พระปฐมเจดีย์เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่มากอยู่ที่ จ.นครปฐม
เชื่อกันว่าเป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
ทั้งยังเป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุตั้งแต่ครั้งสมัยที่พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งประเทศอินเดีย
(พ.ศ.๒๔๐-๓๑๒ ครองราชย์พ.ศ.๒๗๐-๓๑๑) ทรงส่งสมณะทูตคือพระโสณะพระอุตตระ
มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ
ประวัติของพระโสณะและพระอุตตระ
มีหลักฐานปรากฏชื่อของท่านทั้งสองในการทำสังคายนาครั้งที่ ๓
ซึ่งอยู่ในช่วงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชนั่นเอง (สังคายนาครั้งที่ ๓ ประมาณปี พ.ศ.
๒๑๘)
ในการสังคายนาครั้งที่ ๓ พระเจ้าอโศกมหาราชและพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระได้คัดเลือกให้พระเถระ
ผู้ทรงภูมิธรรมออกไปประกาศพระพุทธศาสนาในดินแดนต่างๆทั้งหมด ๙ สาย
พระโสณะและพระอุตตระถูกคัดเลือกให้เป็นพระสมณะทูตคณะที่ ๘ และ ๙
มีหลักฐานยืนยันว่าพระโสณะและพระอุตตระได้เดินทางมายังสุวรรณภูมิจริง
ซึ่งปรากฏในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา ว่าพระโสณะกับพระอุตตระไปสุวรรณภูมิดังนี้
“สุวณฺณภูมิ คจฺฉนฺตฺวาน โสณุตฺตรา มหิทฺธิกา ปิสาเจ นิทฺธมิตฺวาน
พฺรหฺมชาลํ อเทสิสุ” แปลว่า “พระโสณะและพระอุตตระผู้มีฤทธิ์มาก
ไปสู่สุวรรณภูมิ ปราบปรามพวกปีศาจแล้ว ได้แสดงพรหมชาลสูตร”
ตาม
คัมภีร์สมันตปาสาทิกา กล่าวถึงพระโสณะและพระอุตตระ
แสดงอภินิหารปราบนางผีเสื้อน้ำและได้แสดงธรรมพรหมชาลสูตร
คือสูตรว่าด้วยข่ายอันประเสริฐประกอบด้วยศีลน้อย ศีลกลาง และศีลใหญ่
นั่นคือการประพฤติตนอยู่ในสรณะและศีล มีคนในสุวรรณภูมินี้ได้บรรลุธรรมประมาณ ๖๐,๐๐๐ คน และมีผู้ออกบวชประมาณ ๓,๕๐๐ คน
![]() |
ภาพจาก www.chaoprayanews.com พระปฐมเจดีย์สมัยก่อน |
ขนาดพระเจดีย์
พระปฐมเจดีย์ปัจจุบัน มีลักษณะแบบทรงไทย รูประฆังคว่ำ โครงสร้างเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่ ก่ออิฐถือปูน
ประดับด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีส้ม สูง ๑๒๐ เมตร กับ ๔๕ เซนติเมตร
ประกอบด้วยวิหาร ๔ ทิศ มีระเบียงคตชักแนวถึงกันโดยรอบเป็นวงกลม
มีกะเปาะกันทรุดทั้ง ๔ ทิศ มีกำแพงแก้ว ๒ ชั้นล้อมรอบพื้นที่
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
ได้ทรงเริ่มการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๖
![]() |
พระปฐมเจดีย์ด้านที่มีพระร่วงโรจนฤทธิ์ |
“กล่าวโดยเฉพาะองค์พระปฐมเจดีย์นั้น
ก็เป็นหลักฐานสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง ถ้าพิจารณาดูรูปพระปฐมเจดีย์องค์เก่า
(อยู่ข้างในพระปฐมเจดีย์องค์ปัจจุบัน
แต่ยังมีรูปจำลองขนาดย่อมให้เห็นอยู่ทางด้านใต้)
จะเห็นว่าเป็นของสร้างเพิ่มเติมกันมาหลายยุคหลายสมัย จนรูปพระเจดีย์เองแปรปรวนไป
แต่ก็ยังพอมองเห็นเค้าเดิมได้บ้าง ถ้าเอาพระปรางค์ที่อยู่ข้างบนออกเสียแล้ว
จะเห็นได้ทันทีว่า รูปคล้ายพระสถูปเจดีย์ที่เมืองสัญจี
ซึ่งสร้างครั้งพระเจ้าอโศกมาก คือ ตัวสถูปเป็นรูปกลมทรงเหมือนโอหรือขันน้ำคว่ำ
ข้างบนทำเป็นพุทธอาสนสี่เหลี่ยมตั้งไว้ มีฉัตร (อย่างร่ม) ปักเป็นยอด
ฐานพระสถูปทำเป็นสี่เหลี่ยม รอบฐานทำเป็นที่เดินประทักษิณ มีรั้วล้อมรอบภายนอก
และก่อด้วยอิฐเป็นทำนองเดียวกัน และที่เรียกชื่อว่า พระปฐมเจดีย์
(ราษฎรเรียกเพี้ยนไปเป็นพระปทม) ดังมีกล่าวไว้ในหนังสือเก่าๆ นั้น
ก็เป็นพยานอย่างหนึ่ง ดังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสันนิษฐานว่า
เห็นจะเป็นเพราะเป็นพระเจดีย์องค์แรกสุด ที่สร้างขึ้นในประเทศแถบนี้ เมื่อครั้งพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช
(พระเจ้าอโศก) แจกพระบรมธาตุไปในประเทศทั้งปวง เป็นเจดีย์ที่ใหญ่
จะหาเจดีย์แห่งใดตั้งแต่เชียงแสน เชียงใหม่ ตลอดลงมาจนนครศรีธรรมราช แลเมืองลาว
เมืองเขมร เสมอเหมือนมิได้”
![]() |
ภาพจาก puntip |
ในขณะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผนวชเป็นพระภิกษุ
ได้เสด็จมานมัสการ ทรงเห็นว่า
พระปฐมเจดีย์เป็นปูชนียสถานที่มีขนาดใหญ่
จึงกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอให้ทรงบูรณะ แต่มีพระราชดำรัสว่า "เป็นของอยู่ในป่ารก จะทำขึ้นก็ไม่มีประโยชน์อันใดนัก"
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จเสวยราชสมบัติแล้ว ใน พ.ศ. ๒๓๙๖ พระองค์จึงโปรดฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์
(ดิศ บุนนาค) เป็นแม่กองบูรณะใหม่
โดยพระเจดีย์องค์เดิมมีขนาดและลักษณะเป็นอย่างไรก็โปรดให้คงไว้
แล้วสร้างพระมหาเจดีย์สถูปใหญ่หุ้มองค์เดิมไว้ภายใน เริ่มการก่อสร้างเมื่อปี
พ.ศ.๒๓๙๖ แต่เนื่องจากพระเจดีย์องค์ใหญ่โตมาก ต้องระดมใช้ช่างไทย จีน
เกณฑ์คนผลัดเปลี่ยนกันช่วยทำอิฐปูนและก่อสร้างเดือนละ ๔ ผลัดๆละ ๒๐๐ คน สร้างไปได้
๒ ปี แม่กองสร้างได้ถึงแก่พิราลัย
จึงโปรดฯให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ
บุนนาค) ผู้เป็นบุตรให้เป็นแม่กองสร้างต่อ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯให้สร้างโบสถ์วิหาร
และทรงชักชวนพระบรมวงศานุวงศ์
ข้าราชการ และพ่อค้าประชาชน
ร่วมกันสร้างกุฏิสงฆ์ และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ
รวมทั้งโปรดให้ขุดคลองเจดีย์บูชา และคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อให้คนเดินทางมาจากกรุงเทพฯ
มานมัสการพระปฐมเจดีย์ได้สะดวกขึ้น
เพราะสมัยนั้นยังไม่มีทางรถยนต์เหมือนปัจจุบัน
![]() |
ภาพจาก www.comchudlluek.net |
![]() |
พระปฐมเจดีย์สมัยก่อน |
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้เริ่มก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ผ่านเมืองนครปฐม ซึ่งขณะนั้นยังเป็นป่ารก
พระองค์จึงโปรดฯ ให้ย้ายเมืองจากตำบลท่านา อำเภอนครชัยศรี
มาตั้งที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์เหมือนเช่นครั้งสมัยโบราณ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯให้สร้างพระราชวังสนามจันทร์เป็นที่เสด็จแปรพระราชฐานและฝึกซ้อมรบแบบเสือป่า
โปรดฯให้ตัดถนนเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย
รวมทั้งสร้างสะพานเจริญศรัทธาข้ามคลองเจดีย์บูชาเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟกับองค์พระปฐมเจดีย์
ตลอดจนสร้างพระร่วงโรจนฤทธิ์ทางด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์และบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ให้สมบูรณ์สวยงามดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
และได้โปรดให้เปลี่ยนชื่อจากเมือง “นครไชยศรี”
เป็น “นครปฐม”
ภาพจาก www.service.cristian.com |
นอกจากนี้ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ยังมีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ
ดังนี้
พระร่วงโรจนฤทธิ์
เป็นพระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย
ประดิษฐานในซุ้มวิหารทางทิศเหนือหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6
โดยได้พระเศียร พระหัตถ์ และพระบาท มาจากเมืองศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ช่างทำรูปปั้นขี้ผึ้งปฏิสังขรณ์ให้บริบูรณ์เต็มองค์
ทำพิธีหล่อที่วัดพระเชตุพนฯ เมื่อ พ.ศ. 2456 แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในซุ้มวิหารด้านทิศเหนือตรงกับบันไดใหญ่
และพระราชทานนามว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรมโมภาส
มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร และที่ฐานพระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พุทธลักษณะของพระร่วงโรจนฤทธิ์นี้มีพิเศษที่ไม่เหมือนพระพุทธรูปอื่นๆคือ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้า โปรดฯให้ช่างทำให้พระอุทรมีเนื้อมากสักหน่อย ประมาณว่าให้คล้ายๆมีพุงหรือคนลงพุงหน่อยๆ
ซึ่งหมายถึงพระวรกายของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้านั่นเอง เฉพาะตรงนี้ทรงโปรดฯให้แก้แบบจนพอพระทัย
พิพิธภัณฑ์วัดพระปฐมเจดีย์
ตั้งอยู่บริเวณชั้นลดด้านทิศตะวันออกตรงข้ามพระอุโบสถ ภายในเก็บวัตถุโบราณที่ขุดพบได้จากสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดนครปฐมทั้งสมัยบ้านเชียง สมัยทวารวดี เช่น พระพุทธรูป หินบดยา ลูกประคำดินเผา กำไลข้อมือ เงินโบราณ ฯลฯ และยังเป็นที่เก็บหีบศพของย่าเหลและโต๊ะหมู่บูชาซึ่งใช้ในพิธีศพของย่าเหลซึ่งเป็นสุนัขที่รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดปรานมาก
ตั้งอยู่บริเวณชั้นลดด้านทิศตะวันออกตรงข้ามพระอุโบสถ ภายในเก็บวัตถุโบราณที่ขุดพบได้จากสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดนครปฐมทั้งสมัยบ้านเชียง สมัยทวารวดี เช่น พระพุทธรูป หินบดยา ลูกประคำดินเผา กำไลข้อมือ เงินโบราณ ฯลฯ และยังเป็นที่เก็บหีบศพของย่าเหลและโต๊ะหมู่บูชาซึ่งใช้ในพิธีศพของย่าเหลซึ่งเป็นสุนัขที่รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดปรานมาก
![]() |
ภาพจาก daodiaryclub'com |
งานนมัสการพระปฐมเจดีย์
กำหนดให้มีงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์
ในวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึงวันแรม 5 ค่ำ เดือน 12 รวม 9 วัน 9 คืน เป็นประจำทุกปี
โดยนมัสการพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ ซึ่งบรรจุอยุ่ภายในองค์พระเจดีย์นั่นเอง
ในช่วงวันดังกล่าวจะมีประชาชนมานมัสการพระปฐมเจดีย์และเที่ยวงานวัดกันมาก
ตำนานพระปฐมเจดีย์ เรื่อง พระยากง พระยาพาน
มีตำนานเล่าว่า ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๕๖๙ พระยาพาน ผู้ครองเมืองในสมัยนั้น
ต้องการล้างบาปที่กระทำปิตุฆาตกรรมไว้
จึงต่อเติมองค์พระพุทธเจดีย์ให้สูงขึ้นอีกเท่านกเขาเหิร คือ ประมาณ ๔๐๐ ฟุต
มีขนาดกลมโดยรอบ ๘๐๐ ฟุต ตำนานมีหลายสำนวน จะกล่างถึงพระยากง(พญากง)พระยาพาน(พญาพาน) ยายหอม บางสำนวนมีต่างไปบ้างคือ มียายพรหมเป็นผู้เก็บพญาพานไปมอบให้ยายหอมเลี้ยง
ตำนานพญากง พญาพาน
จากหนังสือพญากง พญาพาน ของ คุรุสภา
มีพญากงเป็นเจ้าเมืองนครชัยศรี
มีพระมเหสีรูปโฉมงดงามเมื่อพระมเหสีทรงพระครรภ์โหรหลวงได้ทำนายว่าจะได้พระราชโอรสเป็นผู้มีบุญ
และจะได้เป็นใหญ่ภายหน้า แต่จะเป็นผู้ฆ่าพระราชบิดา
เมื่อครบกำหนดพระมเหสีก็ประสูติพระกุมาร ขณะที่ข้าราชบริพารได้เอาพานไปรองรับ บังเอิญหน้าผากของพระกุมารกระทบขอบพานเป็นแผล
พญากงได้สั่งให้นำพระกุมารไปทิ้งตามยถากรรม ยายหอมไปพบเข้านำไปเลี้ยงไว้
และตั้งชื่อว่า พาน ครั้นพานโตขึ้นยายหอมก็นำไปฝากให้เล่าเรียนที่วัดโคกยายหอม
พานเป็นเด็กฉลาด สมภารวัดผู้เป็นอาจารย์จึงรักใคร่เอ็นดูมีวิชาอะไรก็สอนให้หมด
อาจารย์ได้นำพานไปฝากให้เข้ารับราชการกับพระยาราชบุรี
ที่เมืองราชบุรี พานเป็นคนปัญญาดี เรียบร้อยและขยัน
จึงเป็นที่โปรดปรานของพระยาราชบุรีมาก จนถึงกับรับไว้เป็นโอรสบุญธรรม สมัยนั้น
เมืองราชบุรีขึ้นกับเมืองนครชัยศรี พระยาราชบุรี ต้องส่งเครื่องบรรณาการทุกปี
พญาพานเป็นผู้มีฝีมือในการรบจึงชักชวน ให้พระยาราชบุรีแข็งเมืองยกกองทัพไป
ปราบพญายาพานเป็นแม่ทัพออกไป รบกับพญายากง ทั้งสองทำยุทธหัตถีกัน
ในที่สุดพญากงก็ถูกฟันด้วยของ้าวคอขาดตายในที่รบ
เมื่อพญายาพานเข้ายึดเมืองนครชัยศรีได้แล้ว ย่อมได้ทั้งราชสมบัติตลอดจนพระมเหสีของพญายากงด้วย
แต่ในขณะที่จะเข้าไปหาพระมเหสีนั้น
เทวดาได้แปลงกายเป็นแมวแม่ลูกอ่อนให้ลูกกินนมขวางประตูไว้ แล้วร้องทักเสียก่อน
พญายาพานจึงได้อธิษฐานว่า ถ้าพระมเหสีเป็นแม่ของตนจริงก็ขอให้มีน้ำนมไหลซึมออกมา
ก็เห็นน้ำนมไหลออกมาจริง จึงได้รู้ว่าทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน
พญายาพานต้องทำปิตุฆาตฆ่าพระราชบิดา เพราะยายหอมปิดบังความจริงไม่บอกให้รู้
ด้วยโทสะจริต เข้าครอบงำและกรรมนั้นบังตา ทำให้ขาดการยั้งคิด
จึงสั่งให้นำยายหอมไปฆ่าเสีย ต่อมาด้วยความสำนึกผิด
ที่ได้ฆ่าพระราชบิดาและยายหอมผู้มีพระคุณ จึงได้สร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่
สูงชั่วนกเขาเหิน คือ องค์พระปฐมเจดีย์
เพื่อเป็นการล้างบาปที่ฆ่าพระราชบิดาให้บรรเทาลงบ้าง และสร้างพระประโทนเจดีย์
เพื่อล้างบาปที่ฆ่ายายหอม
![]() |
ภาพจาก www.thaifolktales'com |
การเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปวัดพระปฐมเจดีย์
ทางรถยนต์ : จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ สามพราน ไปจนถึงจังหวัดนครปฐม
หรือใช้ถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี ไปจนถึงตัวจังหวัดนครปฐม
ทางรถไฟ : การรถไฟแห่งประเทศไทย มีบริการรถไฟไปจังหวัดนครปฐมทุกวัน วันละหลายเที่ยว โดยเริ่มต้นที่สถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือ สถานีรถไฟบางกอกน้อย มาลงที่สถานีรถไฟนครปฐม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1690 (ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง) หรือทางเว็บไซต์ www.railway.co.th
รถโดยสารประจำทาง : มีรถประจำทางปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-นครปฐม ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา 05.30-23.15 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทรศัพท์ 1490 หรือwww.transport.co.th
![]() |
ภาพจาก topicstock.puntip.com พระปฐมเจดีย์สมัยก่อน |
ภาพจาก1bp.blogspot ภาพวาดแสดงภายในของพระปฐมเจดีย์ว่าครอบเจดีย์องค์เดิม |
พระปฐมเจดีย์มองจากชั้นระเบียงพระเจดีย์ |
![]() |
ภาพจาก www.thailanddrone.com |
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจากเว็บไซต์ทั้งที่กล่าวถึงและอาจตกหล่นไปบ้าง และ น.ส.พ.รอยธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น