ขณะที่ข้าพเจ้าดูช่องยูทูปไปเรื่อยเปื่อย บังเอิญไปเจอหนังไทยเก่าเรื่อง
“แม่ย่านาง” ลุงมิตร ชัยบัญชา ป้าพิสมัย
วิลัยพร แสดงนำ เป็นเรื่องของแม่ย่านางเรือ ดูไปสักครู่ก็นึกขึ้นได้ว่า...ข้าพเจ้าเองนั้น
ได้เห็นคติแม่ย่านางโดยใกล้ชิดมาตั้งแต่ข้าพเจ้ายังเด็ก
ใกล้ชิดขนาดเยื้องๆกับบ้านห่างกันแค่ตึกแถว 3-4 ห้องเท่านั้น แต่เป็นแม่ย่านางบนบก
คือ แม่ย่านางของรถสามล้อเครื่อง
เยื้องๆตึกแถว(รุ่นโบราณ)ที่เป็นบ้านข้าพเจ้าเป็นอู่รถสามล้อเครื่อง
อาเจ่กเจ้าของอู่แกซ่อมสร้างรถสามล้อกันหน้าบ้านเลย พอทำรถสามล้อเครื่องเสร็จ
แกก็จะเอาผ้าแพรมาผูกกับพวงมาลัยรถสามล้อ มีเครื่องไหว้เจ้าแบบจีน เช่น ขนมจันอับ
ขนมเทียน หมูสามชั้นต้มสุก น้ำชาจีน ถั่วลิสงเคลือบน้ำตาล พอถามอาเจ่กว่าทำอะไร
แกก็ตอบว่า..ไหว้หม่าโจ้ว...แกว่าคนไทยเรียกว่า..แม่ย่านาง
พอคนขับรถสามล้อมารับรถ
ก็จะมีพวงมาลัยมาวางตรงที่ว่างหน้าแฮนด์รถ บางคนก็มีผ้าแพรมาผูกเพิ่ม ถามดูแกก็บอกว่า..ออกรถก็ต้องไหว้แม่ย่านางรถก่อนน่ะสิ...ที่เล่ามานี้เป็นช่วงวัยเด็ก
ก็ห้าสิบกว่าปีก่อนเข้าให้แล้ว นับจาก พ.ศ.2568ลงไปนะ
ข้าพเจ้าจำไว้แต่นั้นมา ถึงจะไม่ได้ความละเอียด แต่ก็จำว่า
แม่ย่านางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของยานพาหนะ คนขับรถสามล้อทุกคนเรียกแม่ย่านาง
แต่อาเจ่กเรียกภาษาจีนแต้จิ๋วว่า หม่าโจ้ว
เมื่อข้าพเจ้าเข้าวัยรุ่นเรียนช่างกล คราวนี้ก็ได้รู้จักคุ้นเคยกับ...แม่ย่านางเรือ..จะเห็นผ้าแพรหลากสีผูกบูชาแม่ย่านางเรือตรงหัวเรือทุกลำ
อย่างน้อยก็ต้องมีพวงมาลัย 1 พวง
ที่เห็นเป็นเพราะเป็นช่วงชีวิตข้าพเจ้าที่เป็นยุค..หนุ่มช่างกลกับสาวพาณิชย์..ข้าพเจ้านั่งเรือหางยาวไปกับสาวพาณิชย์คนหนึ่งบ่อยๆ
จากท่าช้างเข้าคลองบางกอกน้อย ไปสุดทางที่ อ.บางใหญ่(เก่า)
และต่อเรือเข้าคลองบางใหญ่ไปที่บ้านริมคลองหลังหนึ่ง...ระลึกถึงจังเลย
แม่ย่านาง
เท่าที่ได้คุยกับคนรุ่นเก่าในสมัยนั้น ก็ได้เรื่องราวความเชื่อแบบชาวบ้านๆ
ที่ท่านเชื่อถือสืบต่อกันมาตามคติท้องถิ่น และมาอ่านเจอในหนังสือของอาจารย์ ส.พลายน้อย
ซึ่งท่านก็อยู่แถวบ้านแม่ข้าพเจ้า พอจะสรุปความเชื่อได้ว่า แม่ย่านางเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผู้คนที่ใช้ยานพาหนะทั้งหลาย
จัดเป็นคติความเชื่อแบบดั้งเดิมที่เป็นจำพวกศาสนานับถือผีมีศักดิ์
อันเป็นความเชื่อก่อนมีศาสนาพุทธเข้ามาในสุวรรณภูมิ
พอที่จะประมวลเล่าสู่กันฟังประมาณนี้
แม่ย่านางเป็นเทพธิดาประเภทเทพอารักษ์หรือเทพารักษ์
มีอำนาจคุ้มครองยานพาหนะ คุ้มครองคนในพาหนะนั้นๆ
แม่ย่านางจัดเป็นเทพอารักษ์ในระดับอินเตอร์
เพราะในชนชาติอื่นเขาก็มีความเชื่อแบบนี้คล้ายกัน ไทย จีน แขก ฝรั่ง
มีความเชื่อทำนองนี้คล้ายกัน
หม่าโจ้ว มาจู เจ้าแม่ทับทิม
เท่าที่เคยอ่านหนังสือที่มีกล่าวถึงคติแม่ย่านาง
นักวิชาการไทย(เท่าที่ข้าพเจ้าได้อ่าน) มักจะลงความเห็นว่า เรื่องแม่ย่านางนั้น
ไทยเรารับมาจากจีน เพราะมีความเชื่อแบบจีนมีเรื่องเล่าแบบจีนเข้ามาสนับสนุนยืนยัน
มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เมื่อรับความเชื่อมาจากจีนแล้ว
ก็ผสมผสานกับไทยจนเป็นคติแม่ย่านางในที่สุด ซึ่งคตินี้ก็น่าเชื่อถือมากๆด้วย
ข้าพเจ้าขอจำเอามาเล่าพอสังเขปดังนี้
จากบทความในหนังสือศิลปวัฒนธรรม ข้าพขอย่อความเท่าที่จะจำได้ว่า
คติแม่ย่านางจีน
บทความจะประมาณว่า ในเมืองไทยไม่เคยมีแม่ย่านาง แต่มีความเชื่อเรื่อง
“ขวัญ” จะทำขวัญสัตว์และพาหนะ เพื่อให้เป็นสิริมงคล ป้องกันอันตราบ
และขอขมาเทพที่ประจำต้นไม้นั้นๆ เพราะได้เอามาทำเป็นพาหนะต่างๆ จนกระทั่งในสมัยอยุธยาจึงได้รับเอาความเชื่อเรื่องหม่าโจ้วของจีน
เข้ามาผสมกับวัฒนธรรมไทย เกิดเป็นแม่ย่านาง
![]() |
เจ้าแม่ทับทิม จากเพจเจ้าแม่ทับทิมสะพานเหลือง |
ตำนานหม่าโจ้วของจีนว่า หม่าโจ้วเป็นเทพคุ้มครองทะเล
มีประวัติมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือบ้าง ราชวงศ์ถังบ้าง ยุคห้าราชวงศ์บ้าง
ทั้งยังว่ามีตัวตนจริงบ้าง คือเป็นมนุษย์
หรือไม่มีตัวตนแต่เป็นเทพที่มนุษย์ศรัทธาสร้างขึ้นมาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ
ตำนานฝ่ายที่เชื่อว่าหม่าโจ้วมีตัวตนจริง เป็นมนุษย์ธรรมดานี่แหละ
เป็นสตรีผู้มีคุณธรรม แต่ตำนานไม่แน่นอนเพราะมีหลายตำราหลายยุคราชวงศ์
เล่ากันว่าหม่าโจ้วแสดงอภินิหารหลายครั้ง เช่น
ช่วยคณะทูตจีนที่ประสบภัยทางทะเล ช่วยชาวทะเลให้พ้นภัยโจรสลัด
เข้าฝันเตือนภัยแก่ชาวบ้าน แม้แต่ครั้งที่มหาขันทีซำปอกง(เจิ้งเหอ)กำลังประสบพายุกลางทะเล
หม่าโจ้วก็มาปรากฏกายประทับบนยอดเสากระโดงเรือ แสดงฤทธิ์แหวกคลื่นให้ปลอดภัย
คติอีกทางหนึ่งไปเกี่ยวกับอินเดีย
ในหนังสือนารายณ์สิบปางฉบับคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ มีใจความย่อๆว่า พระอิศวรพระแม่อุมาเสด็จเที่ยวทะเล
กุ้งมาขอพรว่าตนอ่อนแอมักโดนรังแกหรือโดนจับกิน พระอุมาจึงประทานพรให้บนหัวกุ้งเป็นเลื่อยสองคม
ปลายแหลมต้นเป็นบ้อง ข้างหางเป็นหอกปลายแหลม เมื่อสัตว์ใดกินกุ้ง กุ้งจะได้เลื่อยเจาะออกจนพ้น มีข้อแม้คือกุ้งจะต้องกินแต่ของที่ตายเน่าเปื่อยเท่านั้น
![]() |
พระอิศวรพระแม่อุมาประพาสโดยทรงจระเข้ จากสมุดภาพฯกรมศิลป |
ต่อมากุ้งเลยชอบเจาะเรือสำเภาเพื่อกินผู้โดยสารมากับเรือสำเภา แล้วมีหม่าโจ้วไปร้องเรียนพระอิศวรพระแม่อุมา เรื่องฝูงกุ้งที่ชอบโจมตีเรือสำเภาจีนจนแตก แล้วกินคนจีนที่จมน้ำ
พระแม่อุมาเลยสาปกุ้งถ่วงให้หัวกุ้งหนักอย่าให้ผุดน้ำเงยหัวขึ้นเจาะท้องเรือสำเภาได้
สำหรับหัวและหางก็ยังคงให้เป็นอาวุธป้องกันตัว
จะไปในสถานที่ใดให้เดินถอยหลัง
หม่าโจ้ว มาจู่ หม่าจ่อ เป็นเทพองค์สำคัญของคนจีนฮกเกี้ยน และจีนแต้จิ๋ว มีชื่อไทยว่า
“เจ้าแม่ทับทิม”
บทความในศิลปวัฒนธรรมมีรายละเอียดเยอะ
ข้าพเจ้าจำมาแค่ประติดประต่อเล็กๆน้อยๆ
แม่ย่านางไทย
ถ้าได้เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับคติความเชื่อหลายๆเล่ม จะสังเกตได้ว่า
นักวิชาการส่วนมาก โดยเฉพาะนักวิชาการคนรุ่นใหม่ ท่านจะลงความเห็นว่า ทางไทยเรามักรับเอาความเชื่อของต่างชาติเข้ามา
โดยเฉพาะเรื่องแม่ย่านาง นักวิชาการลงความเห็นว่า จากคติหม่าโจ้วของจีน
เข้ามาสู่สมัยอยุธยา และในที่สุดก็กลายเป็นแม่ย่านางไทย
![]() |
ภาพยนตร์ไทยเรื่องแม่ย่านาง |
ข้าพเจ้ายังมีความเห็นต่างนิดหน่อย ที่นักวิชาการท่านลงความเห็นก็เป็นไปตามหลักวิชาการสมัยใหม่
ประกอบด้วยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ร่วมสมัย มานุษยวิทยาสมัยใหม่
แต่ท่านไม่ได้ใช้มุมมองของความเชื่อดั้งเดิม
ที่คนไทยโบราณมีความเชื่อเรื่องผีสางนางไม้ เทพ พรหม ยม ยักษ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
วิทยาคมไสยศาสตร์ หรือถ้าพูดแบบภาษาสมัยนี้ก็คือ
นักวิชาการมองด้วยสายตาของสายวิชาการยุคใหม่ ไม่ได้มองแบบสายมู
มูเตลูที่คนสมัยนี้ใช้แทนคำไสยศาสตร์
ถ้ามองเรื่องคติแม่ย่านางในมุมของศาสนาผีหรือความเชื่อทางไสยศาสตร์
ข้าพเจ้ามองว่า คติแม่ย่านางนั้น ทางไทยเรามีอยู่แต่เดิมแล้ว เป็นความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะทางด้านผีสางนางไม้เทพารักษ์
หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์พื้นบ้าน
คติแม่ย่านางน่าจะมาจากการเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประเภทเทพารักษ์นางไม้
ที่คนตัดต้นไม้มาแปรรูปเป็นพาหนะ แล้วอัญเชิญ “เจ้า”
ซึ่งก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำต้นไม้นั้นมาประทับ
คนไทยโบราณหรือจะรวมทั้งภูมิภาคสุวรรณภูมิ
จะมีความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ เชื่อในอำนาจของเทพ ผีสางนางไม้
อำนาจอาถรรพ์ตามธรรมชาติ ดังนั้นสิ่งของรอบตัวจึงมักจะถูกความเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวข้องไปด้วย
เช่น เจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน ผียุ้งฉาง เจ้าประจำท้องไร่ท้องนา
มีแม้แต่ผีหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอุปกรณ์เครื่องใช้เครื่องดนตรี
แล้วของสำคัญอย่างเช่นพาหนะ จะไม่มีสิ่งศักดิ์หรือผีมีศักดิ์คุ้มครองเชียวหรือ
ข้าพเจ้าเห็นว่า แม่ย่านางก็คงจะมาจากความเชื่อทำนองนี้ของไทยเรา โดยไม่ต้องรอรับเอาความเชื่อเรื่องแม่ย่านางมาจากแดนไกลถิ่นอื่นเช่นจีนเลย
![]() |
ต้นตะเคียน ภาพจาก nanagarden |
คนไทยเรานั้น
มักจะเรียกสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบให้ความเคารพว่า “แม่”
ยิ่งถ้ารู้สึกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่มากๆ ก็จะเรียกว่า “ย่า” หรือเรียกรวมว่า
“แม่ย่า” เช่น เรียกผู้นำทัพว่า แม่ทัพ
เรียกสายน้ำใหญ่ว่าแม่น้ำ ไม่ปรากฏเรียก พ่อทัพ พ่อน้ำ แต่อย่างไร
ถ้าจำธรรมเนียมเก่าๆโบราณกันได้
จะพบว่าคนไทยเราเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสตรีว่า “แม่ย่า”
คือเรียกอย่างสนิทสนมว่า แม่ หรือ ย่า เท่ากับเราเป็นลูกเป็นหลานของท่านนั่นเอง ถ้าเป็นต้นไม้ใหญ่อายุมากๆ
ก็จะเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประเภทนางไม้สถิตอยู่ เช่น ต้นตะเคียนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียก
แม่นางตะเคียน แต่ถ้ามองว่าเป็นทำนองผีก็จะเรียก ผีนางตะเคียน ผีนางตานี
![]() |
เรือไม้ตะเคียนโบราณ ภาพจาก cccomchadluk.net |
ต้นตะเคียนนี้เป็นต้นไม้ที่คนไทยเชื่อกันว่ามีเทพารักษ์ นางไม้
จนกระทั่งบางต้นมีภูติอผีที่แรงฤทธิ์สถิตอยู่
แล้วลักษณะต้นตะเคียนนี้ยังเป็นต้นไม้ใหญ่โตอายุยืนยาว เนื้อไม้แข็งแรงทนทาน
จึงนำเอาไม้ตะเคียนมาแปรรูปใช้งาน โดยเฉพาะพาหนะสำคัญคือ เรือ
จะว่าไปก็คงใช้แบบกล้าๆกลัวๆ เลยต้องทำวิชาที่ไม้ตะเคียน
ขอขมาลาโทษที่ตัดไม้มาใช้ประโยชน์ เมื่อแปรรูปทำเสร็จก็เชิญเจ้าเชิญนางไม้มาอยู่ แล้วเรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ว่า
แม่ย่านาง
พาหนะสำคัญของไทยโดยเฉพาะภาคกลางในอดีตก็คือ เรือ
เส้นทางสำคัญก็คือแม่น้ำลำคลอง
ขนาดว่าถ้าไม่มีลำคลองที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ คนไทยโบราณก็ขุดคลองกันยาวๆเพื่อใช้เป็นเส้นทางน้ำ
ซึ่งมีการตั้งชุมชนตามแม่น้ำลำคลองเป็นหลัก ต่อให้เป็นชุมชนที่อยู่ไกลจากคลอง
แต่ถ้าจะเดินทางไกลมากๆ ก็จะเดินทางมุ่งเข้าหาคลองที่ใกล้ที่สุด
แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเดินทางด้วยเรือ
เพราะทางเรือไปได้เร็วกว่าการเดินเท้าหรือไปกับเกวียน
![]() |
ตลาดน้ำปากคลองสานในอดีต ภาพอินเทอเน็ต |
เรือที่คนไทยเราใช้ มีมากมายหลายชนิด มีตั้งแต่เรือลำใหญ่ขนาดซุงทั้งต้น
ไปจนถึงเรือขนาดย่อมๆลงไป จนถึงเรือแบบที่เล็กถึงขนาดนั่งพายได้เพียงคนเดียวก็มี ต้นไม้ที่นิยมใช้ทำเป็นเรือ
ส่วนมากจะเป็น ไม้ตะเคียน ไม้สัก ไม้ประดู่ เรือทุกแบบต่างก็มีการบูชากราบไหว้แม่ย่านางประจำเรือนั้นๆ
และแม่ย่านางของเรือลำนั้น ก็คือนางไม้ของต้นไม้แต่ละต้นนั่นเอง
แม่ย่านางจึงไม่ใช่เทพารักษ์หรือนางไม้องค์(ตน)เดียวกัน
ถ้าเป็นเรือที่ทำมาจากไม้ตะเคียน แม่ย่านางก็เป็นนางตะเคียน
ถ้าเป็นเรือที่ทำจากไม้ประดู่ แม่ย่านางก็เป็นนางไม้ต้นประดู่ นอกจากนี้บางทียังมีการตั้งชื่อเรือด้วย
แม่ย่านางก็มีชื่อตามชื่อเรือลำนั้น
แม่ย่านางของเรือแต่ละลำ จะถูกเชิญให้มาสถิตที่หัวเรือหรือโขนเรือ
จะมีการผูกผ้าสามสีเป็นที่สังเกต เวลาที่เขาบูชาแม่ย่านาง
จะมีพวงมาลัยดอกไม้และเครื่องสำรับอาหารหรือเครื่องเซ่นสรวง พร้อมจุดธูปหอมบูชาแม่ย่านาง
เครื่องไหว้แม่ย่านางนั้น จะว่าไปแล้วข้าพเจ้าเห็นมาหลายสิบปี
ปรากฏว่า..ไม่เคยเจอที่เหมือนกันเป๊ะๆเลย..ก็คงหาเครื่องไหว้ตามที่มีที่นิยมของท้องถิ่นนั้นๆ
แต่ถาจะแยกประเภทเครื่องไหว้แม่ย่านาง ก็จะประมาณว่ามี 2 แบบ คือ แบบจีน และ
แบบไทย
เครื่องไหว้แม่ย่านางแบบจีน
เมื่อเครื่องไหว้แบบจีน แน่นอนว่าต้องเป็นคติไหว้หม่าโจ้วหรือเจ้าแม่ทับทิม
นั่นเอง แต่จีนนั้นมีต่างสาขากัน เช่น จีนแต้จิ๋ว จีนไหหลำ จีนฮกเกี้ยน จีนฮากกา
จีนกวางตุ้ง เครื่องไหว้จึงมีต่างกันบ้าง
![]() |
เจ้าแม่ทับทิม ภาพจากอินเทอเน็ต |
เครื่องไหว้แม่ย่านางแบบจีนส่วนมากจะเป็นดังนี้
กระดาษเงินกระดาษทอง, ดอกไม้ 1 กำ พร้อมธูป จำนวนดอกไม่แน่นอน, น้ำชา 5 ถ้วย หรือ 1 ถ้วย, ขนมจันอับ, ข้าวสวย
หรือ ข้าวต้ม 1 ถ้วย , หมูสามชั้นต้มสุก 1 ชิ้นเท่าฝ่ามือ, เป็ดพะโล้หรือเป็ดย่าง,
ผลไม้3อย่าง, ปลาหมึกแห้ง, กิ่งทับทิม, ประทัด1ตับ,ผ้าแถบ 3 สี
ของไหว้จะต่างกันบ้างตามแต่จะเป็นจีนทางแถบไหน
เครื่องไหว้แม่ย่านางแบบไทย
เครื่องไหว้แม่ย่านางแบบไทย จะแตกต่างตามท้องถิ่น
แต่ก็จะคล้ายๆกัน มีของไหว้จำนวนไม่เท่ากันบ้าง มากบ้างน้อยบ้าง
บายศรีปากชาม 1 คู่ ผ้าแพร 3 สี, พวงมาลัย, ธูปแนบพร้อมดอกไม้ 1 กำ,
มะพร้าว, กล้วยน้ำไทหรือกล้วยน้ำว้า, หมากพลู 3 คำ, บุหรี่มวนยาเส้น 3 มวน,
ขนมตาล, ขนมถ้วยฟู, หมูนอนตอง1 ชิ้น, ไก่ต้ม, ไข่ต้ม, ข้าวสวย 1 ถ้วย, เหล้า,
น้ำสะอาด
เครื่องไหว้แบบไทยก็จะต่างกันบ้างตามภูมิภาคท้องถิ่น เช่น มีปลาต้ม ปลาย่าง
กุ้งพล่า ปลายำ ข้าวต้มมัด
วันไหว้แม่ย่านาง
เท่าที่เคยพบมานั้น ไหว้ตามคติท้องถิ่นว่า ขึ้น 15 ค่ำ ,วันพระ,วันพฤหัสบดี, สรุปว่า ไหว้กันสารพัดวันตามความเชื่อนั่นเอง ยิ่งสมัยนี้มีกำหนดวันไหว้แบบแปลกๆ ต้องมีเคล็ดโน้นเคล็ดนี้..ก็ว่ากันไป
ตามคติสมัยเก่านั้น จะเชื่อเรื่องฤกษ์ยามวันดี และที่ง่ายที่สุดก็คือ คนไทยโบราณมักไหว้ขอสิริมงคลกันตามกาลโยคปีนั้นๆ ก็คือที่เรียกว่า วันธงชัย วันอธิบดี เรื่องนี้ดูได้จากปฏิทินสงกรานต์
![]() |
ภาพจากยูทูปหมอชิตคนมักบ้าน |
แม่ย่านางของยานพาหนะอื่นๆ
ปกติแต่เดิมนั้น พอพูดถึงแม่ย่านาง ก็มักจะนึกถึงแม่ย่านางของเรือ
แต่ปัจจุบันการคมนาคมเปลี่ยนจากทางน้ำเป็นใช้ทางบก
มีการตัดถนนใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายมหาศาล เส้นทางหลักกลายเป็นทางบก
ส่วนเส้นทางน้ำลดความสำคัญลงไป เรือหางยาวที่เคยมีวิ่งเป็นสายๆแบบรถเมล์ก็เลิกกิจการ
เรือหางยาวสายท่าช้างไป อ.บางใหญ่ที่ข้าพเจ้าเคยนั่งไปส่งสาวครั้งหนุ่มช่างกลกับสาวพาณิชย์
ก็ยกเลิกการให้บริการไปแล้ว คงเหลือแต่เรือรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น
เรือหางยาวที่วิ่งรับส่งคนในคลองต่างๆค่อยๆหายไป
เพราะผู้คนเปลี่ยนการใช้เส้นทางน้ำไปเป็นใช้รถใช้ถนน
แม่ย่านางยานพาหนะทางบกจะมีมาพร้อมกันกับแม่ย่านางเรือหรือไม่ ข้อนี้ไม่อาจสันนิษฐานได้แน่ชัด
แต่ข้าพเจ้าเห็นการบูชาแม่ย่านางรถสามล้อเครื่องมาตั้งแต่ยังเด็ก
พอจะความได้ก็ประมาณ 50กว่าปีก่อนเกือบ60ปีเข้าให้แล้ว(จาก พ.ศ.2568ลงไป)
นี่นับเฉพาะที่ข้าพเจ้าเห็น ซึ่งแน่นอนว่าความเชื่อเรื่องแม่ย่านางพาหนะทางบก
ต้องมีมาก่อนคนรุ่นข้าพเจ้าแน่นอน
ถ้าจะนึกถึงยานพาหนะทางบกของยุคโบราณ ก็ต้องเป็นพวก เกวียน เป็นหลักใหญ่
พาหนะทางบกที่ใช้นั่งและลากจูงด้วยสัตว์ ก็จะมีเกวียน 2 ล้อ เป็นหลัก
ตอนที่ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กชั้นประถม ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด
เคยนั่งเกวียนเที่ยวอยู่บ้าง สนุกแบบเด็กๆ
ยังเห็นพวกลุงๆน้าๆเขาช่วยกันประกอบเกวียน
แต่ไม่ได้สังเกตว่ามีการบูชาแม่ย่านางด้วยหรือไม่
แต่ที่แน่ๆและเคยเห็นหลายครั้ง คือ
เกวียนยุคเก่านั้นมีการลงมงคลวิชาไว้ที่เกวียน เมื่อข้าพเจ้าโตขึ้นได้ตระเวนกราบพระอาจารย์
จึงได้ทราบว่า ในสมัยโบราณ ผู้รู้วิชาจะลงยันต์สำหรับพาหนะด้วย
ถ้าเป็นทางบกก็ลงยันต์พญาไก่เถื่อน ถ้าเป็นทางน้ำก็ลงยันต์พญากาน้ำ
![]() |
ยันต์พญาไก่เถื่อน ภาพของสีหวัชร |
![]() |
ยันต์พญากาน้ำ ภาพของสีหวัชร |
ในปัจจุบันคติบูชาแม่ย่านางก็ยังมีอยู่ แต่จะเป็นแม่ย่านางของรถยนต์มากกว่า
ดังจะเห็นได้จากตอนที่ออกรถเก๋งกันใหม่
คนจำนวนไม่น้อยจะไปขอให้ผู้รู้ทำพิธีอัญเชิญแม่ย่านางประจำรถ
ดังจะเห็นที่หน้ากันชนรถจะมีดอกไม้ผ้าแพรติดไว้ หรือบางทีก็เป็นที่หน้าคอนโซลรถ
เรือรบก็มีแม่ย่านางมาแต่เดิม ที่ทันสมัยสุดใหม่สุดก็คือ
ในปัจจุบันมีแม่ย่านางประจำเครื่องบินกันแล้ว ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าก็ไม่น่าแปลกอะไร
เพราะคติแม่ย่านางเป็นเรื่องของเทพารักษ์ประจำยานพาหนะนั่นเอง
เรือที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ที่หัวเรือมีพวงมาลัยบูชาแม่ย่านาง |
อภินิหารแม่ย่านาง
ถ้าจะถามว่าแม่ย่านางมีจริงไหมมีฤทธิ์ไหม
ข้อนี้คงต้องให้เป็นวิจารณญาณของแต่ละคนไป คนที่เชื่อก็เชื่อ
คนที่ไม่เชื่อเขาก็ไม่เชื่อ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีข้อยืนยันในความเชื่อ
คงเคยเห็นกันบ้างว่า รถเก๋งที่เจ้าของรถไปขอให้ผู้รู้เชิญแม่ย่านาง
มีพิธีอะไรยุ่บยั่บไปหมด แถมบางทียังลงยันต์เต็มรถ
พอเสร็จพิธีเจ้าของรถก็ขับรถไปเที่ยว แต่แล้วดันเกิดอุบัติเหตุซะงั้น
ในขณะเดียวกันรถบางคันทำพิธีเชิญแม่ย่านาง แต่มีประสบการณ์แปลกประหลาด
มีคนขับรถแท็กซี่เล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งแกขับรถตระเวนหาผู้โดยสาร
ได้ผู้โดยสารให้ไปส่งไกลหน่อยแถบชานเมือง เมื่อขับรถกลับเข้ากรุงเทพฯ
ก็เกิดอาการหลับใน ขณะที่ยังไม่รู้ตัวนั้น
อยู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงดังที่ข้างหูว่า...ตื่นเร็ว ตื่นๆๆ...โชเฟอร์สะดุ้งตื่นลืมตาขึ้น
ปรากฏว่ารถกำลังจะลงข้างทาง จึงหักพวงมาลัยรถกลับมาเข้าถนนได้ปลอดภัย
อีกรายหนึ่งเป็นเพื่อนข้าพเจ้าเอง
รายนี้อาจจะไม่ชัดเจนเพราะในรถมีทั้งแม่ย่านางและกุมารทอง
ซึ่งหลวงพ่อพระอาจารย์ข้าพเจ้าทำพิธีให้ เรื่องมีอยู่ว่า
วันหนึ่งเพื่อนไปงานสังสรรค์ตอนค่ำ แล้วดื่มเหล้าจนเมาจัด
พอขับรถกลับบ้านก็ไม่ค่อยจะมีสติเสียแล้ว
พยายามขับรถไปเรื่อยจนในที่สุดก็ไปไม่ไหวเพราะเมาเหล้ามาก
จึงจอดรถนอนหลับที่ข้างทาง ขณะนั้นดึกมากแล้ว และไม่รู้ว่าตรงที่จอดรถนั้นเป็นถนนตรงไหนถึงขับรถกลับไม่ถึงบ้านสักที
จึงหลับคาพวงมาลัยรถ
ขณะที่เพื่อนหลับอยู่ในรถ อยู่ๆรถก็โยกเหมือนถูกเขย่าแรงๆ เพื่อนสะดุ้งตื่นขึ้นมา
เห็นจากกระจกมองหลังที่มีแสงสะท้อนเข้าตาแรงๆ เพื่อนได้สติเห็นว่าเป็นรถบรรทุก
กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วสูง
แถมตรงที่จอดรถดันเป็นทางโค้งพอดีทั้งยังมืดสนิทมีพุ่มไม้ข้างทางบังสายตารถบรรทุกด้วย
เพื่อนรีบสตาร์ทรถขับเบี่ยงชิดซ้ายข้างทางแทบจะตกถนน รถบรรทุกเข้าโค้งมาตรงที่จอดเดิมพอดี
จึงเห็นว่าเป็นรถพ่วง 18 ล้อ คันใหญ่
เพื่อนคนนี้สะดุ้งตื่นเพราะรถถูกเขย่าโยกซ้ายขวา
ไม่ใช่การสั่นสะเทือนจากรถบรรทุกเพราะอาการสั่นไม่เหมือนกัน
เพื่อนสะดุ้งตื่นขับรถเบียดลงซ้ายสุดของไหล่ถนน รอดจากโดนรถพ่วง 18
ล้อชนอย่างฉิวเฉียด
อีกเรื่องเป็นเรื่องแม่ย่านางเรือขายก๋วยเตี๋ยวในคลองบางใหญ่
ป้าเจ้าของเรือแกเล่าว่า วันหนึ่งแกไปจอดเรือนอนอาศัยร่มเงาต้นไม้ริมคลอง
แกหลับเพลินไปจนได้เวลาที่ใกล้ช่วงต้องพายเรือตามเวลาขายก๋วยเตี๋ยว
พอแกตื่นก็จะแก้เชือกที่ใช้ผูกเรือกิ่งไม้ ปรากฏว่าป้าแกลืมผูกเชือก
แต่เรือไม่ได้ลอยไปตามกระแสน้ำ เรือก๋วยเตี๋ยวยังคงลอยอยู่ใต้ต้นไม้ที่แกไปอาศัยนอน
ถ้าเรือลอยไปตามน้ำ ก็น่าจะเกิดอุบัติเหตุจากเรือหางยาวได้
ป้าเชื่อว่าเป็นแม่ย่านางเอ็นดูช่วยดึงเรือไว้ให้อยู่ใต้ต้นไม้ตอนป้าหลับ
![]() |
ก๋วยเตี๋ยวเรือยายป้อมที่ปากคลองบางใหญ่ ภาพข้าพเจ้าถ่ายไว้ สังเกตที่หัวเรือยังมีพวงมาลัยไหว้แม่ย่านาง |
สี่สิบกว่าปีก่อน
ข้าพเจ้าเคยไปใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่ในคลองอ้อม คลองบางใหญ่ บ้านเพื่อนมีเรือหางยาว
ไอ้เจ้าเพื่อนนั้นบางวันก็ขับเรือหางยาวรับผู้โดยสาร วันไหนพี่ชายกินเหล้า
เพื่อนก็จะไปขับเรือแทน เพื่อนบอกว่า แม่ย่านางเรือลำนี้ไม่ชอบเหล้า
วันไหนคนขับเผลอกินเหล้าแล้วไปขับเรือ วันนั้นได้ผู้โดยสารน้อยมากจนสังเกตได้
อีกเรื่อง นานสักห้าสิบกว่าปี
ครั้งยังวัยรุ่น...กลุ่มเพื่อนๆที่เรียนชั้นประถมปลายจะไปมาหาสู่เพื่อนๆถึงแม้จะเรียนจบไปต่อมัธยมกันแล้ว
บางครั้งพวกข้าพเจ้าจะยกโขยงไปหาเพื่อนหญิงที่ตลาดโบ้เบ้ สมัยนั้นตรงริมคลองผดุงกรุงเกษมหน้าตลาด ยังมีเรือขนสินค้ามาขึ้นสินค้ากันมาก เรือขนผลไม้ เรือขนถ่าน
เรือขนตุ่ม โอ่ง เรียกว่าการขนส่งทางคลองผดุงกรุงเกษม
ข้าพเจ้าเคยคุยกับป้าเรือขายแตงโม แกเล่าเรื่องแม่ย่านางว่า
แม่ย่านางเคยปลุกแกให้ตื่น เพราะกำลังจะมีคนมาขโมยแตงโม
แกหลับอยู่แต่มีเสียงผู้หญิงเรียกให้ตื่นมาไล่ขโมย ป้าก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา
เห็นขโมยกำลังขนแตงโมจากเรือใส่เข่ง ป้าเลยร้องเอะอะโวยวายเสียงดัง
ขโมยจึงรีบเผ่นหนี
ในยุคปัจจุบัน
เรื่องราวของแม่ย่านางจะเป็นแม่ย่านางรถยนต์เป็นส่วนใหญ่
ส่วนแม่ย่านางเรือคงมีแต่เรือประมงชายทะเล ส่วนเรือหางยาว เรือจ้างในกรุงเทพฯนั้น
แทบจะหายไปหมดแล้ว
เรื่อง ส่วนหนึ่งย่อความจากเว็บศิลปวัฒธรรมออนไลน์ ,หนังสือเกิดในคลอง ส.พลายน้อย, จากความทรงจำ
ภาพ จากอินเทอเน๊ต และภาพถ่ายของข้าพเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น