วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

กฏแห่งกรรมเรื่องที่ ๑๖

กฏแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว โดย ท.เลียงพิบูลย์
เรื่องที่ ๑๖
สร้างกรรม



ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ข้าพเจ้าได้โดยสารรถยนต์สองแถวไปยังต่างจังหวัด โชคดีที่นั่งข้างหน้ากับคนขับรถ จึงรู้สึกกระเทือนน้อยลง ขณะแล่นอยู่บนถนนที่ไม่สู้จะเรียบร้อย รถวิ่งไปหลายชั่วโมง ก็มาหยุดจอดพักที่ตลาดเล็กๆในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อให้ผู้โดยสารลงพักยืดแข้งยืดขา รับประทานอาหารกลางวัน พอพักผ่อนสมควรเวลาแล้ว รถก็ออกวิ่งเดินทางต่อไป ข้าพเจ้าถือโอกาสสนทนากับคนขับ และชมแกว่าเป็นคนอารมณ์ดี คนขับรถอยู่ในความไม่ประมาท มีความระมัดระวังดีสมกับที่ผู้โดยสารฝากชีวิตไว้กับคนขับคนเดียว    ข้าพเจ้ารู้สึกพอใจในอัธยาศัยของชายผู้นี้ยิ่งนัก ตลอดเวลาที่ได้สังเกตมาหลายชั่วโมงแล้ว ข้าพเจ้านึกแต่ในใจว่า คนผู้นี้ยังอยู่ในวัยหนุ่ม ต่อไปคงจะต้องรุ่งเรืองมีอนาคตแจ่มใสอย่างแน่นอน เพราะกิริยาท่าทางทุกสิ่งส่อไปในทางที่ดีทั้งสิ้น 

   ฉะนั้น การที่ข้าพเจ้าชมแกนั้นชมด้วยความจริงใจ มิได้เคลือบแฝงแกล้งเยินยอเลย สังเกตดูแกเห็นอกเห็นใจผู้โดยสาร ตลอดจนคนเดินถนน เมื่อเรามาหยุดพักแกก็อุตส่าห์ช่วยพยุงคนชราทั้งๆ ที่มีผู้ช่วยอยู่แล้ว ใช้คำพูดนิ่มนวล แสดงความคารวะผู้อาวุโส มีกิริยาวาจาเรียบร้อยกับผู้โดยสารทั่วไป   ข้าพเจ้าพอใจที่แกไม่ยอมขับรถเร็วเป็นพายุ และไม่ช้าเกินไป ไม่แซงซ้ายแซงขวาตัดหน้าคนอื่น หรือแสดงท่าโลดโผนอวดผู้โดยสารว่าข้านี้เก่งและนึกภูมิใจเหมือนคนรถบางคนที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมาแล้ว ทำให้ผู้โดยสารบ่นกันว่าโดยสารครั้งเดียวเข็ดจนตาย แทนที่จะชมว่าขับเก่งกลับแอบด่า แอบบ่นคนจัญไรมันรีบขับไปหาพ่อหาแม่มันที่ไหน แต่ชายผู้นี้ไม่มีลักษณะเช่นนั้นเลย มีแต่ความสุภาพเรียบร้อย และข้าพเจ้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เมื่อมาพบเห็นก็อดนึกรักเอ็ดดูไม่ได้ คิดว่าความดีของคนผู้นี้ ทำให้ข้าพเจ้ารักใคร่เอ็นดูอย่างจริงใจ

   รถแล่นออกมาไม่นานนัก ก็มีชายบ้านนอกคนหนึ่ง วิ่งผ่านตัดหน้ารถในระยะใกล้ชิด ข้าพเจ้าเองก็อดตกใจไม่ได้ ใช้เท้ายันรถจนสุดแรง ตกใจเผลอตัวนึกว่าตัวเองขับรถ แต่คนขับได้ห้ามล้อหยุดได้ทันท่วงที ด้วยความไม่ประมาทและคอยระวังตัวอยู่เสมอ ผู้วิ่งตัดหน้าผ่านไปด้วยความปลอดภัย คนขับนั้นแทนที่จะใช้คำหยาบยื่นหน้าตะโกนออกไป เพื่อระบายอารมณ์โกรธอย่างที่ข้าพเจ้าเคยพบเห็นบ่อยๆ แต่ชายผู้ขับนี้กลับยิ้มเศร้าๆ แสดงกิริยาเห็นอกเห็นใจและสงสาร หันกลับมาพูดกับข้าพเจ้าว่า

   “ธรรมดาทุกคนกลัวตายทั้งนั้น การที่แกวิ่งตัดหน้ารถก็เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีใครหรอกครับที่วิ่งตัดหน้ารถเพื่อล้อเล่นกับความตาย นอกจากประมาทและตื่นตกใจจวนตัวไม่รู้จะวิ่งไปทางไหน คนเช่นนี้ผมสงสารและเห็นอกเห็นใจ เมื่อรอดไปได้แกก็ขวัญเสียอยู่แล้ว ถ้าเราใช้คำหยาบตะโกนว่าแกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร มันไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น เรื่องมันแล้วไปแล้ว จะระบายอารมณ์ใช้คำหยาบๆ ทำให้คนอื่นที่มีจิตใจเป็นธรรม  ฟังแล้วก็เกิดชังน้ำหน้าเราเปล่าๆ

   ข้าพเจ้าได้ฟังแล้ว ก็นึกว่าบุคคลนี้ แม้จะเป็นคนขับรถโดยสาร แต่มีจิตใจสูงดีกว่าคนมีอำนาจวาสนาหรือบุคคลที่ร่ำรวยมหาศาลแต่มีจิตใจต่ำ และคิดว่าชายผู้นี้คงจะได้รับการอบรมมาแต่ในทางที่ดี ก่อนที่เขาจะมาขับรถนี้คงจะเป็นผู้ดีตกยากหรืออะไรทำนองนั้น จึงพยายามเลียบเคียงถามก่อนหน้าที่จะมาขับรถโดยสาร แกบอกกับข้าพเจ้าว่า

   “ชีวิตของผมก่อนที่จะมาขับรถนี้ มันเป็นเรื่องเศร้ามากครับ”  แล้วแกก็หันมาถามข้าพเจ้าว่า
   “คุณเชื่อไหมครับว่าคนที่สร้างกรรมชั่วนั้น กรรมต้องตามสนอง

   ข้าพเจ้าบอกว่า ข้าพเจ้าเชื่อมานานแล้ว เรื่องสร้างกรรมดีกรรมชั่ว กรรมนั้นย่อมตามสนอง เป็นแต่ช้าหรือเร็ว ชาตินี้หรือชาติหน้าเท่านั้น

   แกบอกผมว่า ผมรู้สึกว่าคุณนี่ถูกนิสัยกับผม จึงอยากจะเล่าเรื่องชีวิตผมได้ผ่านมา และได้รู้เห็นมากับตนเองให้คุณฟัง คนที่ไม่เชื่อ ผมก็ไม่อยากจะเล่า

   “เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อก่อนผมเป็นลูกน้องติดตามรถบรรทุก ซึ่งมีนาย….. ลูกพี่ของผม เป็นผู้รับจ้างบรรทุกของไปส่งจังหวัดต่อจังหวัด ผมเป็นผู้ช่วยผลัดเปลี่ยนขับ เพราะบางเวลาเราต้องขับทั้งกลางวันกลางคืน ผมขับรถเป็นเพราะลูกพี่คนนี้ ลูกพี่ของผมคนนี้เป็นคนขับรถที่ชำนาญ แต่ชอบโลดโผนขับรถเร็ว ใครๆจะแย่งขึ้นหน้าเป็นไม่ยอม จะต้องแซงขึ้นหน้าจนได้ การแข่งตัดหน้าเช่นนี้บางเวลาก็มีวิวาทด้วยคำพูด เกือบจะวางมวยกันหลายครั้ง  รถเกือบๆจะตกถนนก็หลายหน แต่ก็ไม่ตกลงทันที เวลาขับกลางคืนก็ไม่ยอมหรี่ไฟเมื่อสวนทางกัน รถคันที่สวนทางมาต้องหยุดกลางทางเพราะมองไม่เห็น กลัวจะถูกชนหรือตกถนน บางคันก็ตะโกนด่าด้วยอารมณ์โกรธที่ใช้แสงไฟใหญ่เข้าตา บางคันก็เพียงแต่บ่น ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละครั้ง แต่ลูกพี่ของผมเห็นเป็นสนุกและพอใจ   

   ต่อมาแกมีนิสัยใหม่ที่กลับมาร้ายกว่าเดิมคือ ถ้ามีรถหลังมาขอทางก็คอยกันแซงขวาไว้ก่อน พอเห็นมีรถข้างหน้าสวนทางมา แกก็กะระยะพอเฉียดอย่างใจคอหายกัน แล้วก็ให้สัญญาณโบกมือให้รถหลังขึ้นหน้า แล้วแกก็ชะลอรถให้ห่างๆ จากรถที่ขึ้นหน้ากับรถที่สวนทางมาข้างหน้าปะทะกัน ซึ่งต่างมาปะจันหน้าในระยะใกล้จะเบารถหยุดหรือห้ามล้อก็ไม่ทัน ต่างก็หักพวงมาลัยหลีกกันอย่างตกใจเกือบๆ จะตกถนนไปด้วยกัน   บางครั้งก็ปะทะกัน บังโคลนบู้บี้ด้วยกันทั้งคู่ บางทีก็หมอบไปไม่ได้ด้วยกัน 

   ผมเห็นแกมีความพอใจสนุกสนานในผลการกระทำของแก ผมรู้สึกไม่ชอบและไม่พอใจ และเด็กรุ่นๆสองคนที่ประจำรถก็เห็นเป็นของสนุกไปด้วย ส่วนมากแกใช้ให้เด็กเป็นคนโบกมือให้สัญญาณขึ้นหน้าเมื่อมีรถบีบแตรขอทาง   ผมได้เตือนแกว่าอย่าทำอย่างนี้ ถ้าเกิดมีคนตายด้วยการกระทำของแก แม้จะเอาผิดไม่ถนัด แต่กรรมที่แกทำนี้จะตามสนองแกสักวันหนึ่ง และขอให้แกเห็นแก่ศีลธรรมมนุษยธรรม ขอให้แกเลิกเล่นพิสดารอย่างทารุณนี้เสียด้วย แกแก้ตัวว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เขาขอทางก็หลีกทางให้ เมื่อไปชนรถข้างหน้าหรือสะพานมันก็ไม่ใช่ความผิดของแก ถ้าใครจะบอกว่าแกผิดเพราะให้สัญญาณโบกมือให้ขึ้นหน้า แกก็จะแก้ว่าไม่ได้ให้สัญญาณ แย่งขึ้นหน้าไปเองหรือตาฝาดไปเอง 
   
   รถที่เป็นเหยื่อของลูกพี่ผมนั้น ส่วนมากเป็นรถพวงมาลัยขับทางซ้ายเพราะมองไม่เห็นรถสวนมาข้างหน้า เนื่องจากมีรถหน้าบัง ยิ่งถนนเป็นฝุ่นก็ยิ่งไม่มีทางที่จะเห็นรถสวนหรือสะพานแคบๆ ได้เลย แม้ผมจะไม่ได้ขับรถก็พยายามนั่งข้างหน้าและนั่งชิดซ้ายทางลงให้ชิดที่สุด เมื่อเห็นว่าลูกพี่ของผมสั่งให้เด็กทำสัญญาณโบกมือให้รถตามหลังขึ้นหน้า เพื่อจะให้ปะทะกับรถสวนมาหรือสะพานก็ดี  ผมก็แอบยื่นมือโบกห้ามเป็นสัญญาณไม่ให้ขึ้นหน้าจนกว่าจะพ้นอันตราย แต่จะได้ผลเพียงไรผมไม่แน่ใจนัก แต่คนขับพวงมาลัยซ้ายนั้นคงเห็นถนัด ทำให้ลูกพี่มองผมด้วยสายตาเริ่มจะไม่เป็นมิตร เหมือนจะรู้ว่าผมเริ่มขัดขวางในความสนุกของแก และผมเองก็ทนดูความบ้าของแกไม่ไหว คิดว่าออกไปตายดาบหน้าดีกว่าที่จะทนเห็นการเล่นอย่างทารุณของแก

   ผมยื่นคำขาดขอให้แกเลิกเล่นเกมกีฬาที่เหี้ยมโหดเสียที  แกก็ยืนคำว่าแกไม่ได้ทำผิดอะไร เราก็มีการเถียงกันบ้าง และผมได้ขู่ว่าหากแกยังแสดงกิริยาบ้าๆเช่นนี้อีก ถ้าผมรู้จะไปแจ้งความจริงให้เจ้าหน้าที่ทราบ ถึงแม้จะผิดหรือไม่ผิดก็คงรู้กัน เราได้โต้เถียงกันหลายคำ แล้วผมก็จากมา  ผมคิดว่าตั้งแต่วันนั้นแกคงไม่เล่นแบบนั้นอีก แกคงจะกลัวตามที่ผมได้ขู่ไว้ แต่ก็ไม่แน่ใจนักที่แกจะละทิ้งนิสัยชั่วนี้ได้ เพราะผมได้แยกกับแกแล้ว คงไม่มีใครขัดขวางการกระทำของแก จิตใจผมยังเป็นห่วงแกมาก เพราะทุกครั้งที่ผมได้ข่าวว่ามีรถชนกันก็ดี ตกสะพานหรือชนสะพาน หรือตกข้างถนนตกคูก็ดีเหล่านี้ ผมก็อดที่จะคิดสิ่งไม่เป็นมงคล ถึงการกระทำของลูกพี่ทุกครั้งไป แม้แกเองจะไม่รู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยก็ดี

   ผมได้จากลูกพี่มาประมาณ ๖ เดือน ผมก็ได้งานขับรถประจำ และระหว่างก่อนหน้าผมก็ได้แต่แทนเท่านั้น เมื่อผมได้ขับรถประจำ แล้ววันหนึ่งผมได้ขับรถไปตามทาง ก็มองเห็นข้างหน้ามีคนมุงดูรถบรรทุกคันหนึ่งหลบสะพาน รถเสียหลักตกไปตะแคงข้างถนน พอผมเห็นก็ตกใจเพราะจำได้ว่า รถคันนั้นลูกพี่ของผมเป็นผู้ขับ  ผมรีบหยุดรถลงข้างถนนแล้วลงไปถามชาวบ้าน ซึ่งมีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หญิง และชายกำลังยืนพูดถึงเรื่องรถตกถนนกันอยู่ ก็ได้ความว่า รถคันนี้ได้แย่งขึ้นหน้ารถอีกคันหนึ่ง พอขึ้นหน้าได้ก็เห็นสะพานกลัวจะชนสะพาน คนขับจึงตัดสินใจลงข้างถนน จึงพลิกกลิ้งตะแคงอยู่ข้างถนนดังที่ได้เห็นมาแล้ว  

   ผมได้ถามคนขับว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็ทราบว่าคนขับถูกพวงมาลัยกระแทกหน้าอกสลบไป และรถที่ตามหลังมาก็รีบจัดการส่งคนป่วยไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ผมได้ทราบก็สลดใจและเศร้าใจมาก เพราะถึงอย่างไรแกก็เคยมีบุญคุณกับผมที่จะลืมเสียมิได้ การโต้เถียงก็มิได้ว่าจะโกรธกันเป็นเพราะผมหวังดีแท้ๆ 

   วันนั้นพอผมนำรถกลับเข้าจังหวัดแล้ว ผมก็รีบไปขออนุญาตเจ้าของรถไปเยี่ยมลูกพี่ของผมที่โรงพยาบาลเท่าที่ผมทราบมา  ผมไปถึงโรงพยาบาล ถามถึงชื่อและเหตุต้องมาอยู่โรงพยาบาลจากนางพยาบาล แล้วก็รีบไปที่ห้องตามที่นางพยาบาลบอกทันที เมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นคนป่วยนอนเรียงรายเป็นแถวดูลานตาไปหมด บังเอิญผมได้มองไปเห็นพี่ชายของลูกพี่ยืนหน้าเศร้าอยู่ที่มุมห้องข้างเตียงคนไข้ ผมก็ทราบได้ดีว่าแกคงนอนป่วยที่นั่น แต่แล้วผมก็มองเห็นมารดาของแกนั่งอยู่ข้างเตียงน้ำตานอง

    ผมเข้าไปทำความเคารพพี่ชายและมารดาของลูกพี่ แล้วก็มองเห็นแกพันผ้าเลยหน้าอกขึ้นมาก็ใจหาย ได้ทราบว่าเขาพึ่งออกมาห้องปฐมพยาบาลหรือห้องผ่าตัด แกยังสลบอยู่   ผมเลยถือโอกาสถามถึงสาเหตุ ก็ได้ทราบจากพี่ชายของแกว่า รถที่แกเร่งขึ้นหน้านั้นเป็นรถที่พี่ชายแกเป็นคนขับ และพี่ชายแกก็ประหลาดใจ แกตกใจเหมือนกัน เพราะอยู่ๆ แกก็เร่งขึ้นหน้าทั้งๆที่ข้างหน้าเป็นสะพาน พี่ชายได้ตะโกนบอกว่าอย่าพึ่งแซง แกก็ไม่ฟัง พอขึ้นหน้าก็จะชนสะพาน แกเลยตัดสินใจหักลงข้างทาง ผมเองได้ยินก็สลดใจอย่างที่สุด พอดีแกก็ฟื้นจากสลบ ทำหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด เมื่อลืมตามองเห็นผม ก็พยักหน้าให้เข้ามาใกล้ๆ

   คนป่วยพูดเสียงแผ่วเบา เพราะความเจ็บปวดทรมาน และขอน้ำทานเป็นคำแรก ผมรีบหยิบกาใส่น้ำที่ตั้งไว้ไปจ่อที่ปาก จิตใจสงสารเป็นที่สุด เมื่อดูดน้ำจากพวยกากระเบื้องพอสมควร แกก็เอ่ยขึ้นว่า พี่ขอบใจที่แกมาเยี่ยม พี่รู้สึกตัวแล้วว่ากรรมชั่วได้ตามสนองพี่แล้ว พี่คงจะไม่ได้มีโอกาสที่จะเห็นหน้าแกต่อไป พี่รู้สึกตัวดี มันเจ็บปวดเหลือเกินมันเจ็บไปทั้งหน้าอก

   แกพูดพลางน้ำตาก็ไหลรินออกมา ทำให้ผมสงสารอย่างจับใจน้ำตาก็พลอยร่วงลงมาด้วย ได้แต่ปลอบโยนแกให้ทำใจให้เข้มแข็ง เพื่อจะได้ต่อต้านกับความเจ็บปวด แต่แล้วมารดาแกก็เข้ามาขอร้องอย่าให้พูดมากให้นอนนิ่งๆ วันนั้นผมได้จากแกมาด้วยจิตใจที่เศร้ามาก และได้มอบเงินให้กับมารดาแกไว้ร้อยบาท บอกว่าถ้าหากแกต้องการจะกินอะไรก็ช่วยซื้อให้ด้วย ผมเองเวลานั้นก็ใช่ว่าจะมั่งมีอะไร แต่เห็นการเจ็บป่วยต้องทรมานแล้วก็สงสาร นึกว่าผมเองจะอดก็ยินดี เพราะว่าผมก็ตัวคนเดียว คงไม่อดตายแน่  ก่อนกลับก็ไม่ลืมไปเยี่ยมเด็กประจำรถอีกสองคน อีกคนหนึ่งแขนเดาะแต่ยังพูดจาได้ดี ผมจึงได้รู้เรื่องว่า การที่ลูกพี่แซงขึ้นหน้ารถพี่ชายนั้นเพราะแกเห็นว่า คันหน้าให้สัญญาณโบกมือให้ขึ้นหน้าทั้งๆ ที่ไม่มีใครเห็น แต่ลูกพี่ตาฝาดไปเองจึงเกิดเรื่องขึ้น นี่แหละครับคุณ  ทำให้ผมเชื่อแน่เหลือเกินว่า กรรมใดที่สร้างไว้กรรมนั้นย่อมตามสนอง เพราะต่อมาลูกพี่ของผมก็ถึงแก่กรรม เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว นี่เป็นเรื่องเศร้าเรื่องหนึ่งในชีวิตผม

   ข้าพเจ้าฟังเรื่องราวแล้วพลอยเศร้าไปด้วย แล้วข้าพเจ้าถามว่า เมื่อไหร่จะคิดแต่งงานมีครอบครัวบ้างล่ะ

   แกยิ้มอย่างอายๆ และพูดว่า เดี๋ยวนี้ผมมีภรรยาแล้วครับ   

   ข้าพเจ้าต้องยิ้มเก้อๆ ไปด้วย เลยถามว่า แต่งงานมานานแล้วหรือ ภรรยาเป็นชาวจังหวัดไหน หรือคนกรุงเทพฯ

   “ภรรยาผมเป็นลูกสาวเจ้าของรถที่ผมขับนี่แหละครับ”  แกเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เมื่อมาขับรถประจำได้ประมาณปีเศษ เจ้าของรถเห็นแกเป็นคนซื่อ เหล้ายาก็ไม่กิน และพวกคนโดยสารขึ้นลงประจำเขานิยมนั่งรถที่แกขับมากกว่าคนอื่น ด้วยมารยาทที่ดีและขับรถไม่ประมาทเป็นที่ไว้ใจได้ว่า ไม่พาไปตกถนนหรือชนกันแน่ หรือพาไปตายหมู่เหมือนคันอื่น ฉะนั้น ระยะเพียงปีเดียวทำรายได้มากกว่าคนเก่าตั้งครึ่ง ต่อมาเจ้าของรถคงเห็นความดีอันนี้จึงได้ยกบุตรสาวให้เป็นภรรยา โดยมิได้รังเกียจว่าแกเป็นลูกจ้างขับรถ ข้าพเจ้าชมแกว่าเล่าได้ละเอียดดีมาก แกบอกว่า

   “ผมได้บันทึกไว้ครับ ผมได้พยายามอ่านทวนความจำอยู่เสมอ เพื่อจะได้คอยเตือนสติให้ผมไม่ประมาท ในสิ่งที่ผมไม่ควรกระทำ

   ข้าพเจ้าฟังแกเล่าอย่างยืดยาว ก็มีความพอใจในความประพฤติของแกที่ล่วงมาแล้ว จึงคิดและพูดว่า

   “ผู้ใดประกอบกรรมดี ผู้นั้นย่อมจะได้รับกรรมดีสนอง เหมือนกันกับความชั่วไม่ช้าก็เร็ว ไม่มีใครสามารถยื้อแย่งเอาความดีไปได้ ขอให้ทำความดียิ่งๆขึ้นไปเถิด จะได้เป็นมงคลกับตัวเอง

   ข้าพเจ้าเห็นแกยิ้มอย่างภูมิใจและมีความสุข เมื่อพูดถึงความดีที่มีผู้ชม และพูดว่า

   “ครับ ผมจะดำรงความดีจนชีวิตหาไม่

   อันตัวข้าพเจ้านั้น   มิใช่ญาติพี่น้องของแกก็จริง แต่เมื่อทราบถึงกรรมดีที่แกได้สร้างมา ก็อดที่จะพลอยปลื้มปีติยินดีไปด้วยความจริงใจไม่ได้

จบเรื่องที่ ๑๖
ขอความดีงามจงบังเกิดกับท่านผู้อ่าน
ขออุทิศแด่ท่านอาจารย์ ทองหยก เลียงพิบูลย์ เจ้าของวรรณกรรมอิงธรรมะชุดนี้
และขอขอบพระคุณท่าน พลเรือเอก ทวีชัย เลียงพิบูลย์ และทายาท(เจ้าของลิขสิทธิ์)




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น