงจะเห็นเรือขายของหลายอย่างขนาดนั้น ก็ยังคงคุ้นกับคำว่าก๋วยเตี๋ยวเรือมากกว่า

ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา

  เป็นที่น่าแปลกใจว่า ในกรุงเทพฯนั้น ถ้าจะถามว่าก๋วยเตี๋ยวอะไรที่มีเยอะมากที่สุด รับรองว่าคนต้องนึกถึงก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาเป็นลำดับต้นๆ แล้วร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาก็มีเยอะแยะมากมายจริงๆด้วย ราวกับว่าคนอยุธยาท่านอพยพมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือในกรุงเทพฯกันหมด ขนาดปากซอยบ้านข้าพเจ้ายังมีเลย

  ในปัจจุบันคำจำกัดความว่าก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ไม่ได้หมายความว่าคนขายเป็นคนอยุธยาแล้ว แต่หมายถึงสูตรก๋วยเตี๋ยว ที่น้ำซุปเป็นสีเข้มๆจนบางทีดำเหมือนซีอิ้วดำ มีลูกชิ้นนิดหน่อย มีเนื้อหมูหรือเนื้อวัวหน่อย มีตับชิ้นสองชิ้น ถั่วงอก ผักบุ้งที่หนักไปทางก้าน และที่สำคัญต้องมีใบโหระพา ถ้าก๋วยเตี๋ยวหน้าตาเป็นแบบนี้ จึงจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา แถมเวลารับประทาน จะต้องมีแคปหมู กากหมู รับประทานเพิ่มคลอเลสเตอรอลให้แก่ร่างกายอีกด้วย

  ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาที่มีขายใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขายโดยคนอยุธยาจริงๆ ข้าพเจ้าเจอครั้งแรกที่ท่าน้ำวัดพนัญเชิงฯเมื่อราวๆสี่สิบกว่าปีก่อน ตอนเห็นครั้งแรกมองดูแต่ไกลเห็นเป็นคุณลุงพายเรือลำเล็กนิดเดียว ลุงแกมาจอดเรือที่ท่าน้ำวัด มีชาวบ้านที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยวไปรุมสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือกันเยอะ พอสอบถามชาวบ้านดูก็ได้ความว่า..นี่ก๋วยเตี๋ยวเรือตาเหลียว...

ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาหน้าตาเป็นแบบนี้ ภาพ pantip

  คำว่าตาเหลียวไม่ใช่ว่าแกมีอายุระดับคุณตา คนอยุธยาเขาใช้เรียกถึงบุคคลที่ถูกกล่าวถึงว่า ตานั่น ตานี่...ตาเหลียวที่แท้ยังมีอายุประมาณคุณลุง ข้าพเจ้าอุดหนุนก๋วยเตี๋ยวเรือตาเหลียว แล้วชวนคุยกับแกเรื่องการขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ตาเหลียวเล่าว่า แกขายก๋วยเตี๋ยวเรือตามแนวลำน้ำป่าสัก โดยพายเรือออกจากบ้านมาขายก๋วยเตี๋ยวแถวๆตลาดหัวรอฝั่งริมน้ำ แล้วมาตามแม่น้ำป่าสัก แวะขายก๋วยเตี๋ยวตามบ้านริมแม่น้ำ กะเวลาให้พายเรือมาถึงวัดพนัญเชิงฯตอนใกล้เที่ยง เพราะมีลูกค้าขาประจำรอเยอะ แกจะจอดเริอที่ท่าน้ำวัดราวๆ 2 ชั่วโมง จึงกลับเข้าไปทางแม่น้ำป่าสัก ขากลับค่อยติดเครื่องเรือขับเรือไป เพราะขากลับเรือจะทวนน้ำพายแล้วเหนื่อย

  ตาเหลียวเล่าถึงก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาให้ฟังว่า...เห็นมีพายเรือขายมาตั้งแต่แกยังเด็ก ต้นตอก๋วยเตี๋ยวก็น่าจะมาจากคนจีนอยู่แล้ว จะเรียกเป็นก๋วยเตี๋ยวเจ๊กโน้นเจ๊กนี้ ส่วนก๋วยเตี๋ยวที่คนไทยอยุธยาแบบแกขาย โดยมากไม่ได้ขายก๋วยเตี๋ยวเป็นหลัก จะทำนามากกว่า พอว่างจากฤดูทำนาก็มาขายก๋วยเตี๋ยวเรือเสริมรายได้ ไปๆมาๆเลยขายก๋วยเตี๋ยวเรือจริงๆก็มาก มักจะขายประจำเวลาที่ท่าน้ำวัดต่างๆที่มีคนมากหน่อย แล้วก็แวะขายตามบ้านริมน้ำ ระยะทางที่พายเรือขายไปกลับก็ไม่เกิน 8 ชั่วโมงบวกลบเล็กน้อย อย่างมากพอบ่ายแก่ๆก็ติดเครื่องเรือขับเรือกลับบ้านกันทั้งนั้น

  ตาเหลียวให้ข้อสังเกตว่า ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยาทั้งหมูทั้งเนื้อวัว น้ำก๋วยเตี๋ยวต้องมีสีข้นๆคล้ำๆ ต้องมีใบโหระพา พริกน้ำส้มต้องเป็นพริกขี้หนูตำ...ตาเหลียวนั้น ถ้าแกยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ พ.ศ.2568 แกจะมีอายุราวๆ 100ปีบวกเล็กน้อย

ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต

  ในช่วง พ.ศ.2510บวกลบเล็กน้อย ข้าพเจ้าก็ได้รู้จักและได้รับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต สาเหตุก็เพราะไปเที่ยวบ้านเดิมของมารดาที่อยู่ จ.ปราจีนบุรี ตอนเดินทางออกจากกรุงเทพฯ จุดแรกที่คนกรุงเทพฯมักจะแวะรับประทานอาหาร จะอยู่ตั้งแต่เขต อ.รังสิตไปจนถึงแถวๆประตูน้ำพระอินทร์ ไม่อย่างนั้นจะต้องแวะที่สามแยก อ.หินกอง ซึ่งไกลออกไปอีก ดังนั้นจุดเหมาะสมที่สุดจุดแรกในการแวะรับประทานอาหาร จึงเป็นแถวๆ ตลาดรังสิต และที่นิยมที่สุดก็คือแถวๆถนนรังสิต-นครนายก เพราะมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเรียงรายเต็มไปหมด ครอบครัวข้าพเจ้าไปเที่ยว จ.ปราจีนบุรี คราวใด ต้องแวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตตรงบริเวณนี้ทุกครั้ง ข้าพเจ้าจึงมีความทรงจำเรื่องก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตอยู่พอสมควร

ภาพคุณป้าเจ้าของร้าน จส100 หน้า ม.รังสิต

ช่วงแรกๆที่แวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต จะแวะเข้าถนนเลียบคลองรังสิต ซึ่งก็คือถนนรังสิต-นครนายกในปัจจุบัน สมัยนั้นยังสร้างไม่เสร็จดี ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือจะปลูกเป็นเพิงมีหลังคามุงจากบังแดดบังฝนเท่านั้น ยังไม่ได้เป็นร้านรวงแบบถาวร ในตอนนั้นหลายร้านยกเรือขึ้นมาตั้งบนบกที่หน้าร้าน แต่ก็ยังมีเรือก๋วยเตี๋ยวผูกอยู่ริมคลอง ประมาณว่ายังมีเรือก๋วยเตี๋ยวในคลองหลังร้าน เพื่อช่วยทางหน้าร้านทำก๋วยเตี๋ยวส่งขึ้นมา เพราะลูกค้าเยอะจนทำก๋วยเตี๋ยวไม่ทัน และอีกอย่างก็เพราะ ทางร้านเขาแยกทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อและก๋วยเตี๋ยวหมูออกจากกัน ข้าพเจ้าจำได้ว่าไปรอรับชามก๋วยเตี๋ยวหมูที่เรือริมคลองหลังร้าน ซึ่งร้านที่ไปอุดหนุนเขานั้น หน้าร้านเขาทำเฉพาะก๋วยเตี๋ยวเนื้อ โดยทำบนเรือที่ยกไปวางไว้บนบก โชว์การทำก๋วยเตี๋ยวที่หน้าร้าน     

  ในช่วง พ.ศ.2510 บวกลบเล็กน้อย จำได้ว่าราคาก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตจะมีราคาชามละ 1 บาท อีกหลายปีต่อมาก็ค่อยๆเพิ่มราคาจนถึง 3 บาท ในยุคนั้นถ้าจะซื้อก๋วยเตี๋ยวเรือกลับบ้าน จะซื้อได้เฉพาะก๋วยเตี๋ยวแห้งเท่านั้น จะใส่กระทงใบตองให้มา สมัยนั้นเมืองไทยยังไม่มีถุงพลาสติก ถ้าจะซื้อก๋วยเตี๋ยวน้ำ จำเป็นจะต้องเตรียมหม้ออวยหรือไม่ก็ปิ่นโต เพื่อใส่น้ำก๋วยเตี๋ยว ถ้าซื้อหลายชามเขาจะใส่ก๋วยเตี๋ยวในกระทงซ้อนเป็นชั้นๆ แล้วมัดรวมด้วยเชือกกล้วย ข้าพเจ้าจำได้แม่นเพราะเคยหิ้วมาเองกับมือ แต่ส่วนมากเขาก็ซื้อกลับบ้านเฉพาะก๋วยเตี๋ยวแห้ง ส่วนพริกน้ำส้มนั้นเป็นต้องอด เพราะไม่มีอะไรจะใส่เอากลับมา ต้องปรุงรสเผ็ดหวานมาเลย ถ้าจะเอาพริกน้ำส้มกลับมาด้วย ก็คงต้องใส่ถ้วยแก้ว เพราะถ้วยพลาสติกก็ยังไม่ใช้กัน


  ปัจจุบันก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตก็ยังมีขาย แต่ยกเรือขึ้นบก บางร้านเหมือนยังขายริมคลอง โดยเลี่ยงมาเป็นเรือลำใหญ่ๆมีโต๊ะอาหาร นั่งรับประทานบนเรือได้เลย

  คนที่ไปรับประทายก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตในยุคนั้น เหมือนกับไปเที่ยวปิกนิก เหมือนขับรถเที่ยว ทั้งยังมักจะซื้อแตงโมเอากลับบ้านกันด้วย สมัยนั้นแตงโมรังสิตดังเหมือนกัน มีร้านขายแตงโมตั้งเรียงรายเป็นระยะ ร้านไหนคนซื้อเยอะ ไม่ได้หมายความว่าแตงโมอร่อย ที่แท้ซื้อเพราะแม่ค้าสวย

ก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับ

  ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตที่ดังที่สุดคนรู้จักชื่อที่สุด ก็คือ..ก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับ..แต่สมัยที่ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตดังถึงกรุงเทพฯนั้น เป็นช่วงหลัง พ.ศ.2500ขึ้นมา ซึ่งโกฮับแกถึงแก่กรรมไปแล้ว ดังนั้นคนที่ทันเห็นโกฮับจริงๆ จึงมีแต่คนแถบสะพานรังสิต และคนที่ทำงานแถวๆรังสิต ที่เคยไปอุดหนุนโกฮับ ข้าพเจ้าเองก็ไม่ทันโกฮับ เพราะเกิดไม่ทัน

  จำได้ว่าช่วงแรกที่ได้แวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต จะต้องเข้าไปที่ถนนเลียบคลองรังสิตดังที่ได้เล่าไปแล้ว ต่อมาไม่กี่ปี ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตก็ย้ายมาอยู่ถนนใหญ่ซึ่งก็คือถนนพหลโยธิน โดยตั้งร้านใกล้ๆกันเป็นระยะๆก่อนที่จะถึงตลาดรังสิตหรือแยกรังสิต และหลายร้านจะมีป้ายโชว์ว่า ลูกโกฮับ หลานโกฮับ ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตเจ้าเก่า

  การที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือหลายร้านติดป้ายบอกอ้างถึงโกฮับ เลยทำให้ชื่อโกฮับดังขึ้นมาอย่างมากๆซะงั้น เพราะคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อโกฮับได้เกิดความสงสัยอยากรู้ว่า โกฮับคือใคร

  ช่วงเข้าวัยทีนของคนรุ่นข้าพเจ้า มักเป็นช่วงประถมปลายต่อเนื่องมัธยมต้น ถ้านับถึง พ.ศ.2568 ก็50ปีนิดๆ ข้าพเจ้าเคยคุยกับเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตเรื่องโกฮับ คือแวะรับประทานที่ร้านหลานโกฮับ เจ้าของร้านหัวเราะเล่าให้ฟังว่า ปัจจุบัน(ขณะนั้น)แถวนี้ไม่มีร้านไหนเกี่ยวกับโกฮับหรอก มีแต่จำสูตรก๋วยเตี๋ยวโกฮับเอามาทำ ขาดบ้างเพิ่มสูตรบ้างของใครของมัน แล้วแกก็เล่าเรื่องโกฮับให้ฟังว่า

  ก่อน พ.ศ.2500 โกฮับพายเรือขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวอยู่ในคลองรังสิต พายเรือไปขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวคู่กันกับเพื่อนที่ขายก๋วยเตี๋ยวหมู โกฮับมีทีเด็ดตรงสูตรก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก และพริกน้ำส้มดอง จุดที่โกฮับจอดเรือนานๆจะเป็นใต้สะพานตรงคลอง 1 เรือขายก๋วยเตี๋ยวหมูของเพื่อนโกฮับขายดีกว่า ก็เพราะคนรับประทานเนื้อวัวน้อยกว่านั่นเอง เรือก๋วยเตี๋ยวหมูเพื่อนโกฮับจึงขายหมดก่อนแล้วพายเรือกลับ เหลือแต่โกฮับขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว ประมาณว่าขายนานจนเลยเวลาโรงเรียนแถวนั้นเลิกเรียน เด็กนักเรียนยังทันมานั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวโกฮับ โกฮับขายก๋วยเตี๋ยวให้เด็กๆชามละ 50 สตางค์

  ก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับเป็นที่รู้จักของคนในย่านตลาดรังสิต ต่อมามีทหารอากาศติดต่อโกฮับไปออกร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่ดอนเมือง โดยเอารถบรรทุกมาช่วยขนเรือและอุปกรณ์ พอโกฮับได้ไปขายก๋วยเตี๋ยวในงานกองทัพอากาศ คนต่างถิ่นก็เริ่มรู้จักก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับ และก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกสูตรโกฮับ

ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก

  โกฮับแท้จริงแล้วเป็นต้นกำเนิดของก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก เป็นสูตรของโกฮับโดยตรง ข้าพเจ้าจำจากผู้เล่าได้จนบัดนี้ ตอนแรกนึกว่าก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกมีสูตรปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยวแตกต่างจากธรรมดา ต้องใส่เครื่องยาจีนพิเศษอะไรแน่ๆ แต่พอทราบสูตรก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกของแท้โกฮับ ก็ต้องขำว่าเราคิดมากเกินไป เพราะที่แท้แล้วสูตรก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกของโกฮับนั้นง่ายมาก 

สูตรก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก

  โกฮับใช้เนื้อวัวอย่างดี เป็นเนื้อวัวสดใหม่ หั่นเป็นชิ้นๆกองไว้บนตะแกรง มีกะละมังรองไว้ข้างล่าง แล้วเอาน้ำแข็งมือทับเนื้อวัวไว้ น้ำแข็งมือก็คือน้ำแข็งเป็นก้อนสี่เหลี่ยมใหญ่จากโรงงาน สมัยก่อนตอนซื้อน้ำแข็งเป็นก้อนเขาจะเรียก ซื้อน้ำแข็งมือหนึ่ง น้ำแข็งสองมือ โกฮับเอาก้อนน้ำแข็งวางทับเนื้อวัวสดไว้ ก็เพื่อให้เนื้อวัวยังคงความสดไว้คล้ายแช่ตู้เย็น พอน้ำแข็งเริ่มละลาย น้ำจากน้ำแข็งจะไหลลงบนเนื้อวัวสดๆ แล้วน้ำจากน้ำแข็งก็จะไหลปนกับเลือดของเนื้อวัวทั้งกอง หยดลงไปยังกะละมัง ดูคล้ายๆน้ำตก เลยเรียกว่าเนื้อน้ำตก แล้วโกฮับจะเอาน้ำที่ปนกับเลือดนี้มาใส่ในน้ำก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวของแก

  ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตกในปัจจุบัน เท่าที่เห็นไม่ได้ทำแบบโกฮับ เพราะสมัยนี้เล่นตักเลือดข้นขลั่กใส่ลงในชามก๋วยเตี๋ยวกันเลย ใครไปเจอเลือดที่เก่าใกล้บูดหรือบูดแล้ว...แทบอ้วก หรืออ้วกแตก...ข้าพเจ้าเคยเจอมาแล้ว เลิกรับประทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวไปเลย

  เรื่องราวของโกฮับโดยละเอียด มีในอินเทอเน็ตสามารถหาอ่านได้ แต่แปลกเหลือเชื่อว่า ไปๆมาๆประวัติโกฮับดันพูดไปคนละทาง แบบว่านี่มันคนละโกชัดๆ ประมาณว่าต้องมีโกฮับตัวจริงตัวปลอม อ่านแล้วต้องพิจารณาให้ดี

  โกฮับชาวจีนไหหลำ พายเรือขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก ได้กลายเป็นตำนานความอร่อยของท้องถิ่น ทั้งทางจังหวัดปทุมธานี ยังจำลองการขายก๋วยเตี๋ยวเรือของโกฮับเอาไว้ให้ชมกันอีกด้วย โดยทำเป็นโลหะหล่อ เป็นประวัติศาสตร์ของชุมชนในอดีต

 

ก๋วยเตี๋ยวเรือในกรุงเทพฯ

  Once upon a time when I was a child...เอ๊ย...ครั้งที่ข้าพเจ้ายังเด็กนั้น กรุงเทพฯกับธนบุรียังไม่รวมเป็นกรุงเทพมหานคร จะเรียกฝั่งกรุงเทพฯว่าฝั่งพระนคร เรียกธนบุรีว่าฝั่งธนฯ ยังมีเรียกกรุงเทพฯว่าบางกอก แต่บางกอกจริงๆดันอยู่ฝั่งธนฯ คือ บางกอกน้อย บางกอกใหญ่

  ก่อน พ.ศ.2510 ช่วงเรียนชั้นประถมข้าพเจ้าย้ายบ้านจากฝั่งพระนครไปฝั่งธนฯ ไปอยู่แถวถนนสมเด็จเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามบ้านยังมีสวนละมุดด้วย ยังทันเห็นเรือขายก๋วยเตี๋ยวที่ปากคลองสาน แต่น้อยมากๆแล้ว ในคลองสมเด็จเจ้าพระยายังมีเรือใช้เส้นทางอยู่บ้างซึ่งก็น้อยมากๆ ต่อมาก็ไม่มีเรือใช้เส้นทางคลองสมเด็จเจ้าพระยาอีกเลย 

ภาพ อินเทอเน็ต หาต้นทางถาพไม่ได้แล้ว

  สมัยก่อนตามริมแม่น้ำเจ้าพระยาและในลำคลองต่างๆของกรุงเทพฯ ยังมีเรือขายอาหารสารพัด ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ผัดไทย ขนมจีน ข้าวแกง ขนม หมูสะเต๊ะ โอเลี้ยง กาแฟ ทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าเคยซื้อรับประทานมาแล้ว

  ถ้าคิดถึงอดีตของก๋วยเตี๋ยวเรือในกรุงเทพฯ ก๋วยเตี๋ยวเรือดังสุดคนรู้จักมากสุดก็ต้องเป็น ก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ ความจริงในกรุงเทพมีก๋วยเตี๋ยวเรืออยู่อีกหลายแห่ง แต่เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือตามท้องถิ่นตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตามลำคลองต่างๆ เขาพายเรือขับเรือขายเป็นลำๆแยกกัน ต่างคนต่างขาย ไม่ได้มารวมกันเป็นกลุ่มแบบก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯและอนุสาวรีย์ชัยฯ



ก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ

    ช่วงที่ข้าพเจ้าเรียนชั้นมัธยมต้น ก็ราวๆ 50 ปีก่อน สมัยนั้นข้าพเจ้ากับเพื่อนๆจะนัดกันไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือตรงคลองข้างวัดเบญจมบพิตร เรียกกันว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ ในช่วงมัธยมปลาย กลุ่มเพื่อนๆเรียนต่อสายสามัญ มีข้าพเจ้าแค่คนเดียวที่เรียนช่างกล พวกเราไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯกันบ่อยขึ้น สาเหตุเพราะไปจีบสาวพาณิชยการพระนคร  

  ก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯในช่วงใกล้ พ.ศ.2520 ตอนนั้นราคาชามละ 2 บาท ต่อมาเป็น 3 บาท หลังจากนั้นจะขี้นราคาตอนไหนอีกก็จำไม่ได้แล้ว ถ้าขึ้นราคาก็ต้องไม่เกิน 5 บาท ราคาก๋วยเตี๋ยวเรือจะต้องถูกกว่าปกติ เพราะราคาอาหารในสมัยนั้นโดยเฉลี่ยยังไม่ถึงหลัก 10 บาท จำได้ว่าที่โรงอาหารวิทยาเขตช่างกลที่ข้าพเจ้าเรียน ตอน ป.ว.ช. ราคาข้าวแกงจานละ 3.50บาท โอเลี้ยง น้ำผลไม้ แก้วละ 1 บาท ส่วนอาหารตามร้านทั่วไปนอกวิทยาเขตจะมีราคาสูงกว่าไม่มาก ดังนั้นราคาก๋วยเตี๋ยวเรือจึงประมาณได้ง่ายว่า ถึงขึ้นราคาก็ไม่น่าจะเกินชามละ 5 บาท เรื่องราวมันนานถึง 50 ปีแล้ว ชักจะจำแบบเลือนๆ

ก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ ภาพ อินเทอเน็ต หาต้นทางถาพไม่ได้แล้ว

  ข้าพเจ้าสงสัยว่าคลองข้างวัดเบญจมบพิตรอยู่ห่างแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ไม่น้อย นึกไม่ออกว่าเขาพายเรือมาถึงที่นี่ได้อย่างไร ที่จริงก็ไม่ได้ใช้วิธีพายเรือมากนัก เพราะมีเครื่องยนต์หางเสือใช้ด้วย ถามน้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวเรือ แกก็ว่ามาจากแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านตลาดเทเวศร์ ทางเข้าอยู่ข้างวัดเทวราชกุญชร ชาวบ้านเรียกคลองเทเวศร์ ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของคลองผดุงกรุงเกษม มาตามคลองผดุงกรุงเกษมไปเรื่อย พอถึงวัดโสมนัสก็เลี้ยวซ้ายเข้าคลองเปรมประชากร ผ่านด้านข้างพาณิชยการพระนครด้านที่มีอนุสาวรีย์เสด็จเตี๋ยกรมหลวงชุมพรฯ แล้วจึงจะถึงคลองเปรมประชากรช่วงที่คนทั่วไป(รวมทั้งข้าพเจ้า)ชอบเรียกว่าคลองวัดเบญฯเพราะผ่านข้างๆวัดเบญจมบพิตร ซึ่งเป็นจุดที่เรือก๋วยเตี๋ยวมาจอดขายข้างวัดเบญฯ จึงเรียกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ        



  บริเวณที่ขายก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ จะเป็นริมเขื่อนข้างๆวัดเบญฯ ลูกค้านั่งยองๆหรือนั่งบนเสื่อที่ปูไว้บนพื้น มีเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ยๆวางอยู่บ้าง บางทีคนขายก๋วยเตี๋ยวก็วางพวงเครื่องปรุงรสไว้ให้  จำได้ว่าพวงเครื่องปรุงยังเป็นแบบโลหะ ส่วนถ้วยเครื่องปรุงเป็นแก้วใส่กาแฟร้านโกขายโกปี๊ต่างๆ ชามก๋วยเตี๋ยวเป็นชามกระเบื้องแบบที่เรียกว่า ชามตราไก่ หรือ ชามไก่ ซึ่งปัจจุบันนับเป็นชามกระเบื้องสุดคลาสสิก เป็นของสะสมหายากกันแล้ว คิดแล้วก็ไม่น่าเชื่อ ที่ของพื้นๆเห็นกันดาษดื่นในสมัยก่อนที่ผ่านมาไม่นานเท่าไร กลายเป็นของแอนติกกันแล้ว 

  การรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯบางครั้งก็ทุลักทุเลอยู่บ้าง เพราะเขื่อนของที่นี่เป็นเขื่อนแบบเอียงเทลาดลงไปหาคลอง แล้วพอถึงช่วงน้ำลงก็ลงเสียจนมีระดับระยะสูงต่ำมาก จากผิวน้ำถึงขอบตลิ่งริมเขื่อนระยะสูงประมาณเกินหนึ่งช่วงคนกว่าๆ คนส่งก๋วยเตี่ยวจากเรือถึงกับต้องยืนเต็มตัวยื่นมือสูงพ้นศีรษะเพื่อส่งชามก๋วยเตี๋ยว หลายครั้งที่ลูกค้าต้องมารอรับชามก๋วยเตี่ยวด้วยตัวเอง โดยต้องยืนบนพื้นลาดเอียงสูงชัน ไม่มีอะไรให้เหนี่ยวมือเลย ข้าพเจ้าเคยคอยรับชามก๋วยเตี่ยวให้สาวพาณิชย์และลูกค้าสาวๆที่ไม่สะดวกยื่นมือรับ เพราะสาวๆใส่กระโปรงกันทั้งนั้น                                                                                 

ก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญ

  จากมุมที่สูงชันของเขื่อนริมคลองนี่เองที่ทำให้เกิดเรื่องประทับในความทรงจำ วันหนึ่งข้าพเจ้าไปอุดหนุนก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ อยู่ๆก็ได้ยินน้าคนขายก๋วยเตี๋ยวร้องบอกว่า...เอาไปให้ผู้หญิงสวยๆที่ใส่กางเกงในสีเหลือง...ข้าพเจ้าสะดุ้งหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจจริงๆ...กางเกงในสีเหลือง ลายดอกด้วย...มุมมันได้พอดี จำได้จนบัดนี้..เหตุการณ์คล้ายกันไปเจออีกครั้งที่ท่าน้ำนนท์

  ต่อมาก๋วยเตี่ยวเรือวัดเบญฯก็ปิดตำนานไป เพราะทางการไม่อนุญาตให้มาขายตรงนี้ ข้าพเจ้าจำเหตุผลจริงๆไม่ได้แล้ว จำปี พ.ศ.ที่เริ่มห้ามขายไม่ได้ ก็เข้าใจเอาเองว่า น่าจะมีปัญหามาจากเรื่องการปิดเปิดประตูน้ำตรงปากคลองเทเวศร์(ต้นทางคลองผดุงฯ) อีกเรื่องคลับคล้ายคลับคลาว่า เกี่ยวกับการรักษาความสะอาดของลำคลอง เรื่องนี้จำไม่ได้จริงๆ       



ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ

  ก๋วยเตี๋ยวเรือสุดดังของคนกรุงเทพฯนอกจากก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ ก็ยังมีก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ คืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินั่นเอง ซึ่งคนกรุงเทพฯเรียกอย่างมากแค่ว่า อนุสาวรีย์ชัยฯ ก๋วยเตี๋ยวอนุสาวรีย์ชัยฯมีไล่ๆกันกับก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ ของวัดเบญฯมีมาก่อนไม่นาน แถมภายหลังก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯบางเจ้า(เท่าที่สอบถาม)ก็ย้ายมาขายที่อนุสาวรีย์ชัยฯด้วย

  เมื่อไม่มีก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ ก็ย้ายมารับประทานก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ฯ ซึ่งอุดหนุนก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ฯไปได้อีกหลายปี อุดหนุนตั้งแต่ยังเป็นช่วงวัยหนุ่มวัยเรียนไปจนถึงเรียนจบทำงาน เพราะก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯขายติดต่อกันยาวนานกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯ                                                                                                        

ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัย

    ทำเลที่ตั้งของก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ฯดีกว่าที่วัดเบญฯมาก ก๋วยเตี๋ยวเรือวัดเบญฯคนนอกพื้นที่ต้องตั้งใจไปรับประทานกันจริงๆ เพราะการเดินทางด้วยรถเมล์มีน้อยสาย ลูกค้าส่วนมากจึงเป็นคนที่ทำงานแถวนั้น และนักเรียนในย่านนั้น แต่ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ฯขายอยู่ตรงที่เป็นชุมทางการเดินทางคล้ายๆสนามหลวงกันเลยทีเดียว เพราะมีรถเมล์ผ่านเยอะมาก เป็นจุดต่อสายรถเมล์มากสายไปได้ทั่ว ทั้งยังมีต้นสายรถตู้หลายสาย คนมาใช้เส้นทางมากเป็นพิเศษ มีพื้นที่รอบๆอนุสาวรีย์มากพอสมควร ถึงขนาดเคยมีห้างโรบินสันสาขาอนุสาวรีย์ชัยอีกด้วย ภายหลังยังมีร้านแฟรนชายส์ดังสำหรับวัยรุ่นมาเปิดหลายยี่ห้อ

  ข้าพเจ้าไปอุดหนุนก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯตั้งแต่ราคาชามละ 3 บาท จนกระทั่ง 4 บาท 5 บาท ต่อเนื่องไปจนถึง 10 บาท แล้วก็ไม่ได้ผ่านไปทางนั้นอีกสักเท่าไร ต่อมามีข่าวทางการไล่ที่ก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ ปรากฏว่าคนด่ากันทั้งเมือง ไม่มีใครเห็นด้วยกับการไล่ที่ ภายหลังก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯพัฒนามาเป็นร้านถาวรหลายร้าน กระจายไปในย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ แต่คนไทยที่ทันยุคก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯครั้งอยู่ริมคลองน้ำดำๆ แทบทั้งหมดชอบบรรยากาศดั้งเดิมมากกว่า  

  ช่วงแรกๆที่ข้าพเจ้าไปอุดหนุนก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯ  ขนาดว่าไกลจากบ้านฝั่งธนบุรี ก็ยังเดินทางง่ายกว่าไปวัดเบญฯที่อยู่ใกล้กว่า จำได้ว่าขณะที่นั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยว เพื่อรอรับสาวพาณิชย์โรงเรียนแถวนั้น ได้สอบถามลุงคนขายว่า มาขายที่ริมคลองนี้ได้อย่างไร ก็ได้ความว่า ขับเรือก๋วยเตี๋ยวมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงใกล้ๆสะพานซังฮี้(สะพานกรุงธนฯ) ปากคลองทางเข้าอยู่ใกล้วัดประสาทฯ เรียกว่าคลองสามเสน มาตามคลองเรื่อยๆก็จะถึงด้านข้างๆอนุสาวรีย์ชัยฯ ข้าพเจ้าถึงได้รู้ว่า คลองน้ำเน่าดำปี๋ตรงที่ขายก๋วยเตี๋ยวเรือนั้นคือคลองสามเสน


  การรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรืออนุสาวรีย์ชัยฯสำหรับคนวัยเรียนวัยเดียวกับข้าพเจ้าในยุคนั้น มีความระทึกใจอยู่บ้าง เพราะเป็นจุดต่อรถเมล์สำคัญ จึงมีโอกาสได้ฝ่าดงตีนให้ระทึกใจเล่นๆ เพราะจะมีนักเรียนอาชีวะหลายโรงเรียนมาป้วนเปี้ยนแถวนั้น พอเจอโรงเรียนคู่อริก็ตีกัน

ก๋วยเตี๋ยวเรือคลองคูเมืองเดิม สนามหลวง

  ช่วงก่อน พ.ศ.2525 หลายปี ขณะที่ยังมีตลาดนัดท้องสนามหลวง คนที่ไปท้องสนามหลวง ถ้าเดินไปทางด้านหลังของศาลยุติธรรม จะเป็นคลองคูเมืองเดิม ที่คนมักเรียกผิดเป็นคลองหลอด ตามบริเวณริมคลองจะเป็นย่านที่ขายต้นไม้ ชาวสวนจะเอาต้นไม้ดอกไม้กระถางมาขาย ตั้งขายเรียงรายไปจนถึงบริเวณอนุสาวรีย์แม่พระธรณี และบริเวณคลองคูเมืองนี้เอง จะมีเรือก๋วยเตี๋ยวมาขายอยู่หลายลำ เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือคลองคูเมืองเดิม แต่มักจะเรียกเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือคลองหลอด หรือก๋วยเตี๋ยวเรือท้องสนามหลวง

ก๋วยเตี๋ยวคลองคูเมืองเดิม สนามหลวง

                                 

  ตอนข้าพเจ้ายังเด็ก เคยรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือที่นี่ ราคาชามละ 1 บาท บางทีมีลูกค้าเป็นกลุ่มอยู่อีกฝั่งคลอง เขาก็พายเรือข้ามมาขายก๋วยเตี๋ยวให้ การส่งก๋วยเตี๋ยวเรือตรงริมคลองคูเมืองเดิมนี้ ค่อนข้างส่งยากสักหน่อย เพราะริมคลองทำเป็นเขื่อนแนวตั้งตรงเหมือนกำแพง  ไม่มีทางลาดเอียงให้คนเดินลงไปได้ ดังนั้นถ้าเป็นช่วงน้ำลง การส่งชามก๋วยเตี๋ยวจากเรือสู่ลูกค้าริมคลองก็ทุลักทุเลหน่อย

  ในยุคหนึ่ง ก๋วยเตี๋ยวเรือคลองคูเมืองเดิม หรือก๋วยเตี๋ยวเรือสนามหลวง นับเป็นสีสันหนึ่งของตลาดนัดท้องสนามหลวง เป็นตำนานความทรงจำไปแล้ว

  ก๋วยเตี๋ยวเรือท้องสนามหลวงความจริงยังมีกระจัดกระจายอยู่อีก แต่จอดขายก๋วยเตี๋ยวแค่ลำหรือสองลำ ข้าพเจ้าเคยไปนั่งรับประทานมาแล้ว คือก๋วยเตี๋ยวเรือที่แวะจอดขายที่ท่าพระจันทร์และท่าช้าง แต่น่าจะเป็นแวะจอดขายเท่านั้นไม่ได้ขายประจำสักเท่าไร และที่ข้าพเจ้าไปนั่งรับประทานหลายครั้ง ก็คือก๋วยเตี๋ยวเรือใต้สะพานพระปิ่นเกล้าตอนสร้างสะพานเสร็จใหม่ๆ ไปนั่งรับประทานอยู่ราวๆ 3-4ปี เรื่องของเรื่องคือ..จีบสาววิทยาลัยนาฏศิลป์ ซึ่งวิทยาลัยอยู่ติดโรงละครแห่งชาติ ใกล้จุดที่ขายก๋วยเตี๋ยวเรือนั่นเอง

คลองผดุงกรุงเกษม น่าจะเป็นแถวๆตลาดโบ๊เบ๊ ทันไปรับประทาน

ก๋วยเตี๋ยวเรือฝั่งธนบุรี

  ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ขายในกรุงเทพฯมาแต่เดิมนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในคลองฝั่งธนบุรี ซึ่งฝั่งธนฯมีคลองมากที่สุด แถบที่มีก๋วยเตี๋ยวเรือมากสุด จะอยู่ในคลองบางกอกน้อย คลองบางกอกใหญ่ ทั้งสองคลองนี้ยังมีคลองแยกสาขาไปเป็นคลองต่างๆอีกมาก มีก๋วยเตี๋ยวเรือทั้งนั้น โดยเฉพาะคลองบางกอกน้อยมีก๋วยเตี๋ยวเรือมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นชุมชนเก่าแก่มีคนอยู่เยอะ แถมคลองบางกอกน้อยยังยาวต่อเนื่องไปจนถึงคลองบางใหญ่ ไปถึงคลองอ้อมไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับตลาดขวัญ จ.นนทบุรี ตลอดเส้นทางลำคลองสายนี้ มีบ้านเรือนอยู่มากมายตลอดเส้นทางลำคลอง ที่ข้าพเจ้าทราบก็เพราะ ช่วงที่อยู่ในยุคหนุ่มช่างกลกับสาวพาณิชย์เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ได้เคยไปๆมาๆตามเส้นทางลำคลองสายนี้ เคยใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่ที่บ้านริมคลองสายนี้

ร้านนายอ้วนบางขุนนนท์

                                       

จากความทรงจำเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ช่วงที่ข้าพเจ้าไปๆมาๆระหว่างคลองบางกอกน้อย คลองบางใหญ่ คลองอ้อมเมืองนนท์ ได้เห็นเรือขายอาหารหลายอย่าง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวเป็ด เรือขายข้าวแกง ขนมจีน เรือผัดไทย เรือขายโอเลี้ยงขายกาแฟ แม้แต่เรือขายไอศกรีมยังมีเลย แต่รวมความแล้วก๋วยเตี๋ยวเรือมีมากกว่า

  ข้าพเจ้าสังเกตเห็นโดยบังเอิญว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือทางฝั่งธนฯไปจนต่อเนื่องถึงคลองบางใหญ่ ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวก็เหมือนก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวน้ำข้นทั่วๆไป แต่ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวหมู จะเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำใสทั้งนั้น ไม่ได้เป็นแบบก๋วยเตี๋ยวหมูของอยุธยา ที่ทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวและก๋วยเตี๋ยวหมู ต่างก็เป็นแบบน้ำข้นเหมือนกัน

  ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ข้าพเจ้าเคยรับประทานทั้งในคลองบางกอกน้อย คลองอ้อม คลองบางใหญ่ ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูจะเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำใสทั้งหมด ใส่หมูหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ใส่หมูสับ มีเครื่องในใส่มาเล็กน้อย คือ ตับ กระเพาะ เซี่ยงจี๊ ไส้อ่อน แผ่นเกี๊ยวกรอบ และมีกุ้งแห้งฝอยโรยบนชามมาให้ด้วย จำได้ว่าไม่มีลูกชิ้น จะรับประทานก๋วยเตี๋ยวหมูกี่เจ้าก็เป็นอย่างนี้ ส่วนผักก็เป็นถั่วงอก ใบตำลึง

  ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ก็จะมีขายในเรือก๋วยเตี๋ยวหมูอยู่แล้ว ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาก็มีเรือขายแยกไปต่างหาก ที่พบน้อยที่สุดคือเรือขายก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าพเจ้ามีเรือก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าประจำอยู่ที่คลองทวีวัฒนา ปัจจุบันคงไม่มีแล้ว

  ก๋วยเตี๋ยวเรือฝั่งธนฯที่นับว่าต้องเข้าไปลึกแบบคนทั่วไปไม่คุ้นเคยยังมีอีก เช่นแถบคลองมหาสวัสดิ์ ที่ยาวจาก จ.นนทบุรี กรุงเทพฯด้านฝั่งธนฯ ไปออกแม่น้ำที่ อ.นครชัยศรี สมัยข้าพเจ้าหนุ่มๆ เคยเที่ยวซอกแซกไปถึง เห็นก๋วยเตี๋ยวเรือและเรือขายอาหารต่างๆ ข้อนี้ยืนยันได้ว่า มีคลองมีคนอยู่ ก็มีก๋วยเตี๋ยวเรือ

คลองมหาสวัสดิ์ ภาพ khaosod

  ก๋วยเตี๋ยวเรือในกรุงเทพฯ แต่เดิมก็มีไปทั่ว ที่ไหนมีลำคลองมีชุมชนอาศัย ก็มีก๋วยเตี๋ยวเรือขายกันเป็นปกติ พอยุคปัจจุบันเส้นทางคมนาคมเปลี่ยนจากแม่น้ำลำคลองมาเป็นถนน ผู้คนย้ายจากริมคลองมาอยู่แนวติดถนนกันหมด ก๋วยเตี๋ยวเรือแบบพายเรือขายจึงหายไปโดยปริยาย

  สุดท้ายก๋วยเตี๋ยวเรือจึงยกเรือขึ้นบกมาขาย มีเรือโชว์หน้าร้านยืนยันว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ แล้วที่สุดก็ไม่มีเรือ คงเหลือแต่ป้ายเขียนว่า..ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา..เหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวเรือหน้าปากซอยบ้านข้าพเจ้านั่นเอง

  สำหรับข้าพเจ้าจะมีความทรงจำที่เกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยวเรือทางเมืองนนท์ที่สุด เพราะเป็นช่วงที่เข้าวัยหนุ่มที่รู้เรื่องมากแล้ว เป็นวัยเรียนวัยรัก และวัยฝ่าดงตีน ได้เคยไปสัมผัสชีวิตริมคลองจริงๆ ร้านค้าร้านอาหารไม่มีถ้าไม่เข้าไปที่ตลาด อยู่บ้านริมคลอง ต้องรอเรือขายอาหารเพียงอย่างเดียว และแน่นอนคือ ก๋วยเตี๋ยวเรือ

  ก๋วยเตี๋ยวเรือเมืองนนท์เมื่อ 40 กว่าปีก่อน ถ้าหารับประทานง่ายสุดก็ที่ท่าน้ำนนท์ ข้าพเจ้าก็นั่งรับประทานที่นี่ ลุงคนขายแกจะจอดเรือเอาเท้าเกี่ยวเสาด้านหลังโป๊ะซี่งมีบันใดลงไปริมน้ำด้วย พอลูกค้ารับชามก๋วยเตี๋ยวก็จะไปนั่งรับประทานบนท่าน้ำนนท์ซึ่งมีที่นั่งของท่าเรือ ไม่ค่อยมีคนนั่งรับประทานตรงบันใด เพราะเรือหางยาวจะเข้าๆออกๆบ่อย จึงมีคลื่นซัดน้ำกระเซ็น

  วันหนึ่งนั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือ ลุงคนขายแกว่า...ไอ้หนุ่ม วานเอาก๋วยเตี๋ยวไปให้ผู้หญิงที่ใส่กางเกงในสีแดงหน่อยว่ะ

  เมื่อ 4 ปีก่อน แวะไประลึกอดีตของวัยหนุ่มช่างกลกับสาวพาณิชย์ที่คลองบางใหญ่ ยังได้เจอก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าเดิมอย่างไม่คาดฝัน เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือที่เคยรับประทานที่บ้านหลังหนึ่งริมคลองบางใหญ่...ก๋วยเตี๋ยวเรือป้าป้อม...ซึ่งเดี๋ยวนี้คนเรียกป้าป้อมตามอายุของแกว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือยายป้อม

  ป้าป้อมหรือยายป้อมแกมาจอดเรือขายก๋วยเตี๋ยวที่ท่าน้ำตลาดบางใหญ่เก่า ซึ่งสมัยก่อนตรงนี้แหละคือ อ.บางใหญ่ ข้าพเจ้าชวนแกคุยเพราะพลอยระลึกอดีต ป้าป้อมหรือยายป้อมมีอายุ 80 ปีแล้ว แกไม่อยากอยู่เฉยๆ เลยดื้อกับลูกๆขอออกมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือเหมือนที่แกเคยขายมาตั้งแต่แกยังสาว ป้าป้อมเล่าว่าก๋วยเตี๋ยวเรือคลองบางใหญ่รุ่นแกนี้ ก็เหลือเพียงแกขายอยู่เจ้าเดียวแล้ว

ก๋วยเตี๋ยวเรือยายป้อม ท่าน้ำบางใหญ่เก่า ถ่ายภาพเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ.2521

            

  ป้าป้อมหรือยายป้อม ยังคงรักษาวิถีก๋วยเตี๋ยวเรือเมืองนนท์เอาไว้ เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือบางใหญ่รุ่นเก่าคนสุดท้าย และสำหรับความทรงจำบางอย่างของหนุ่มช่างกล ป้าป้อมหรือยายป้อมเป็นจิ๊กซอว์สุดท้ายที่ย้ำเตือนความทรงจำของข้าพเจ้า ที่เกี่ยวกับคนในคลองบางใหญ่...กะว่าเร็วๆนี้ข้าพเจ้าจะกลับไปที่ท่าน้ำบางใหญ่เก่า ไปอุดหนุนป้าป้อม ไปเพื่อดูว่า..ป้าป้อมก๋วยเตี๋ยวเรือบางใหญ่รุ่นเก่าคนสุดท้าย 

เรื่อง จากความทรงจำ 

ภาพ จากอินเทอเน็ต ที่หาต้นทางไม่เจอแล้ว และภาพของสีหวัชร



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น