วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

นึกเรื่องเก่า เล่าความหลังฯ๕ ของกินสมัยก่อน

นึกเรื่องเก่า เล่าความหลัง กินของขม ชมเด็กสาว..แปลว่า..เริ่มแก่แล้ว..๕
ของกินที่สนามหลวงและใกล้ๆ

ท่านที่ชอบนึกเรื่องเก่าเล่าความหลังนี้ แต่พยายามฝืนที่จะไม่กินของขม และยังไม่ชมเด็กสาว(ให้เห็น) อย่างนี้จะนับว่าเริ่มแก่แล้วหรือยัง คาดว่าท่านทั้งหลายคงจะตอบว่ายังไม่แก่อย่างแน่นอน ดังนั้นเรามานึกเรื่องเก่าเล่าความหลังกันให้พอเคลิ้มๆ

สนามหลวงเมื่อวันวาน

ของกินที่หมายรวมถึงอาหารและขนมในสมัยห้าสิบปีก่อนหรือเก่าไปกว่านั้นมีมากมายจริงๆ ตอนที่ข้าพเจ้าผู้เขียนยังเป็นเด็กจนถึงแตกเนื้อหนุ่มได้มีโอกาสรับประทานอาหารและขนมที่อร่อยๆบ่อยมาก แทบจะเรียกว่าได้รับประทานหรือพูดแบบรากหญ้าว่ากินของอร่อยๆทุกวัน ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะต้องมีของอร่อยให้ซื้อกินอยู่เสมอ ขนาดอยู่กับบ้านแท้ๆก็ยังมีแม่ค้าหาบของมาขาย มีทั้งอาหารคาวหวานขนมนมเนยผลหมากรากไม้ ซึ่งในปัจจุบันทั้งอาหารทั้งกับข้าวและขนมอร่อยๆที่หาบขาย ดันมาหายไปหมดอย่างน่าใจหาย

ร้านอาหารในสนามหลวง
                                                       
ที่สนามหลวงจะมีข้าวหมูแดงขายอยู่หลายเจ้า จานที่ใส่ข้าวหมูแดงนี้ต้องว่าไม่ธรรมดาเลยเพราะใช้จานกระเบื้องแบบจานเปล เคยรับประทานตั้งแต่จานละหนึ่งบาทซึ่งเหลือเชื่อว่า ที่กรุงเทพฯเคยขายอาหารกันราคาเพียงแค่นี้
   สมัยก่อนถ้าเป็นพวกข้าวต้องนับว่าข้าวมันไก่ข้าวหน้าเป็ดเป็นอาหารที่มีราคาแพงกว่าอย่างอื่น ตอนข้าพเจ้าผู้เขียนยังเด็กนั้น ถ้าวันไหนพี่เลี้ยงเอาอาหารกลางวันมาให้ที่โรงเรียน ถ้าเป็นข้าวมันไก่หรือข้าวหน้าเป็ด เพื่อนๆจะฮือฮากันเป็นที่ยิ่ง สมัยนั้นเป็ดไก่แพงเหนือชั้นกว่าเนื้อหมู

แม่ค้าขายน้ำตาลสดของแท้ที่สนามหลวง
             

แม่ค้าขายมะตูมเชื่อม
                                                                                 
     น้ำตาลสดเป็นของที่หากันได้ง่ายๆ มีพ่อค้าแม่ค้าหาบขายถึงหน้าบ้าน น้ำตาลสดทั้งหอมทั้งหวาน รสชาติของน้ำตาลสดของแท้นี้ไม่รู้ว่าจะอธิบายได้อย่างไร เรื่องมันถึงกับต้องไปลองหามาชิมดู หอมกว่าน้ำอ้อยมาก

     ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊วอร่อยกว่าสมัยนี้มาก ข้อนี้เป็นเพราะแต่ก่อนนั้นจะใช้น้ำมันหมูทำอาหาร น้ำมันหมูนี้ปกติเขาจะซื้อมันหมูเอามาเจียวทำเป็นน้ำมันหมูใส่หม้อเล็กกันเอง มีบ้างที่ซื้อน้ำมันหมูที่ทำเสร็จแล้ว ตอนเด็กผู้เขียนยังเคยช่วยคุณแม่คุณย่าเจียวน้ำมันหมูบ่อยๆ น้ำมันหมูนี้เวลาเจียวแล้วจะเหลือกากหมูที่ใช้กินได้อร่อยสำหรับคนชอบรสมันๆกรอบๆ 
   ก๋วยเตี๋ยวหลอดยุคนั้นถ้าจะกินกันแบบโก้หรูแล้ว เขาจะโรยด้วยกากหมูต้นหอมผักชี กินกันพุงกาง หรือหรูสุดก็จะเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดม้วนห่อถั่วงอกและกากหมูเป็นเส้น ทำนองป่อเปี๊ยะแล้วหั่นราดด้วยซีอิ๊วดำธรรมดาๆ กินกันอร่อยเหลือหลาย ก๋วยเตี๋ยวหลอดสมัยนั้นไม่มีเครื่องใส่เยอะแยะแบบสมัยนี้ จะมีแค่ถัวงอกต้นหอมผักชีและกากหมูเป็นตัวชูโรง แต่แปลกมากที่อร่อยกว่าก๋วยเตี๋ยวหลอดที่มีเครื่องเยอะแบบยุคนี้มาก

   น้ำลำไยน้ำบ๊วยใส่โหลแก้วมีน้ำแข็งพร้อม ขายกันอย่างนี้
                                       
    น้ำผึ้งนับรวงไม่ได้เลย มากันเป็นกองๆ
                                                                   
     โจ๊กแบบสมัยก่อนเดี๋ยวนี้ก็แทบไม่เห็นแล้ว สมัยนี้มีแต่โจ๊กกลายพันธุ์จนจำเกือบไม่ได้ว่านี่คือโจ๊ก โจ๊กรุ่นเก่าของแท้นั้นจะมีหมูมีตับเป็นหลัก กระเพาะหมูมีน้อยมากที่จะใส่กัน ของสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือต้องมีขิงสดซอยเป็นเส้น ต้นหอมผักชี ใส่ปาท่องโก๋ที่เอาไม้หนีบให้แตก ปาท่องโก๋นี้คนไทยเรียกชื่อผิด เพราะที่จริงคนจีนเขาเรียกอิ่วจาก๊วย และเครื่องที่ใส่โจ๊กอย่างสุดท้ายต้องมีเส้นหมี่กรอบ เฉพาะเส้นหมี่กรอบใส่ในโจ๊กนี้ ปัจจุบันหายากมากสำหรับโจ๊กสมัยนี้

หมูสะเต๊ะปิ้งได้ทีละหน่อย
                                                                       
หม้อก๋วยเตี๋วทองเหลือง
     หมูสะเต๊ะเป็นของกินยอดฮิตอย่างหนึ่งในยุคนั้น จะมีคนหาบหมูสะเต๊ะมาขายถึงหน้าบ้าน ปิ้งกันควันโขมง พอปิ้งควันตลบได้ที่แล้วกลิ่นของเจ้าหมูสะเต๊ะนี้จะเรียกลูกค้ามาซื้อเอง กินกับขนมปังปิ้งบนรางเตาถ่านหอมดี

     หาบเร่ที่ดูดีเป็นพิเศษก็คือหาบเร่ขายก๋วยเตี๋ยวแคะและหาบเร่ที่เขาขายกระเพาะปลา เฉพาะสองอย่างนี้ราวกับเป็นเครื่องหมายการค้าว่า จะต้องเป็นหาบทองเหลืองเท่านั้น ถ้าขายอย่างอื่นจะไม่ใช้หาบแบบนี้เลย

     ย่านเยาวราชไปจนถึงแถบวรจักรสะพานเหล็กจะมีอาหารคล้ายกันกับข้าวราดแกงของคนไทยอย่างหนึ่ง เรียกว่าข้าวพระรามลงสรง รับประทานที่ไหนก็ไม่ถูกใจเท่าที่เยาวราชกับแถวๆเวิ้งนาครเขษม โดยเฉพาะที่เวิ้งฯนั้นมีเจ้าประจำกินกันตั้งแต่เด็กจนโต เจ้านี้อยู่ตรงทางเข้าตลาดปีระกา เลิกขายไปเป็นสิบปีแล้ว ข้าวพระรามลงสรงนี้ประมาณว่าเป็นข้างแกงจีนก็ว่าได้ มีผักบุ้ง หมู ตับ ลวกพอสุกโปะบนข้าวแล้วราดน้ำแกงที่เขระๆ มีน้ำพริกเผาพริกชี้ฟ้า ตอนนี้หารับประทานยากแล้ว
ข้าวพระรามลงสรง

   ผู้เขียนเคยเห็นคนขายข้าวพระรามลงสรงแบบโบราณแท้ๆครั้งสุดท้ายประมาณสามสิบกว่าปีก่อน เจอโดยบังเอิญในตรอกแคบๆแถบเยาวราช อาแป๊ะแกหาบขายด้วยเครื่องหาบแอนติคเก่าแก่มาก ไม่รู้ว่าแกหาบไหวได้อย่างไร ยังจำเสียงแกร้องขายว่า “ซาแต๊ซัวเถา” หาบของอาแป๊ะเหมือนในหนังกำลังภายในเลย คือเป็นแบบแผงกระบะที่คล้ายๆตู้ไม้สี่เหลี่ยม ใต้ตู้มีถ่านไม้สำรองไว้ด้วย บนตู้กระบะมีช่องที่เรียกว่าเก๊ะใส่เครื่องปรุง ป่านนี้แกคงไปเข้าเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้แล้ว

 
                                                                                                   ตือฮวนของแท้

ทันเห็นอาซิ้มแต่งตัวหาบของแบบนี้ด้วยครับ
                                                      
     ของกินที่แทบสูญไปอีกอย่างคือข้าวเฉโป ข้าวเฉโปนี้ประมาณว่าจะเอากับข้าวหลายๆอย่างโปะลงบนข้าวสวยแบบฟาสฟู๊ด หรืออาหารญี่ปุ่นแบบที่มีคำว่า “ด้ง” ว่ากันว่าเรียกข้าวเสียโป เพราะเล่นโปจนหมดกระเป๋าแล้วเงินไม่พอสั่งกับข้าวแบบเป็นจานๆ เลยซื้อกินได้แค่ข้าวจานหนึ่งหรือชามหนึ่ง แล้วเอากับข้าวโปะๆแบบรวมมิตรมาเท่านั้น

   

  นึกเรื่องเก่า เล่าความหลัง แบบเรื่องของกินนั้น ยังเล่าได้อีกยาวหลายอารมณ์ หลายรสชาติ และหลายแม่ค้า...
**รูปภาพจากหลายๆเว็บไซต์ ขออภัยที่ลืมเก็บข้อมูล เพราะตอนหารูปภาพยังใช้งานสื่อฯไม่ค่อยเป็น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น