พระอรหันต์จี้กง
ชาวไทยเรามักจะคุ้นกับชื่อของพระอรหันต์จี้กง
โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนด้วยแล้ว เป็นต้องรู้จักคุ้นเคยชื่อพระอรหันต์จี้กงแน่ๆ แต่จะรู้จักถึงขนาดไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หลายๆคนอาจนึกว่าเรื่องราวของพระอรหันต์จี้กงนี้เป็นนิทานแบบจีนๆ ทำนองเดียวกันกับเรื่องไซอิ๋วที่มีพระถังซำจั๋งกับพญาลิงวิเศษเห้งเจีย
ความจริงพระอรหันต์จี้กงนี้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
วันเวลาที่ล่วงเลยมานานเลยกลายเป็นตำนานเรื่องเล่า
ซึ่งมีเรื่องสนุกสนานจนนึกกันไปว่าเป็นนิทานธรรมแบบจีนเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วพระอรหันต์จี้กงเป็นบุคคลในยุคสมัยราชวงศ์ซ้องใต้(พ.ศ.๑๖๗๐-๑๘๒๒)
ซึ่งขณะนั้นเป็นยุคสงคราม คนทั้งหลายเรียกท่านว่ามหาสมณะเต้าจี้
ประวัติท่านพระอรหันต์จี้กงนี้
ได้รวบรวมมาจากที่ต่างๆเช่นโรงเจ วัดจีน หนังสือต่างๆ
และที่สำคัญได้อาศัยหนังสือตามรอยพระอรหันต์จี้กง ที่มีคุณ ธำรง ปัทมภาส และคุณ
อนุสรณ์ สงค์นอก แปลและเรียบเรียงจากหนังสือ เทียนไทซานจี้กงหัวฝอ
ใช้หนังสือนี้สอบทาน หนังสือเล่มนี้เขียนเป็นทำนองประวัติศาสตร์มากที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา
ท่านจี้กงเกิดเมื่อสามค่ำเดือนสิบสอง มีบันทึกว่าเกิดในพ.ศ. ๑๖๗๓
บางที่ว่าพ.ศ.๑๖๙๒ และมีอายุได้ ๖๐ปีจึงมรณภาพ ท่านจี้กงมีแซ่หลี่ นามเดิมว่า
ซิวหยวน สถานที่กำเนิดของท่านคือ หมู่บ้านหย่งหนิง
อยู่เชิงเขาด้านทิศใต้ของเขาชื่อเฉิงซาน เมืองเทียนไท มณฑลเจ๋อเจียง
มีบิดาชื่อหลี่เม้าชุน ตระกูลเดิมเป็นขุนนาง
ท่านหลี่เม้าชุนเบื่อหน่ายในราชการ จึงลาออกมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติ
เมื่อออกจากราชการแล้วจึงได้มุ่งทำบุญทำทานรักษาศีล
ต่อมาท่านหลี่เม้าชุนและภรรยาได้ไปไหว้อธิษฐานขอบุตรชาย ที่วิหารเจียหลั่นเตี้ยน
อารามกั๋วชิงซื่อ อีกไม่นานภรรยาของท่านหลี่เม้าชุนฝันว่าได้กลืนแสงตะวัน แล้วจึงตั้งครรภ์
พอครบกำหนดก็ได้คลอดทารกชายได้ดังใจปรารถนา
ท่านเจ้าอาวาสวัดกั๋วชิงซื่อได้ตั้งชื่อให้ทารกว่า ซิวหยวน
เมื่อหลี่ซิวหยวนเจริญวัย ท่านหลี่เม้าชุนจึงเชิญครูมาสอนหนังสือให้ที่บ้าน
หลี่ซิวหยวนมีความฉลาดเรียนรู้ได้รวดเร็วกว่าเพื่อนๆ มีความสามารถในทางกวีนิพนธ์เป็นเยี่ยม
พอยามว่างจะชอบไปเที่ยววัดฟังธรรมอยู่เสมอ
ชอบเข้าไปศึกษาคัมภีร์ในถ้ำยุ้ยเสียต้งที่มีตำรับตำรามาก
หลี่ซิวหยวนออกบวช
ท่านหลี่เม้าชุนได้หมายหมั้นบุตรสาวของเพื่อนให้กับหลี่ซิวหยวน
แต่ต่อมาท่านหลี่เม้าชุนและภรรยาถึงแก่กรรม หลี่ซิวหยวนจึงยังไม่ทันได้แต่งงาน
หลี่ซิวหยวนไว้ทุกอยู่สามปี จากนั้นจึงได้ไปขอบวชที่วัดกั๋วชิงซื่อ
อยู่กับพระอาจารย์ฝ่าคงอี้เปิ่นผู้เป็นเจ้าอาวาส
ตามธรรมเนียมการบวชนั้น จะต้องถือศีลภาวนาไประยะหนึ่งก่อนจึงจะบวชได้
หลี่ซิวหยวนมีความตั้งอกตั้งใจสวดมนต์รักษาศีลเป็นอันดี
แต่เพราะหลี่ซิวหยวนขยันและตั้งใจมาก
จึงถูกพระในวัดอิจฉาเพราะคิดว่าเจ้าอาวาสจะโปรดปราน
มีพระใส่ความว่าหลี่ซิวหยวนไม่ใฝ่ในพระธรรม ที่จะมาบวชก็เพราะหนีการแต่งงาน พระในวัดเลยกลั่นแกล้งหลี่ซิวหยวนต่างๆนาๆ
ท่านเจ้าอาวาสทราบเรื่องจึงให้หลี่ซิวหยวนบรรพชาเป็นสามเณรก่อน
และตั้งฉายาให้หลี่ซิวหยวนว่า "เต้าจี้" นับแต่บัดนั้นฉายานาม “เต้าจี้” จึงปรากฏ
ต่อมาเต้าจี้ขออนุญาตจากพระอาจารย์ฝ่าคงอี้เปิ่นเพื่อเดินทางออกจากวัด
ท่านเจ้าอาวาสจึงได้ทำหนังสือรับรองให้แก่เต้าจี้ และแนะนำให้เดินทางไปหาพระอาจารย์ต่างๆ
เต้าจี้จึงเริ่มธุดงค์
เต้าจี้เดินทางจนถึงเมืองหลิงอาน
ไปคารวะพระอาจารย์เต้าชิงแห่งวัดจื่อหยวนซื่อ
แล้วเดินทางไปคารวะพระอาจารย์เต้าจิ่งแห่งวัดกวนอิมซื่อ จากนั้นจึงได้ไปวัดหลิงอิ่นซื่อตามที่พระอาจารย์ฝ่าคงอี้เปิ่นแนะนำว่า
ให้ไปหาพระอาจารย์หุ้ยหย่วนเซียถังที่วัดหลิ่งอิ่นซื่อ พระอาจารย์หุ้ยหย่วนเซียถังนี้รู้จักคุ้นเคยกันกับบิดาของเต้าจี้มาก่อนอีกด้วย
พระอรหันต์จี้กง
พระอาจารย์หุ้ยหย่วน(พ.ศ.๑๖๗๓-๑๗๑๙)มีนามเดิมว่าผิงเซียถัง
เป็นผู้ที่มีความฉลาดปราดเปรื่องมาก เคยแสดงพระธรรมเทศนาหน้าพระที่นั่งถวายฮ่องเต้ราชวงศ์ซ่ง
มีคนนับถือเลื่อมใสมาก ขนานนามให้ว่าพระธรรมาจารย์ฝอไห่ แปลว่า พุทธสมุทร
หมายถึงมีความรอบรู้ในธรรมที่กว้างขวางดังห้วงมหาสมุทร
เมื่อเต้าจี้มากราบคารวะแล้ว พระอาจารย์หุ้ยหย่วนได้รับให้เต้าจี้เข้าในสำนัก
เต้าจี้เข้าปฏิบัติธรรมที่วัดหลิงอิ่นซื่อแห่งนี้เอง
แรกๆเต้าจี้ก็ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรเป็นปกติดี
แต่แล้วในที่สุดเต้าจี้ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดไม่เรียบร้อยขึ้นเรื่อยๆเช่น
นั่งสัปหงกจนหัวโขกพื้น หนีออกจากวัดไปเล่นกับลิงค่าง แอบหนีไปเล่นซุกซนกับเด็กๆ
โดยเฉพาะชอบไปเล่นที่ถ้ำเฟยไหลฟง บางทีปิ้งเนื้อสุนัขกินเอง
บางทีกินเหล้าแล้วนอนหลับเกลือกกลิ้ง และยังนุ่งห่มจีวรที่ขาดวิ่นปุๆปะๆอยู่เสมอ
นอกจากนี้เต้าจี้ยังเข้าออกร้านเหล้า คบหานางคณิกา เล่นกับจิ้งหรีด
และเคยนอนในหอนางคณิกา แต่ไม่เคยผิดศีลประเวณีเลย
เต้าจี้แสดงอาการเพี้ยนๆเช่นนี้เสมอ
แต่ในขณะเดียวกันเต้าจี้กลับช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนอยู่ตลอดเวลาเช่น
ช่วยคนแก่ที่ยากไร้ ช่วยรักษาพยาบาลคนเจ็บป่วย หาสมุนไพรมาแจก บางครั้งมีผู้หาจีวรใหม่มาถวาย
เต้าจี้กลับเอาไปขายเพื่อเอาเงินมาซื้อเหล้าดื่ม
หรือซื้อยาไปแจกให้ชาวบ้านที่ยากจน
สมญานาม จี้เตี่ยน พระเพี้ยน
พระในวัดหลิงอิ่นซื่อที่ไม่ชอบพฤติกรรมที่ไม่สำรวมของเต้าจี้
ได้ร้องเรียนให้พระอาจารย์หุ้ยหย่วนลงโทษจับเต้าจี้เฆี่ยนโบย
แต่พระอาจารย์หุ้ยหย่วนไม่ลงโทษ
และยังมีตัวอักษรเขียนไว้ที่ข้างธรรมาสน์ของท่านอีกว่า “ธรรมทวารเปิดกว้าง ใยมิอาจรับพระเพี้ยน” จากนี้เองที่พระทั้งหลายเรียกเต้าจี้ว่าจี้เตียน
จี้เตียนมีความหมายว่าพระเต้าจี้ที่แผกเพี้ยน
ในที่สุดเต้าจี้จึงถูกเรียกว่าจี้เตี่ยน(พระเพี้ยน)
ต่อมาพระอาจารย์หุ้ยหยวนเทศนาและบอกใบ้ว่าจะมรณภาพเมื่อถึงกลางเดือนอ้าย
มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ พระอาจารย์หุ้ยหยวนเป็นพระมหาสมณะ
มีผู้คนเลื่อมใสมากข่าวนี้จึงได้แพร่ไปทั่วในหมู่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
พอถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนอ้าย พระอาจารย์หุ้ยหยวนนั่งสมาธิดับขันธ์
แต่ท่านได้สั่งเสียเอาไว้ก่อนแล้วว่ามีบาตรและจีวรสืบทอดให้เต้าจี้
และให้เต้าจี้เป็นผู้จุดไฟปลงสังขารท่าน
พระอาจารย์หุ้นหยวนมรณภาพไปแล้วสิบวัน สังขารยังดูเหมือนมีชีวิต
เต้าจี้จึงกล่าวโศลกว่า “จะเผาร่างถุงเนื้อหนังให้มอดไหม้
คืนกลับเป็นวัชรกายไม่แตกสลาย” แล้วจึงจุดไฟเผาร่างของพระอาจารย์หุ้นหยวน
จากนั้นจึงบรรจุอัฐิธาตุไว้ในเจดีย์ที่ยอดเขาอูฟง
หลังจากที่พระอาจารย์หุ้ยหยวนมรณภาพไปแล้ว
พวกพระที่เห็นว่าเต้าจี้นั้นผิดเพี้ยน จึงขับไล่เต้าจี้ให้ออกไปจากวัด
เต้าจี้จึงออกเดินทางไปยังบ้านเกิด พบว่าบ้านที่เคยรุ่งเรืองทรุดโทรมไป
พิจารณาแล้วให้เห็นเป็นอนิจจัง เต้าจี้จึงร่อนเร่พเนจรไปตามที่ต่างๆ
เข้าพักอาศัยตามวัดที่ผ่านทางมา และยังคงนุ่งห่มจีวรขาดๆปุๆปะๆ
ทำกิริยาเพี้ยนๆพร้อมกับช่วยเหลือผู้คนไปพร้อมๆกัน
เต้าจี้กลับมาที่วัดหลงอิ่นซึ่งมีเจ้าอาวาสใหม่คือพระคุณเจ้าซาง
มีฉายาว่าถานป่านโถว(ท่านแก่นจันทน์ผู้รั้นดื้อ)
เต้าจี้ประพฤติตัวเรียบร้อยได้สองเดือน ก็กลับทำตัวเหมือนเดิมอีก
พระผู้คุมประพฤติของวัดได้วางแผนบีบคั้นเต้าจี้
โดยให้เต้าจี้ต้องออกไปเรี่ยไรบอกบุญบิณฑบาต
คือไม่ต้องการให้เต้าจี้อยู่ที่วัดนั่นเอง
เต้าจี้ดื่มเหล้าจนเมามาย
แล้วแต่งฎีกาบอกบุญที่มีโวหารไพเราะลึกซึ้งมากบทหนึ่ง
กล่าวถึงความทุกข์ของมนุษย์ที่หนาวเหน็บและหิวโหย
อธิบายเหตุแห่งการบิณฑบาตภัตตาหาร และความจำเป็นในการภิกขาจารของสงฆ์ แล้วบรรยายบอกบุญเรี่ยไรตามจิตศรัทธา
เพื่อเป็นการหว่านเนื้อนาบุญ ให้เจริญงอกงามเป็นโพธิธรรมต่อไป
ฎีกานี้เหมือนเป็นหลักธรรมที่เต้าจี้แสดงออกมาอย่างลึกซึ้ง
ผู้ที่ได้ฟังเกิดความศรัทธาเป็นอันมาก ต่างร่วมกันบริจาคทำบุญด้วยเป็นอย่างดี
ท่านเต้าจี้ชอบที่จะคลุกคลีกับชาวบ้านไปทั่ว
พอมีชาวบ้านที่เลื่อมใสเห็นท่านเต้าจี้นุ่งห่มจีวรเก่าๆขาดๆ
ก็จะนำจีวรใหม่มาถวายให้เปลี่ยน แต่ทุกครั้งท่านเต้าจี้จะเอาจีวรไปแลกเหล้าดื่ม
หรือจะแลกเงินเป็นเงินแล้วเอาเงินไปซื้อยาหรือข้าวของแจกแก่คนยากไร้อยู่เสมอ
ยิ่งท่านเต้าจี้ถูกบีบบังคับให้ออกจากวัดไปบอกบุญ
คนก็ยิ่งได้รู้จักท่านเต้าจี้มากยิ่งขึ้น
สันนิษฐานกันว่าขณะนั้นคนเรียกท่านเต้าจี้ว่า "จี้กง" กันแล้ว
ท่านจี้กงทราบว่าผู้คุมกฎของวัดต้องการขับไล่ท่านให้ออกไปจากวัด
ดังนั้นท่านจี้กงจึงนำหนังสือรับรองการบวชไปหาพระคุณเจ้าเต๋อฮุยแห่งวัดจิ้งฉือ
ย้ายวัด
วัดจิ้งฉือซื่อ เป็นวัดที่อยู่เชิงเขาฮุยยื่อของเทือกเขาหน่ำพิ้ง
ใกล้ทะเลสาบซีหู มีภูมิประเทศสวยงามทั้งภูเขาทะเลสาบเป็นที่เลื่องลือ วัดนี้สร้างในสมัยฮ่องเต้อู่เวียหวาง
ประมาณ พ.ศ.๑๔๗๙
เมื่อท่านจี้กงได้เข้าพบพระคุณเจ้าเต๋อฮุยแล้ว พระคุณเจ้าเต๋อฮุยได้รับท่านจี้กงไว้
และมอบหมายหน้าที่ให้เป็นพระอาลักษณ์ประจำวัด
มีความรับผิดชอบงานเอกสารและฎีกาต่างๆรวมทั้งงานฌาปนกิจศพ
ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสำคัญตำแหน่งหนึ่งในวัดนิกายเซน
เมื่อท่านจี้กงรับตำแหน่งนี้แล้ว ก็ได้แสดงความรู้ความสามารถทางด้านการประพันธ์ออกมาในระดับลึกซึ้งดีเลิศ
ข้อความทั้งไพเราะทั้งเป็นหลักธรรม คนทั้งหลายจึงเรียกท่านว่า พระอาลักษณ์จี้กง
ภาพโดยsihawatchara รูปหล่อท่านจี้กงภายในวิหารจี้กง อ.พาน จ.เชียงราย |
ต่อมาหอพระไตรปิฎกโส่วซานฟูไห่ของวัดจิ้งฉือซื่อเกิดล้มพังเสียหาย
พระคุณเจ้าเต๋อฮุยจึงขอให้ท่านจี้กงเขียนฎีกาบอกบุญ เพื่อขอรับบริจาคในการบูรณะซ่อมแซมหอพระไตรปิฎก
ท่านจี้กงได้เขียนพรรณนาถึงความงดงามของวัดจิ้งฉือซื่อ
และเขียนถึงการที่หอพระไตรปิฎกล้มพังเสียหาย
อันเป็นเหตุแห่งความขัดข้องในการเผยแผ่พระธรรม
สำนวนที่ท่านจี้กงเขียนนี้ได้รับการยกย่องว่าไพเราะแฝงหลักธรรมไว้ด้วย
ปรากฏว่าพระชนนีทรงสุบินเห็นพระอรหันต์ทองคำ จึงทรงเกิดความเลื่อมใสเสด็จมายังวัดจิ้งฉือซื่อ ได้พระราชทานเงินเพื่อบูรณะวัดถึงสามพันพวงอีแปะ
อยู่ต่อมาพระอาจารย์เต๋อฮุยมรณภาพลง
ท่านเต้าจี้แนะนำให้ทางวัดอาราธนาพระคุณเจ้าซ่งเส้าหลินมาเป็นเจ้าอาวาส ตอนแรกพระคุณเจ้าซ่งเส้าหลินปฏิเสธเพราะท่านชราภาพแล้ว
เมื่อท่านจี้กงเขียนหนังสือนิมนต์ไป
พระคุณเจ้าซ่งเส้าหลินจึงตอบตกลง(แต่ยังติดขัดธุระอยู่จึงยังไม่ได้มารับตำแหน่ง
เมื่อท่านจี้กงมรณภาพแล้ว
พระคุณเจ้าซ่งเส้าหลินจึงได้เดินทางมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจิ้งฉือซื่อ ตามที่ท่านจี้กงได้นิมนต์ไว้)
วันหนึ่งอยู่ๆท่านเต้าจี้ดื่มสุราแล้ววิ่งร้องตะโกนไปรอบวัดว่าไฟไหม้
แต่พวกพระเห็นท่านเป็นพระเพี้ยนเลยไม่สนใจ ต่อมาไม่นานก็เกิดไฟไหม้ขึ้นจริงๆ
ทำให้วัดเสียหายไปไม่น้อย
ทางคณะสงฆ์จึงขอให้ท่านจี้กงเขียนฎีกาบอกบุญซ่อมแซมวัด
และขอให้ท่านจี้กงเดินทางไปบอกบุญแถบเขาเหยียนหลิ่ง(ปัจจุบันคือเมืองถงหลู
มณฑลเจ๋อเจียง)
ที่เขาเหยียนหลิ่งนี่เองที่กลายเป็นตำนานเล่าขานมาถึงปัจจุบันถึงเรื่องอภินิหารท่านจี้กงเอาจีวรคลุมภูเขา
และเรียกท่อนซุงให้ไหลไปตามใต้ดินไปโผล่ที่บ่อน้ำซิ่งซินจิ่งของวัดจิ้วฉือซื่อ
เพื่อดึงท่อนซุงเอามาซ่อมแซมวัด
คนทั้งหลายเรียกบ่อน้ำซิ่งซินจิ่งว่า “เซินหวิ้นจิ่ง”แปลว่าบ่อน้ำเทพฤทธิ์
หรือ “หวิ้นมู่กู่จิ่ง”แปลว่าบ่อน้ำโบราณลำเลียงไม้ซุง
ปัจจุบันยังเหลือไม้ซุงอยู่ท่อนหนึ่งติดค้างอยู่ที่ก้นบ่อ เล่ากันต่อๆมาว่า
เหตุที่เหลือไม้ซุงติดอยู่เพราะตอนที่ชักดึงไม้ซุงขึ้นมาจากบ่อนั้น ได้ชักไม้ซุงขึ้นมาได้เรื่อยๆ
พอมีคนร้องตะโกนว่าพอแล้ว จึงชักไม้ซุงขึ้นมาไม่ได้อีก
จึงเหลือไม้ซุงท่อนสุดท้ายติดคาอยู่ที่ก้นบ่อจนถึงปัจจุบัน
ตำนานอภินิหารจี้กง
มีเรื่องเล่าถึงอภินิหารท่านจี้กงที่ออกช่วยเหลือชาวบ้านอยู่หลายเรื่อง
เรื่องที่โด่งดังมากๆก็คือเรื่องที่ท่านจี้กงเอาจีวรคลุมต้นไม้ทั้งภูเขา
และส่งท่อนซุงมาทางใต้ดินให้มาโผล่ที่วัด ดังที่ได้กล่าวถึงมาแล้ว
เล่ากันว่าวันหนึ่งท่านจี้กงเมาเหล้าแล้วเข้าไปในงานแต่งงาน
อยู่ๆท่านจี้กงก็อุ้มเจ้าสาววิ่งหนีออกจากบ้าน
คนในบ้านและแขกเหรื่อที่มาในงานต่างลุกขึ้นวิ่งไล่จับท่านจี้กง
พอคนทั้งหลายพ้นจากบ้านงานไปแล้ว
ก็ให้บังเอิญที่เกิดเขาถล่มลงมาที่ละแวกบ้านงานนั้น คนทั้งหมดจึงรอดตายจากเขาถล่ม
ครั้งหนึ่งท่านจี้กงกลับไปเยี่ยมญาติที่เมืองเทียนไท
ขณะนั้นมีนายอำเภอตู้เซียวมีอำนาจปกครองอยู่ นายอำเภอได้ยึดเอาของมีค่าไปจากวัดกั๋วชิงซื่อ
แต่ท่านจี้กงเข้าไปขัดขวาง นายอำเภอจึงให้ลูกน้องมารุมตีท่านจี้กง
แต่ก็ถูกท่านจี้กงเอาพัดๆคนเหล่านี้ตกน้ำ แล้วในที่สุดนายอำเภอชั่วก็ถูกไล่ออกจากราชการ
เมืองจินหวาในเขตอู้โจวเกิดแห้งแล้งอย่างหนัก
ผู้คนได้รับความเดือดร้อนอดอยาก ท่านจี้กงได้ไปชี้แนะให้หมอแซ่ฟางสามารถค้นพบแหล่งน้ำจากภูเขาได้
จึงเป็นการบรรเทาความแห้งแล้งไปได้ ชาวเมืองจึงวาดรูปท่านจี้กงเอาไว้บูชา
ท่านจี้กงไปยังนครหลิงอานซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองหลวง
ท่านเที่ยวไปช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ช่วยรักษาโรคให้คนป่วยที่ไม่มีค่ายา
ช่วยเก็บศพฝังศพ เป็นการบำบัดทุกข์ให้ประชาชน
กระทั่งประชาชนได้วาดรูปท่านจี้กงเอาไว้กราบไหว้บูชา
ที่เมืองปักกิ่ง
ท่านจี้กงได้ช่วยชีวิตของผู้หญิงที่กำลังจะเป็นอันตรายจากพวกผู้ร้าย
มีนายอำเภอคนใหม่แซ่จ้าวมารับตำแหน่งยังเขตอันเป็นที่ตั้งของวัดจิ้งฉือซื่อ
ซึ่งเป็นวัดที่ท่านจี้กงพำนัก
นายอำเภอต้องการจะตัดต้นสนเก่าแก่ของวัดเอาไปสร้างบ้าน
นายอำเภอในยุคนั้นมีอำนาจมาก แต่ท่านจี้กงไม่เกรงกลัว
ท่านได้แต่งกลอนขึ้นสองบทเตือนสตินายอำเภอ นายอำเภออ่านแล้วเกิดความสะเทือนใจ
ในที่สุดได้แต่งกลอนไปขอขมา และได้คบหาเป็นสหายกับท่านจี้กง
ท่านจี้กงได้รักษาโรคร้ายในสมัยนั้น
มีเรื่องเล่าว่าธิดาของเจ้าของโรงเตี้ยมหวังจี้ป่วยเป็นวัณโรค
เจ้าของโรงเตี้ยมได้เชิญหมอมารักษาหลายรายแล้ว แต่รักษาไม่ได้
เมื่อท่านจี้กงไปช่วยรักษานั้น ท่านให้ธิดาของเจ้าของโรงเตี้ยมนั่งหันหลังชนกันกับท่าน
แล้วรักษาให้โดยการรีดฝีในท้องออกมา ในที่สุดก็หายป่วย
มรณภาพ
วันหนึ่งท่านจี้กงไปนั่งขับถ่ายบนโอ่งซีอิ้วหน้าประตูชิงปอเหมิน
แล้วโอ่งซีอิ้วใบนี้ก็ล้มลง มีงูพิษเลื้อยออกมาจากโอ่ง
ทำให้ประชาชนรอดจากการถูกงูฉกกัด เมื่อท่านจี้กงทำโอ่งซีอิ้วล้มลงแล้วก็เดินทางกลับวัด
ท่านจี้กงพบคนหาบพริกผ่านมา จึงฉันพริกเข้าไปหนึ่งกระบุง
ที่วัดจิ้งฉือซื่อเวลายามหนึ่ง ท่านจี้กงท้องไส้ปั่นป่วนจนถึงใกล้สว่าง
ฉันอาหารและน้ำไม่ได้ ท่านจี้กงรู้ว่าอาการหนักแล้ว จึงให้ศิษย์ชื่อเซ่นว่านฝ่าร่างคำร้องขอหนังสือรับรองการออกบวช
จากนั้นท่านจี้กงจึงปลงผมผลัดเปลี่ยนจีวรขึ้นนั่งบนอาสนะ แล้วแต่งโศลกว่า
หกสิบปีเปะปะไปตามทาง ออกสู่ตกก้าวย่างหว่างทิศา
วันนี้จึงจัดแจงคืนกลับมา สายน้ำไหลคืนสู่ฟ้าธาราเดิม
แล้วท่านจี้กงก็หลับตาลงดับขันธ์เข้านิพพาน ณ วัดจิ้งฉือซื่อ ตรงกับวันที่
๑๔ เดือน ๕ ปีที่ ๒ แห่งรัชศักราชเจียจิ้ง พ.ศ.๑๗๕๒ หรือ ค.ศ.๑๒๐๙ รวมอายุ ๖๐ พรรษา
เมื่อท่านจี้กงมรณภาพครบร้อยวันจึงทำพิธีฌาปนกิจสังขารของท่าน พอไฟดับลงปรากฏมีพระธาตุประดุจเม็ดฝนจำนวนมาก
พระทั้งหลายจึงแย่งกับเก็บไปบูชา ส่วนหนึ่งได้สร้างเจดีย์บรรจุไว้ที่ภูเสือกระโจน
ภาพโดยsihawatchara ท่านจี้กงองค์ประธานขนาดใหญ่ในวิหารจี้กง อ.พาน จ.เชียงราย |
พระวัดจิ้งฉือซื่อกลับมาวัดหลังจากบรรจุพระธาตุของท่านจี้กงแล้ว
ก็มีพระธุดงค์สองรูปนำจดหมายและรองเท้ามาให้ท่านเจ้าอาวาส
พร้อมแจ้งว่าได้พบท่านจี้กงที่เจดีย์ลิ่วเหอถ่า
ท่านจี้กงได้ฝากรองเท้าและจดหมายมาให้ ในจดหมายเขียนไว้ว่า
มองไม่พบพิศไม่เห็นเพ่งไม่เจอ จึงเผอเรอกระชอนเห็นเป็นทัพพีหนา
เมื่อคืนนั้นยามสามเพ็ญตรงปัจฉิมนภา กิเลนไหวตัดวาสนาสะบั้นตรวนทอง
ดรุณวัยเคยอยู่เย้าเข้าจวนใหญ่ ชราวัยเมาจักษุมองทะลุทั้งผอง
หวนวันก่อนดุจศรพุ่งมุ่งครรลอง มาบัดนี้กระดูกขนซ่อนความหนาวเย็น
เหตุปัจจัยย่อมเป็นไปไม่แปรเปลี่ยน หน้าตาเพียงความเป็นไปใครบ้างเห็น
จึงคืนกลับสู่เทียนไทไปบำเพ็ญ เดินโลดเต้นเป็นไปตามทางมรรคา
ต่อมามีชาวเมืองเฉียนถังเดินทางมาขอพบท่านเจ้าอาวาส
ได้เล่าว่าเพิ่งมาจากเมืองเทียนไท ระหว่างทางพบท่านจี้กงด้วย
ท่านจี้กงได้ฝากบทกลอนมาให้ท่านเจ้าอาวาส มีใจความว่า
แถบธงทิวปลิวพัดผ่านย่านเรือนเคียง ตะวันออกเมืองเจ๋อเจียงเพียงพิศเห็น
เหลียวหน้าดูพบภาพหอห้องซ่อนหลบเร้น
หว่างเวิ้งว้างกระจ่างเห็นเป็นมายา
กับมรรคาอาคันตุกะผู้เยือนยาม
สุราหวานกาพย์กลอนหอมย้อนหรรษา
กาลผ่อนพักเพียงประเดี๋ยวเสี้ยวเวลา ความอัดอั้นในอุรากลับมากมี
เท้าย่างย่ำอย่างร้อนรนไปบนโลก
แม้ชัยโชคนับอนันต์ยังหลบหนี
ไม้เท้าค้ำย่ำเมฆาพาจรลี
สู่ภูสูงขุนคีรีที่ห่างไกล
หากใคร่รู้ถิ่นสถานทางเดินข้า
ย่ำมรรคาบาทาด้นสู่หนไหน
ที่หนานเยี่ยขอจงเร่งรุดไป ณ
เทียนไทบ้านเก่าก่อนหลบซ่อนตัว
ภาพโดยsihawatchara หน้าวิหารจี้กง อ.พาน จ.เชียงราย |
ท่านจี้กงได้รับการเคารพยกย่องศรัทธาจากประชาชนมาก จนกระทั่งขนานนามท่านจี้กงว่า "พุทธะที่ยังมีชีวิต" วันเวลาผ่านไปหลายร้อยปีกระทั่งเกือบจะพันปีแล้ว พุทธศาสนิกชนก็ยังให้ความเคารพศรัทธาต่อท่านจี้กงเป็นอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณ :
ภาพจากหลายเว็บ ทราบว่าโดยมากเป็นภาพแสดงที่เต็กก่าจีจินเกาะ คลองสาน
ภาพจากหลายเว็บ ทราบว่าโดยมากเป็นภาพแสดงที่เต็กก่าจีจินเกาะ คลองสาน
เรื่องเรียบเรียงจับความจากหนังสือจากโรงเจหลายแห่ง
และหนังสือตามรอยพระอรหันต์จี้กง ที่มีคุณ ธำรง ปัทมภาส และคุณ อนุสรณ์ สงค์นอก แปลและเรียบเรียงจากหนังสือ เทียนไทซานจี้กงหัวฝอ
ใช้สำหรับเงินกู้ของคุณวันนี้ออนไลน์โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของทุกชนิดและรับ
ตอบลบเงินกู้ของคุณในอัตรา 3%
ติดต่อเราวันนี้ที่
raphealjefferyfinance@gmail.com
กรอกแบบฟอร์มการสมัครขอสินเชื่อ
ชื่อ:
ประเทศ:
สถานะ:
เบอร์โทรศัพท์:
อายุ:
อาชีพ:
จำนวนเงินกู้ที่จำเป็น:
ระยะเวลา:
เว็บไซต์: raphealjefferyfinance@gmail.com
ผบ. นายเจฟฟรีย์
Hello Everybody,
ตอบลบMy name is Mrs Sharon Sim. I live in Singapore and i am a happy woman today? and i told my self that any lender that rescue my family from our poor situation, i will refer any person that is looking for loan to him, he gave me happiness to me and my family, i was in need of a loan of S$250,000.00 to start my life all over as i am a single mother with 3 kids I met this honest and GOD fearing man loan lender that help me with a loan of S$250,000.00 SG. Dollar, he is a GOD fearing man, if you are in need of loan and you will pay back the loan please contact him tell him that is Mrs Sharon, that refer you to him. contact Dr Purva Pius,via email:(urgentloan22@gmail.com) Thank you.
BORROWERS APPLICATION DETAILS
1. Name Of Applicant in Full:……..
2. Telephone Numbers:……….
3. Address and Location:…….
4. Amount in request………..
5. Repayment Period:………..
6. Purpose Of Loan………….
7. country…………………
8. phone…………………..
9. occupation………………
10.age/sex…………………
11.Monthly Income…………..
12.Email……………..
Regards.
Managements
Email Kindly Contact: urgentloan22@gmail.com
บุญทับถมถล่มทลาย มีเหตุย่อมได้รู้ผล
ตอบลบ