อ.ปาย แห่ง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง
ถึงขนาดที่เรียกกันว่า ปายในฝัน หรือบางทีเรียกตามภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่งว่า ปายอินเลิฟ
ซึ่งผู้ที่เคยมาเที่ยวที่ อ.ปาย นี้ต่างบอกว่า เป็นปายอินเลิฟในฝันจริงๆ ถึงกับมีคำกล่าวว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปปายให้ได้
อ.ปาย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจ.แม่ฮ่องสอน
มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับเมืองปั่น จังหวัดตองยี
รัฐฉาน (ประเทศเมียนม่า)
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ.เวียงแหง อ.เชียงดาว
และอ.แม่แตง (จ.เชียงใหม่)
ทิศใต้ ติดต่อกับอ.สะเมิงและอ.กัลยาณิวัฒนา
(จ.เชียงใหม่)
ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบแอ่งกระทะ ล้อมรอบด้วยภูเขา มีแม่น้ำหลายสาย คือ
แม่น้ำปาย แม่น้ำของ และแม่น้ำแม่ปิงน้อย (คนท้องถิ่นเรียกเป็น น้ำปาย น้ำของ)อีกทั้งมีลำห้วยอีกหลายสาย
คือ ห้วยแม่เมือง ห้วยแม่เย็น และห้วยแม่ฮี้ สภาพอากาศที่อ.ปายเย็นสบายเกือบทั้งปี
ช่วงหน้าหนาวอากาศยิ่งเย็นหนาวขึ้นไปอีก ที่อ.ปาย(มักเรียกเมืองปาย)มีหมอกมากขนาดว่ามีหมอกได้ทุกวัน
ถ้าดูในที่สูงจะมองดูเป็นทะเลหมอกกันเลยทีเดียว หน้าร้อนที่อ.ปายจะเป็นแบบไม่ร้อนมาก
ขนาดกลางวันยังเดินตากแดดไหว
(เรียบเรียงจากวิกิพิเดีย)
อ.ปายเป็นเมืองเก่าแก่
ประชากรที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนแห่งนี้มาแต่เดิมคือชาวพ่ายหรือไปร
ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใช้ภาษาตระกูลออสโตร-เอเชียติก สาขาว้า-เรียง
ดังมีร่องรอยหลักฐานซากวิหารและเจดีย์กระจายอยู่ทั่วไปทั้งบนภูเขาสูง
ที่ดอนเชิงเขา บริเวณพื้นราบลุ่มน้ำปาย บางแห่งก่อสร้างด้วยหิน เช่น
ในผืนป่าบริเวณใกล้น้ำตกเอิกเกอเต่อ ซึ่งเป็นต้นน้ำแม่ปิงน้อย
บางแห่งมีการขุดคูเป็นร่องลึกบนภูเขาสูงชัน มีเจดีย์บนยอดเขา
มีหลักฐานว่าเจ้าเมืองคนแรกคือ ขุนส่างปาย ในสมัยพระเจ้ามโหตรประเทศ
พระราชาธิบดีเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ส่งเจ้าแก้วเมืองออกสำรวจชายแดน
ได้พบว่าภูมิประเทศน่าสนใจ
จึงแนะนำให้ขุนส่างปายย้ายเมืองมาตั้งฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปายเพราะเป็นที่ราบกว้างขวาง
ผู้คนจึงเรียกเมืองใหม่ว่า "เวียงใต้" ส่วนเมืองเก่าเรียกว่า
"เวียงเหนือ"
อ.ปายมีร่องรอยการอาศัยอยู่ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์
มีชุมชนโบราณที่พบชื่อกล่าวไว้ในตำนานหลายเมือง และมีประวัติสืบต่อกันมานับร้อยปี
ประกอบกับมีหลักฐานทางโบราณคดีปรากฏอยู่ในชุมชนโบราณดังกล่าวด้วย แต่สำหรับคนโดยทั่วไปที่ไม่ใช่นักโบราณคดีจะรู้จัก
อ.ปายในแง่สถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า
หลายปีก่อน อ.ปายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตทั้งของชาวไทยและต่างประเทศ
เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับอินเตอร์กันเลยทีเดียว
ถึงแม้ในขณะนี้จะลดลงไปบ้างแต่ก็ยังมีคนนิยมอยู่มาก เรียกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปเที่ยวที่
อ.ปาย ให้ได้สักครั้ง
การเดินทางไปยังอ.ปายนี้ขึ้นชื่อในเรื่องทางโค้ง
ถ้าไปจากจ.เชียงใหม่พอเริ่มขึ้นภูเขาไปถึง อ.ปาย จะนับได้ 762 โค้ง ถ้ามาจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนจะนับได้ 1,864
โค้ง เรียกได้ว่าไป อ.ปายเป็นต้องได้เมารถถึงกับอาเจียนกันแน่
ในรถตู้เส้นทางเชียงใหม่-ปายต้องถุงพลาสติกคอยบริการผู้โดยสารกันเลย
ยังดีหน่อยที่ระหว่างนั่งรถแบบผะอืดผะอมนั้น จะมีที่พักจอดรถกลางทาง
มีห้องน้ำมีร้านอาหารร้านค้า ให้พอได้ปรับสภาพร่างกายยืดเส้นยืดสายบ้าง
การเดินทางไปปาย
ภาพจากworkshop5batourism3b |
รายละเอียดของการเดินทางอย่างคร่าวๆ
เส้นทางไป อ.ปาย ถ้าขับรถไปเองจากกรุงเทพมหานครมีที่นิยมกันอยู่ 3 เส้นทาง คือ
- เส้นทางที่ 1. ใช้ทางหลวงสายเอเชีย
ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชรจนถึงลำปาง จากนั้นเข้าทางหลวง หมายเลข11 ผ่าน
จ.ลำพูนจนถึง จ.เชียงใหม่ แล้วตั้งต้นจากเชียงใหม่ไป อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
โดยมุ่งหน้าไปเข้า อ.ปาย ทางอำเภอแม่แตง-อำเภอปาย โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 107 ผ่านอ.แม่ริม
แล้วไปถึงทางแยกเข้าสู่เขต อ.แม่แตง แต่ไม่ต้องเข้าไปใน อ.แม่แตง
จะมีทางแยกเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1095 หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่าเส้นทางสายแม่มาลัย-ปาย
ตัดจาก อ.แม่แตง จังหวัด เชียงใหม่ เข้าสู่ อ.ปาย จนถึง จ.แม่ฮ่องสอน
เส้นทางนี้ยังเป็นเส้นทางผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆด้วยเช่น ห้วยน้ำดัง
ถ้ำต่างๆ และมีทางแยกไปเขต อ.กัลยาณิวัฒนา ถนนเป็นถนนลาดยางอย่างดีตลอดสาย
จากอ.แม่แตงจะเป็นทางตัดมุ่งเข้าสู่เทือกเขา ระหว่างทางยังเป็นธรรมชาติมากอยู่ เมื่อขึ้นเขาไปแล้วยิ่งสวยงาม มีจุดชมวิวจุดพักรถ นับทางโค้งได้ 762 โค้ง
เส้นทางไปสู่ อ.ปาย เส้นทางนี้เป็นเส้นทางสั้นที่สุด
- เส้นทางที่
2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ขึ้นเหนือไปจนถึง อ.เถิน จ.ลำปาง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข
106 ผ่าน อ.ลี้ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1103 เพื่อเข้า อ.ดอยเต่า
ไปตามเส้นทางนี้จะผ่านเข้าสู่ อ.ฮอด แล้วจึงใช้ทางหลวง หมายเลข 108 สู่ จ.แม่ฮ่องสอน
ตรงนี้ต้องศึกษาเส้นทางให้ดีก่อน หรือวางโปรแกรมแวะเที่ยวตามรายทางไว้หลายวันหน่อย
เพราะทางไปจ.แม่ฮ่องสอนจะมีแยกไปทาง อ.ขุนยวม อ.จอมทอง อ.แม่แจ่ม
ต้องตัดสินใจเลือกเอาตามสถานที่ท่องเที่ยวที่จะแวะ ถ้าจะไปทาง อ.ขุนยวมจะผ่าน อ.แม่สะเรียง
อ.แม่ลาน้อย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังบริสุทธิ์อยู่มาก
เมื่อถึง
จ.แม่ฮ่องสอนแล้ว ทางไป อ.ปาย มีเส้นเดียวคือทางหลวงหมายเลข 1095 ผ่านอ.ปางมะผ้า
แล้วจะถึง อ.ปาย เส้นทางสายที่ 1 นี้ออกจะอ้อม
แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวให้แวะหลายแห่ง เส้นทางสายนี้ระยะทางไกลสักหน่อย เป็นทางตัดขึ้นเขาสูง
แต่มีความสวยงามและคดเคี้ยวนับทางโค้งได้มากถึง 1,864 โค้ง จึงจะถึง อ.ปาย
-
เส้นทางที่ 3. เส้นทางนี้หมายถึงว่าเราไปพักที่ จ.เชียงใหม่
แล้วอยากจะขับรถอ้อมไปเที่ยว อ.ขุนยวม และเข้า จ.แม่ฮ่องสอน ก่อนไปเที่ยวที่ปาย เส้นทางนี้จะคล้ายๆเส้นทางที่
2 แต่เส้นทางนี้พอเข้าทางหลวงหมายเลข 1088 แล้วจะไม่มีปั๊มน้ำมันใหญ่ๆและสิ่งอำนวยความสะดวก
จึงต้องเตรียมรถให้พร้อม เมื่อออกจาก จ.เชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 ผ่าน อ.หางดง
อ.สันป่าตอง อ.จอมทอง อ.ฮอด จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 20 เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข
1088 ผ่าน อ.แม่แจ่ม ไปเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1263 ที่สามแยกแม่ศึก
บ้านแม่นาจร ผ่านบ้านปางอุ๋ง แยกดอยแม่อูคอ แล้วจะถึงเขต อ.ขุนยวม แล้วมาเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข
108(คนละด้านกับตอนออกมาจาก จ.เชียงใหม่) จากนั้นจะตรงไปเข้าใน อ.เมือง
จ.แม่ฮ่องสอน ถ้ามาทางนี้ควรพักเที่ยวใน จ.แม่ฮ่องสอน สักหน่อย
แล้วค่อยไปเที่ยวปาย
ออกจาก จ.แม่ฮ่องสอนไป อ.ปาย มีเส้นทางเดียวคือไปตามทางหลวงหมายเลข 1095
ผ่าน อ.ปางมะผ้า ก่อนแล้วจึงจะถึง อ.ปาย เส้นทางช่วงนี้คือเส้นทางเดียวกันกับเส้นทางที่ 2 ซึ่งนับโค้งถึงปายได้ 1,864 โค้ง
ทั้งสามเส้นทางนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบขับรถ
เส้นทางสวยงามเพลิดเพลินกับธรรมชาติและทางโค้ง
แต่เล่นเอาสะบักสะบอมไปบ้างเหมือนกัน
ถ้าจะไปเที่ยว อ.ปาย ให้สะดวกที่สุดคือ นั่งรถทัวร์ รถไฟ เครื่องบิน
ไปลงที่ จ.เชียงใหม่ แล้วค่อยต่อรถไป อ.ปาย
ยิ่งค่าเครื่องบินเดี๋ยวนี้ราคาถูกคือประมาณหนึ่งพันบาทบวกเล็กน้อย
บางทีฟลุ๊คได้ราคาโปรโมชั่นไม่ถึงพัน ยิ่งทำให้ตัดสินใจเลือกนั่งเครื่องบิน
แค่ประมาณ 1 ช.ม.ก็ถึง จ.เชียงใหม่
ถึง
จ.เชียงใหม่แล้วจะตรงไปเที่ยวปายเลย ก็ไปขึ้นรถตู้ที่ท่ารถ
คนเชียงใหม่เขาเรียกว่าอาเขต ท่ารถไป อ.ปายจะอยู่ที่ท่ารถเดิมซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอาเขต
เป็นรถของ บ.เปรมประชา คิวรถอยู่ด้านในสุด
ขอแนะนำว่าถ้ากลัวเมารถให้เตรียมยาแก้เมารถ และพยายามเลือกที่นั่งด้านหน้า
ในรถตู้มีบริการถุงสำหรับคนอ้วกแตกด้วย ค่าโดยสารประมาณ 150 บาท
ถ้าเหมารถตู้ที่นี่ก็ประมาณ 1,500 บาทบวกลบเล็กน้อยตามอัธยาศรัย
ถ้าชอบบรรยากาศบ้านๆก็ขึ้นรถโดยสารธรรมดาๆที่อยู่ข้างๆคิวรถตู้
เป็นรถโดยสารสีส้มแบบโอเพ่นแอร์ คือนั่งไปแล้วจะได้สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ตามทางบนเขา
เห็นสภาพรถแล้วไม่ต้องกลัว เพราะเขาใช้กันอย่างนี้มานานนมกาเลแล้ว
บางที่มีชาวเขาโดยสารเป็นเพื่อนด้วย รถวิ่งช้าหน่อยแต่ก็ถึง อ.ปาย แถมยังวิ่งเลยไปถึง
จ.แม่ฮ่องสอน เสียด้วย
รถโดยสารประจำทาง มีทั้งรถตู้และรถโดยสารออกจากเชียงใหม่-ปาย,เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน และจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน- ปาย - เชียงใหม่
ตลอดทั้งวัน ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ช.ม.ครึ่ง
ภาพจากbloggang |
ภาพจากimageohozaa |
ภาพจากbloggang |
เบอร์โทรศัพท์สำหรับตรวจสอบเรื่องรถโดยสารไป
อ.ปาย
การเดินทางจากเชียงใหม่
- รถโดยเมล์ธรรมดาขึ้นรถที่ขนส่งอาเขตเชียงใหม่
- รถตู้ไปอำเภอปาย ขึ้นที่ขนส่งอาเขต
รถจะจอดอยู่หน้าบริษัทเอื้องหลวงทัวร์ตรงข้ามสวนอาหารซุ้มเฟื่องฟ้าของโรงแรมอาเขตอินน์
โทรถามได้ที่ 086 1961281 , 089 851 5650
- รถตู้เหมาตั้งแต่ 08.00-15.00 ไปส่ง อ.ปาย ราคาประมาณ 1,500 บาท
ติดต่อแถวขนส่งอาเขต สถานีขนส่งอาเขต โทร. 0-5324-2664
บริษัทเปรมประชาขนส่งจำกัด เชียงใหม่ 0-5324-4737,
0-5330-4748
รถตู้ของ Aya Service
รถเจ้านี้จะมารับถึงที่ๆเราแจ้งนัดหมาย บางทีรถต้องเวียนไปรับผู้โดยสารหลายที่
จึงอาจเสียเวลาไปบ้างแต่ก็ให้ความสะดวกดี ติดต่อโทร 0-5324-7889 , 0-5324-7663
เครื่องบินจาก จ.เชียงใหม่ไป อ.ปาย
มีเครื่องบินเล็กแบบใบพัดที่นั่งเพลินๆเสียวๆแบบ
12 ที่นั่ง ประมาณคนละสองพันบาท(ลบเล็กน้อย) บินไม่เกินครึ่งช.ม.
การเดินทางจาก จ.แม่ฮ่องสอน
สถานีขนส่งแม่ฮ่องสอนสอบถามรายละเอียดได้ที่
โทร. 0
5368 1347
เริ่มเดินทางจากกรุงเทพมหานคร
รถยนต์ส่วนตัว
ควรซื้อแผ่นที่ของกรมทางหลวงหรือของที่อื่นที่เขาทำขาย
คนไทยเราไม่รู้เป็นอะไรไม่ไหนไม่ค่อยใช้แผนที่ อย่ามัวแต่พึ่งพา GPS บ่อยครั้งที่ GPS ไม่ทันอัฟเดทจะพายุ่งติดขัดเอา
ให้ไปตามเส้นทางที่ให้รายละเอียดไว้แล้ว ตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าจะเข้า
จ.เชียงใหม่หรือไม่ เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือเส้นทางที่ 1 จาก จ.เชียงใหม่มุ่งไป
อ.ปาย โดยเข้าปายทาง อ.แม่แตง เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดียวกันกับที่รถตู้สายเชียงใหม่-ปาย
ใช้วิ่ง
เครื่องบิน (ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง)
จองตั๋วเครื่องบินให้ได้ก่อน เมื่อถึงวันไปเที่ยวให้ไปถึงสนามบินดอนเมืองก่อนเวลาขึ้นเครื่องสัก
3 ช.ม. อย่างน้อยก็ต้องมี 2 ช.ม.(จำเป็นจริงๆ)
เมื่อไปถึงแล้วรีบไปโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องก่อน แล้วรอเวลาเช็คอินอีกที ถ้ายังไม่เคยขึ้นเครื่องบินก็อย่ากลัวให้เดินเข้าไปถามที่เคาท์เตอร์ของสายการบินที่เราจองตั๋วได้เลย
เขาต้องบริการเราอยู่แล้ว ของที่โหลดปกติจะให้ไม่เกินคนละ 15 ก.ก.
ถ้าเกินไปมากก็เสียเงิน อนุญาตให้นำกระเป๋าที่จำเป็นต้องติดตัวได้อีกด้วย
แต่ต้องไม่ใหญ่เวอร์ พวกขาตั้งกล้องต้องโหลดขึ้นเครื่อง
ถ้าจองตั๋วเครื่องบินแบบไปกลับ
เขาจะให้ตั๋วเที่ยวไปอย่างเดียว เอกสารตอนจองเขาจะเก็บกลับไปหมด ขากลับให้ไปแจ้งที่เคาท์เตอร์สายการบินพร้อมบัตรประชาชนยืนยัน
ก็จะได้รับตั๋วเครื่องบิน
เช็คอินแล้วก็นั่งรอเวลาไปขึ้นเครื่อง
ดูที่ตั๋วที่เราได้มาจะบอกรายละเอียดที่ต้องรู้ คือ เวลาบิน เวลาบินถึงจุดหมาย
ประตูหรือ Gate ขึ้นเครื่องบินที่เท่าไร
หมายเลขที่นั่งบนเครื่อง และบอกเลขสายพานลำเลียงของที่เราต้องไปยืนรอรับกระเป๋า
ตอนขึ้นเครื่องนั้นห้ามนำของมีคมทุกชนิดทุกขนาดขึ้นเครื่อง
ห้ามนำของเหลวหรือครีมขึ้นเครื่อง ถ้าจำเป็นให้เอาจำนวนเล็กน้อยใส่ในถุงพลาสติกใส
เครื่องบินจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ช.ม.ก็ถึงท่าอาศยานเชียงใหม่
เมื่อถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่แล้ว
ลงเครื่องเดินไปตามทางแล้วไปรอรับกระเป๋าที่ช่องสายพานลำเลียง
ดูตามหมายเลขในตั๋วเครื่องบิน หรือง่ายๆก็ดูบริเวณสายพานลำเลียง
จะมีป้ายของสายการบินบอกไว้ เมื่อได้กระเป๋าแล้วก็เป็นขั้นตอนของการเดินทางด้วยรถตู้
ต้องไปให้ถึงคิวรถตู้ก่อน
บางทีมีบริการเบ็ดเสร็จตอนซื้อตั๋วเครื่องบิน
คือมีเหมาจ่ายค่ารถไป อ.ปายด้วย แบบนี้ลงเครื่องบินแล้วมีรถมารอรับเลย
ถ้าไม่ซื้อบริการนี้ก็ไปรอรถสองแถวแดงที่ประตูสนามบิน หรือติดต่อรถตู้ของ Aya
Service เขาจะเอารถมารับ บางทีรถที่มารับเขาจะรับไปส่งที่รถตู้คันที่ใช้เดินทางจริงอีกที
ออกจากเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่ อ.ปาย ของ
จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อเลี้ยวเข้าถนนสายที่จะไป
อ.ปาย ที่แยกจาก อ.แม่แตงนี้ เมื่อไปตามถนนได้สักพักจะรู้สึกถึงธรรมชาติได้ทันที
เห็นทิวเขาอยู่เบื้องหน้า ถนนตัดผ่านไปท่ามกลางความเวิ้งว้างสงบเงียบ ดูเหมือนจะคลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นถนนที่เขามาถ่ายหนังจีนเรื่อง
Lost
in Thailand ตอนที่จอดรถทะเลาะกันกลางถนนที่เวิ้งว้าง
วิ่งไปได้สักพักเส้นทางจะเริ่มคดเคี้ยวเข้าให้แล้ว
ถ้าขับรถไปเองก็มีที่แวะดื่มกาแฟก่อนขึ้นเขาหลายแห่ง
มีที่หนึ่งเขาทำเป็นฟาร์มเลี้ยงแกะเลี้ยงแพะด้วย ชื่อว่าแป้นเกล็ดคอฟฟี่คอนเนอร์
สถานที่ตกแต่งน่ารัก อาหารอร่อย ขนมปังที่นี่เขาทำเอง น้ำผลไม้ก็เป็นผลไม้จากในไร่
ดื่มกาแฟแล้วค่อยไปเลี้ยงแพะเลี้ยงแกะ
เขาเตรียมอาหารสัตว์ไว้บริการขายให้เราเอาไปเลี้ยงแพะแกะด้วย
เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นเขา
ภาพโดยสีหวัชร รายการอาหารที่ร้านแป้นเกล็ด |
ด้านนอกชานของร้าน |
ดอกดาหลา |
ต้นบุก อยู่ที่หน้าร้าน |
ภาพsihawatchara เลี้ยงแกะที่ร้านแป้นเกล็ด |
ตอนขึ้นเขานี้ถ้าไม่ต้องการดูวิวก็หลับเอาแรงไว้จะดีมาก
เพราะถ้ามองโน่นมองนี่ระหว่างรถวิ่งทางโค้งไปโค้งมาแบบนับครั้งไม่ถ้วนนั้น
ประเดี๋ยวเดียวเป็นได้ตาลายและตามมาด้วยการพะอืดพะอม
และจบลงด้วยการอ้วก ซึ่งไม่สนุกเอาเสียเลย
หรือจะหลับตาเป็นพักๆจะลืมตาก็ตอนถึงที่มีวิวสวยๆเช่นทะเลหมอก
ในระหว่างทางขึ้นเขานี้มีจุดพักรถกลางทาง ที่จริงพักคนมากกว่า
จุดพักรถมีอาหารเครื่องดื่มขาย มีห้องน้ำบริการ
มียาดมยาอมยาหม่องยาแก้เมารถขายด้วย รถตู้รถประจำทางจะต้องแวะที่นี่ทุกคัน
มักจะมีฝรั่งนั่งอิดโรยจากการเมารถให้เห็นเป็นประจำ
เมื่อออกจากจุดพักรถแล้วรถจะวิ่งยาวถึง อ.ปาย โดยไม่พักที่ไหนอีก
รวมเวลาที่รถตู้วิ่งประมาณสามชั่วโมงครึ่ง รถเมล์ส้มนานกว่าราวชั่วโมงครึ่ง
เส้นทางขึ้นเขาไป อ.ปาย โค้งแบบนี้ตลอดทาง ถึงได้เมารถกันเป็นแถว |
สะพานประวัติศาสตร์
เมื่อเข้าเขต อ.ปาย จุดท่องเที่ยวแห่งแรกที่เห็นคือสะพานประวัติศาสตร์ เป็นสะพานโครงเหล็กสมัยสงครามโลก ความจริงสะพานนี้เป็นของที่ย้ายเอามาจากจ.เชียงใหม่ ตอนนี้เลยเป็นจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป ถ้าเรามาด้วยรถตู้เขาไม่แวะให้ ต้องย้อนออกมาเที่ยวเอง ที่สะพานนี้มองเห็นแม่น้ำปายที่แปลกตาสำหรับคนกรุงเทพฯ เพราะน้ำค่อนข้างตื้นและใส ถ้าขับรถมาเองก็ควรแวะที่นี่ก่อนเพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้อนออกมาอีก
เมื่อเข้าเขต อ.ปาย จุดท่องเที่ยวแห่งแรกที่เห็นคือสะพานประวัติศาสตร์ เป็นสะพานโครงเหล็กสมัยสงครามโลก ความจริงสะพานนี้เป็นของที่ย้ายเอามาจากจ.เชียงใหม่ ตอนนี้เลยเป็นจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป ถ้าเรามาด้วยรถตู้เขาไม่แวะให้ ต้องย้อนออกมาเที่ยวเอง ที่สะพานนี้มองเห็นแม่น้ำปายที่แปลกตาสำหรับคนกรุงเทพฯ เพราะน้ำค่อนข้างตื้นและใส
สะพานประวัติศาสตร์ |
สะพานประวัติศาสตร์ คนที่นี่เรียกตรงนี้ว่า ท่าปาย |
จากสะพานประวัติศาสตร์เข้าไปยังอ.ปาย จะผ่านจุดท่องเที่ยวที่เห็นได้จากข้างทางเลย ที่เห็นง่ายๆก็คือ คอฟฟี่อินเลิฟ และ เลิฟ สตรอเบอร์รี่ ปายโดยเฉพาะที่คอฟฟี่อินเลิฟนั้นไม่แวะไม่ได้เลย นับเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของปาย วิวตรงนี้สวยมากจริงๆ เรียกได้ว่าต้องเข้าคิวกันถ่ายรูปกันเลยทีเดียว แต่ถ้าเจอนักท่องเที่ยวชาวเอเชียชาติหนึ่งที่มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ ก็ต้องแย่งกันถ่ายรูปเสียแล้ว เรื่องนี้จะไปว่าเขาก็ไม่ได้เพราะวัฒนธรรมการท่องเที่ยวต่างกัน เราเป็นเจ้าของประเทศ เขาเป็นแขกมาเที่ยวบ้านเรา ก็ยอมๆให้เขาหน่อย
ทั้งสองที่นี้เราค่อยออกมาเที่ยวทีหลังก็ได้เพราะออกจากปายมาไม่ไกล แต่ถ้าขับรถมาปายเองควรแวะก่อนจะดีกว่า ถ้าเวลาเหลือยังค่อยย้อนมาถ่ายรูปตอนแสงแดดสวยๆ
หน้าร้าน coffee in love |
ใครๆก็ต้องแวะมาถ่ายรูปสวยๆที่นี่ |
ป้ายยี่ห้อร้านอีกป้ายหนึ่ง |
วิวตรงนี้โล่งโปร่งแบบพาโนรามา |
ขอถ่ายรูปนักท่องเที่ยวไทยกรุ๊ปนี้ที่คอฟฟี่อินเลิฟ |
มุมหนึ่งของคอฟฟี่อินเลิฟ ที่เห็นเป็นฝ้าๆคือหมอก |
ด้านหน้าเลิฟสตรอเบอร์รี่ปาย |
เลิฟสตรอเบอร์รี่ปาย |
หลักกิโลเมตรที่ศูนย์เมืองปาย(ต้นตำรับ)
เมื่อถึงปายแล้ว ถ้ามาด้วยรถตู้ก็ถามทางไปที่พักที่เราจองไว้ได้ ใกล้ๆคิวรถมีจุดที่คนชอบไปถ่ายรูปกันคือหลักกิโลเมตรที่ศูนย์ของเมืองปาย อยู่ที่หน้าวัดหลวง เดินจากคิวรถตู้ไปเดี๋ยวเดียว ก่อนถึงมีร้านเซเว่นฯด้วย แวะซื้อของได้ตามสบายแล้วค่อยเข้าที่พัก จำบริเวณคิวรถตู้ให้ดีเพราะแถบนี้จะเป็นย่านท่องเที่ยวที่ต้องเดินมาบ่อย ทั้งรับประทานอาหารและช้อปปิ้ง รวมทั้งถนนคนเดินปายก็อยู่แถวๆนี้ เราสามารถเช่ารถมอเตอร์ไซด์และจักรยานได้จากแถวๆนี้และทั่วๆไป หรือจะให้ทางเจ้าของที่พักที่เราเช่าอยู่ช่วยเป็นธุระ ที่พักหลายๆแห่งมีจักรยานให้ยืมได้ ที่ปายขับมอเตอร์ไซด์และจักรยานได้เพลินๆ ถ้าไปเป็นกรุ๊ปก็มีรถยนต์รถตู้ให้เช่า
เข้าที่พักล้างหน้าล้างตาแล้วเตรียมตัวออกมาเที่ยวกันเลย เพราะเดี๋ยวเวลาจะไม่พอ แผนที่ท่องเที่ยวปายมีแจกหลายแห่ง เดินๆไปเดี๋ยวก็เจอ ปกติทางที่พักเขามีเตรียมเผื่อไว้แล้ว
ภาพจากladyinter.com หลักกิโลเมตรที่ศูนย์ หน้าวัดหลวง |
ที่ อ.ปายมีวัดเก่าแก่หลายวัด จะเป็นวัดที่สร้างตามแบบไทยภาคเหนือ หลายวัดเป็นวัดไทยใหญ่ ยังมีวัฒนธรรมทางศาสนาที่ดีงามแบบสมัยเก่าอยู่มาก นอกจากนี้ยังมีทั้งศาสนาอิสลามและคริสต์ให้เห็นด้วย ถ้าไปเดินตลาดปายตอนเช้าๆ จะได้เห็นคนต่างศาสนาค้าขายกันด้วยอัธยาศัยไมตรีจิต มีทั้งพุทธคริสต์อิสลามและชาวเขา
วัดพระธาตุแม่เย็น
ตอนเดินทางก่อนจะเข้าในตัว อ.ปายนั้น ถ้ามองทางด้านขวามือจะไปสะดุดตากับพระพุทธรูปสีขาวบนเนินเขา นั่นคือวัดพระธาตุแม่เย็นซึ่งเป็นจุดชมวิวมุมสูงของปายมาแต่เดิม พระพุทธรูปองค์นี้เพิ่งสร้างไม่นานมานี้เอง ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งของวัดพระธาตุแม่เย็น
วัดพระธาตุแม่เย็น |
พระพุทธรูปองค์ที่มองเห็นได้แต่ไกล |
ภาพจาก travel truelife ด้านหน้าพระพุทธรูปเป็นจุดชมวิวด้วย |
ทางเดินขึ้นอีกทางหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยใช้กัน(เมื่อย) |
ที่หน้าวัดมีตุงข้าวเปลือกให้ทำบุญเสดาะเคราะห์ ตุงข้าวเปลือกนี้คนกรุงเทพฯนึกไม่ออกแน่นอน เพราะต้องเข้าใจว่าตุงก็คือธงแบบธรรมดาทั่วไป แต่ตุงข้าวเปลือกนี้เหมือนสายสร้อยพระคล้องคอเปี๊ยบ ลักษณะของตุงข้าวเปลือกคือเอาข้าวเปลือกมาร้อยรอบเหรียญสตางค์และมีเชือกเหมือนเป็นสร้อย จะต้องทำบุญเลือกตุงข้าวเปลือกสีตามวันเกิด แล้วเอาไปใส่ในบาตรหน้าพระประจำวัน วัดอื่นในปายก็มีตุงข้าวเปลือกเช่นกัน
ภาพsihawatchara นักท่องเที่ยวไทยกับตุงข้าวเปลือก |
ภาพจากmedinfo.psu ตุงข้าวเปลือก |
พระประธานในโบสถ์ |
วิวบนนี้มองไปได้ไกล |
ภาพsihawatchara เจดีย์นี้คือพระธาตุแม่เย็น |
ภาพsihawatcharaพญานาคตรงนี้คลาสสิกดี |
ปู่ฤๅษีท่านอยู่หลังโบสถ์ |
ท่านเป็นเพื่อนปู่ฤๅษี |
สถานที่ท่องเที่ยวในปายที่เกี่ยวกับธรรมชาติมีมากจริงๆ มีทั้งภูเขา ป่า
แม่น้ำ ลำธาร บ่อน้ำร้อน สายน้ำแร่ เรียกได้ว่าจะขึ้นเขา บุกป่า เข้าถ้ำ ล่องแก่ง
แช่น้ำร้อนน้ำเย็นน้ำแร่ ที่อ.ปายมีครบหมด ที่แน่ๆคือสายหมอกทะเลหมอกและความหนาวเย็น
เรื่องอากาศด้วยแล้วต้องบอกว่าบริสุทธิ์เหลือเกิน
ไปถึงอ.ปายแล้วจะรู้สึกสดชื่นทันที เรียกได้ว่าพอก้าวลงจากรถแล้วจะรู้ได้เลย
ภาพประกอบถ้าเห็นเป็นฝ้าๆขาวๆ นั่นคือหมอกไม่ใช่ควันไฟไม่ใช่กล้องถ่ายรูปเบลอ เป็นหมอกของจริง
น้ำตกแม่เย็น
ในเส้นทางวัดพระธาตุแม่เย็นนี้ยังไปเที่ยวน้ำตกแม่เย็นได้ น้ำตกแม่เย็น เป็นน้ำตกขนาดกลาง
อยู่ในป่าเชิงดอยห้วยน้ำดัง ถ้าจะไปเที่ยวต้องคำนวณเวลาให้ดี เพราะต้องเดินเท้าเข้าไปเท่านั้น เที่ยวแบบนี้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าจะอินเป็นพิเศษ แต่ถ้าไปเที่ยวธรรมดาๆแล้วก็ขลุกขลักกันบ้าง ถ้าจะไปถึงน้ำตกแม่เย็นต้องตั้งใจไปแต่เช้า เพราะใช้เวลาเดินถึง 3-4 ช.ม.หรือกว่าถ้าเดินช้า จึงจะเดินถึงน้ำตก
ทางเดินตอนแรกจะโล่งๆแล้วเริ่มตัดเข้าสู่ป่าที่ร่มรื่น มีบางช่วงคงเหนื่อยกันบ้างเพราะต้องขึ้นเนินที่ชันสักหน่อย นักท่องเที่ยวที่เอาแค่ฉันลงรถมาแล้วถ่ายรูปแล้ว แบบนี้ขอแนะนำว่าไม่ต้องไปที่นี่ก็ได้ เพราะเวลาที่ใช้ไปกลับน้ำตกแม่เย็น จะใช้เวลาประมาณ 7-8 ช.ม. นับว่ากินเวลาเที่ยวไปเยอะเลย
ภาพthailands360.com น้ำตกแม่เย็น |
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวปายจะเป็นชาวต่างชาติ
ฝรั่งจะมีมากที่สุด นอกนั้นจะเป็นญี่ปุ่นไต้หวัน จีนและชาวเอเชียอื่นๆ
เนื่องจากชาวต่างชาติไปเที่ยวกันมาก
ดังนั้นที่อ.ปายจึงมีระบบสื่อสารที่ทันสมัยไว้บริการ
รวมทั้งอาหารที่ทำให้แปลกใจว่ามีอาหารฝรั่งเต็มไปหมด ถามฝรั่งดูก็ตอบแบบทึ่งๆว่า ทำไมอาหารฝรั่งที่ปายนี้มันอร่อยขนาดนี้ แต่อาหารไทยจีนญี่ปุ่นก็มีหารับประทานกันง่ายๆ
ส่วนอาหารตามแบบชาวเหนือก็มีให้เห็นให้ลองชิมกันมากมาย
ขนมพื้นบ้านก็มีทำกันต่อหน้าต่อตา
เช้าๆเที่ยวตลาดจะพบวิถีชีวิตของชาวบ้านแท้ๆ
จะมีของพื้นเมืองมาขายกันสารพัด จะมีทั้งชาวไทยใหญ่ กะเหรี่ยง แม้ว ปะกากะญอ นำของมาวางขายกันเต็มตลาด พวกกับข้าวกับปลาผักพืชมีมากจริงๆ
บางทีมีปลาในแม่น้ำปายมาขายกันแบบสดๆใหม่ๆ ที่ปรุงสำเร็จก็ทำกันเดี๋ยวนั้น แม่ค้าส่วนมากนึ่งปลาริมถนนให้เห็นกัน
แต่ที่แปลกคือไกลทะเลขนาดนั้นยังอุตส่าห์มีของทะเลมาขายกับเขาด้วย
ที่พักสวยๆ ปายคำไฮย์อะเวย์ |
หินธรรมชาติในสระเป็นรูปศิวะลึงค์ |
ที่พักสวยๆที่ปายคำไฮอะเวย์ ใกล้วัดน้ำฮู |
วัดน้ำฮู
วัดน้ำฮูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ ที่วัดนี้มีเจดีย์ที่เชื่อกันว่าบรรจุพระเกศาของพระสุพรรณกัลยาณี พระภคินีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นอกจากนี้ยังมีพลับพลาอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ พระสุพรรณกัลยาณี มีคนมาสักการะมิได้ขาด จะเห็นมีคนเอารูปปั้นไก่ชนมาถวายเต็มไปหมด ว่ากันว่าเป็นของผู้ที่มาบนหรือขอพระราชทานพรแล้วสำเร็จ ที่หน้าอนุสาวรีย์เป็นบ่อปลา มีคนซื้ออาหารไปทำทานเลี้ยงปลากันทั้งวัน
ที่วัดน้ำฮู้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ชื่อ หลวงพ่ออุ่นเรือน ที่พระเศียรสามารถเปิดออกได้ จะมีน้ำซึมขึ้นมาจากพระเศียร นิยมว่าเป็นน้ำมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ทางวัดเอาน้ำที่ผุดขึ้นมาจากภายในพระเศียรหลวงพ่ออุ่นเรือน นำไปผสมทำน้ำมนต์ไว้ในอ่าง ประชาชนนิยมตักน้ำมนต์กลับไปเป็นศิริมงคล ควรเตรียมขวดเปล่าไปเติมน้ำมนต์ด้วย
วันที่ไปวัดน้ำฮูโชคดีที่พบท่านเจ้าอาวาส ชาวบ้านแถวนี้เรียกท่านว่า ตุ๊มอน ท่านได้เมตตาเปิดพระเศียรหลวงพ่ออุ่นเรือนให้ชม เห็นมีน้ำซึมๆด้วย ปกติจะไม่ค่อยได้เปิดพระเศียรให้ชมเป็นการส่วนตัว เพราะทางวัดได้ถ่ายวิดิโอเปิดให้ชมอยู่แล้ว และการเปิดพระเศียรนี้มิใช่อยู่ๆนึกจะเปิดก็เปิด จะต้องมีธรรมเนียมสวดมนต์ขออนุญาตก่อน
วัดน้ำฮูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ ที่วัดนี้มีเจดีย์ที่เชื่อกันว่าบรรจุพระเกศาของพระสุพรรณกัลยาณี พระภคินีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นอกจากนี้ยังมีพลับพลาอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ พระสุพรรณกัลยาณี มีคนมาสักการะมิได้ขาด จะเห็นมีคนเอารูปปั้นไก่ชนมาถวายเต็มไปหมด ว่ากันว่าเป็นของผู้ที่มาบนหรือขอพระราชทานพรแล้วสำเร็จ ที่หน้าอนุสาวรีย์เป็นบ่อปลา มีคนซื้ออาหารไปทำทานเลี้ยงปลากันทั้งวัน
ที่วัดน้ำฮู้มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ชื่อ หลวงพ่ออุ่นเรือน ที่พระเศียรสามารถเปิดออกได้ จะมีน้ำซึมขึ้นมาจากพระเศียร นิยมว่าเป็นน้ำมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ทางวัดเอาน้ำที่ผุดขึ้นมาจากภายในพระเศียรหลวงพ่ออุ่นเรือน นำไปผสมทำน้ำมนต์ไว้ในอ่าง ประชาชนนิยมตักน้ำมนต์กลับไปเป็นศิริมงคล ควรเตรียมขวดเปล่าไปเติมน้ำมนต์ด้วย
วันที่ไปวัดน้ำฮูโชคดีที่พบท่านเจ้าอาวาส ชาวบ้านแถวนี้เรียกท่านว่า ตุ๊มอน ท่านได้เมตตาเปิดพระเศียรหลวงพ่ออุ่นเรือนให้ชม เห็นมีน้ำซึมๆด้วย ปกติจะไม่ค่อยได้เปิดพระเศียรให้ชมเป็นการส่วนตัว เพราะทางวัดได้ถ่ายวิดิโอเปิดให้ชมอยู่แล้ว และการเปิดพระเศียรนี้มิใช่อยู่ๆนึกจะเปิดก็เปิด จะต้องมีธรรมเนียมสวดมนต์ขออนุญาตก่อน
เจดีย์บรรจุพระเกศาพระสุพรรณกัลยาณี |
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระเอกาทศรถ พระสุพรรณกัลยาณี |
ถวายไก่ชน |
องค์นี้คือหลวงพ่ออุ่นเรือน |
ท่านเจ้าอาวาสเมตตาเปิดพระเศียรให้ชมเป็นบุญตา |
มีน้ำซึมอยู่ในพระเศียร |
ครูบามอนหรือตุ๊มอน เจ้าอาวาสวัดน้ำฮู |
ประวัติหลวงพ่ออุ่นเรือน |
บริเวณหน้าวัดน้ำฮูมีร้านขายสินค้าพวกเสื้อผ้า กระเป๋า น้ำผึ้ง ผลิตภันฑ์จากการเกษตร สนนราคาค่อนข้างถูก
วัดทุ่งโป่ง
วัดทุ่งโป่งเป็นวัดที่อยู่ออกไปจากตัวอ.ปายเล็กน้อย เป็นวัดไทยใหญ่ ความจริงตอนขาเข้ามาที่อ.ปายนั้นจะผ่านปากทางเข้าวัดทุ่งโป่งซึ่งอยู่ทางขวามือ ทางเข้าวัดจะผ่านทุ่งนาผ่านสวนลิ้นจี้ ท่านเจ้าอาวาสวัดทุ่งโป่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีคนนับถือมาก ชาวบ้านเรียกท่านว่าครูบาตั๊กหรือครูบาอภิวัฒน์ ท่านได้สร้างพิพิธภัณฑ์รวบรวมงานหัตถกรรมพื้นบ้านและคติความเชื่อของทางพื้นบ้าน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ท่านอนุรักษ์ประเพณีสำคัญๆเอาไว้เช่น จัดงานจุลกฐิณซึ่งเป็นกฐิณที่ต้องมีการทอผ้าย้อมผ้าจีวรตัดเย็บให้เสร็จในวันเดียวกัน จุลกฐินทำได้ยากมากแทบจะไม่มีวัดไหนทำกันได้แล้ว
ส่วนหนึ่งภายในพิพิธภัณฑ์วัดทุ่งโป่ง |
คุณยายหรือแม่อุ้ยคนนี้สอนทอผ้าอยู่ที่ใต้ถุนศาลา |
กองแลน(ปายแคนย่อน)
สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่มีธรรมชาติสวยงามมากก็คือปายแคนย่อน
ซึ่งคนท้องถิ่นเขาเรียกว่ากองแลน กองแลนแปลว่าทางเดินของตัวตะกวด ที่นี่จินตนาการกันว่าคล้ายแกรนด์แคนย่อน
เลยเรียกว่าปายแคนย่อนมันเสียเลย ภูมิประเทศของที่นี่ประมาณว่าคล้ายแพะเมืองผีจ.น่าน
คือเป็นเนินดินที่ถูกเซาะกร่อนลงด้วยกาลเวลา
แพะเมืองผีที่จ.น่านนั้นเดินเที่ยวกันที่พื้นดินด้านล่าง แต่ที่ปายแคนย่อนต้องขึ้นไปเดินเที่ยวที่ด้านบนยอดเนิน
เหมือนเดินอยูบนสันกำแพงสูงๆ เดินไปเสียวไปแต่วิวสวยมาก
ที่ทางเข้าปายแคนย่อนมีห้องน้ำห้องท่าบริการ
จอดรถแล้วสามารถเดินขึ้นไปตามทางเดินที่เขาทำไว้ให้อย่างดี แต่ทางชันบ้างเหมือนกัน ต้องเดินขึ้นเนินไปประมาณ 20 เมตร กว่าจะถึงจุดเดินสำรวจบนปายแคนย่อนก็ทำเอาหอบพอดู
ต้องเดินขึ้นไปช้าๆอย่าหักโหมเดินเร็วๆ
ที่จอดรถด้านหน้า |
เดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ |
เนื่องจากพอไปถึงปายแคนย่อน อยู่ดีๆอาการกลัวความสูงมาได้ไงก็ไม่รู้ขาสั่นเอาดื้อๆ ภาพปายแคนย่อนด้านในลึกๆจึงต้องก๊อปเอาจากอินเตอร์เน็ต แต่ที่จริงแล้วคนที่เคยไปที่ปายแคนย่อนพอเห็นภาพ ก็จะรู้ว่าสวนใหญ่ก็ถ่ายซูมออกไปจากจุดชมวิว ไม่ค่อยมีภาพที่เดินไปถ่ายบนปายแคนย่อนด้านลึกๆกันสักเท่าไร สรุปว่ากลัวความสูงเหมือนๆกันทั้งนั้น
พอถึงจุดชมวิวและเดินสำรวจบนปายแคนย่อน จะรู้สึกว่าอากาศเย็นขึ้นมาทันที
จะมีต้นสนเมืองหนาวขึ้นใช้เป็นแบ็คกราวด์ถ่ายรูปที่สวยมาก
ตอนที่ไปถึงมีสิ่งแปลกปลอมแทรกคือ
เขาทำเป็นกรอบรูปขนาดยักษ์ให้คนมายื่นหน้าถ่ายรูปกัน
แล้วตรงนี้ดันเป็นตรงที่มีวิวสวยงามมากๆเสียด้วย
แถวๆนี้มีที่นั่งพักแบบบ้านๆเป็นขอนไม้ใหญ่ อีกมุมหนึ่งมีศาลาให้นั่งพัก
คนไทยมักมาจอดแค่จุดชมวิวด่านแรกบริเวณนี้ |
ตรงนี้แหละที่เสียดายที่มีกรอบรูปบังวิว |
ภาพ sihawatchara บนกองแลนเห็นทิวเขาซ้อนกันมีหมอกแซมสวยงามมาก |
กรุ๊ปนักท่องไทยผู้ทรงอำนาจชุดเดิม มีหมอกเป็นฉากอยู่ด้านหลัง |
ที่เห็นเป็นเหมือนคันดินนี่แหละคือปายแคนยอน |
มองจากจุดชมวิวออกไปทั้งนั้น |
ภาพจากpantip |
ภาพจากDay Off -E Magazine |
ภาพจากi125Photo bucket..เสียวตัยห่ะ |
บ่อน้ำร้อนท่าปาย
สถานที่ท่องเที่ยวเรียกทางธรรมชาติอีกแห่งเรียกว่าบ่อน้ำร้อนหรือน้ำพุร้อนท่าปาย
เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่มีน้ำไหลมาจากใต้ดิน อยู่ในป่าต้นสักที่แสงแดดแทบส่องไม่ถึงพื้นดิน
จอดรถแล้วจะต้องเดินผ่นป่าต้นสักต่อไปอีกประมาณ 300 ม. แล้วจะเห็นลำธารเล็กๆ
ซึ่งเป็นธารน้ำร้อนที่ไหลมาจากบ่อน้ำร้อนนั่นเอง
ระหว่างทางจะมีแอ่งน้ำร้อนเป็นช่วงๆ
ถ้าเดินสำรวจตามธารน้ำร้อนไปเรื่อยๆจะพบต้นทางของธารน้ำร้อน
ที่แท้ก็เป็นบ่อที่มีน้ำร้อนซึมขึ้นมาจากใต้ดิน
นักท่องเที่ยวสามารถแช่น้ำร้อนแบบโอเพ่นแอร์ได้
คือลงเป็นเล่นน้ำในธารน้ำร้อนกันดื้อๆ
เพราะที่นี่เขาไม่ได้ทำห้องอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนไว้บริการ
คือต้องการให้มีความเป็นธรรมชาติจริงๆ
ที่นี่สามารถกางเต้นท์ได้ ซึ่งก็มีแต่พวกฝรั่งเขาทำกัน
คนไทยเราแค่ได้มาเห็นได้เอาเท้าแช่น้ำร้อนสักหน่อยก็แฮปปี้กันแล้ว
ถ้าอยากจะทำไข่ลวกจากบ่อน้ำร้อน ที่นี่มีร้านค้าสวัสดิการบริการขายไข่ให้ ตอนลวกไข่ส่วนมากจะเอาไม้เกี่ยวถุงที่ใส่ไข่ แล้วยื่นไม้หย่อนถุงใส่ไข่ลงไปในน้ำร้อน สักสิบกว่านาทีไข่ก็สุก มีหลายคนเอาไข่ออกจากถุงแล้วแช่ไข่ในน้ำร้อน แบบนี้มีปัญหาเล็กน้อยคือ ต้องเอามือหยิบไข่จากในน้ำร้อน น้ำร้อนประมาณ 80 องศาซึ่งร้อนไม่เบาเหมือนกัน
บรรยากาศที่บ่อน้ำร้อนท่าปายเงียบสงบดี ออกจะครึ้มๆเพราะอยู่ในดงป่าต้นสัก
ที่ธารน้ำร้อนมีไอขึ้นเป็นฝ้าขาว ถ้าเป็นช่วงเช้าด้วยแล้วเหมือนมีควันโขมงเลย
บังเอิญว่าพอไปถึงบ่อน้ำร้อนแล้วหมดแรง แถมรู้สึกร้อนจากไอน้ำร้อนด้วย เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพวิว มีแต่ภาพคน จึงต้องก๊อปเอาจากในเน็ต..ขอขอบคุณทุกเว็บด้วย
บังเอิญว่าพอไปถึงบ่อน้ำร้อนแล้วหมดแรง แถมรู้สึกร้อนจากไอน้ำร้อนด้วย เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพวิว มีแต่ภาพคน จึงต้องก๊อปเอาจากในเน็ต..ขอขอบคุณทุกเว็บด้วย
ภาพturelife |
หมู่บ้านสันติชล(ศูนย์วัฒนธรรมยูนนาน)
ใกล้ๆวัดน้ำฮูมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้อยู่ 2 แห่ง คือหมู่บ้านสันติชลกับหยุนไหล ความจริงมีน้ำตกหมอแปงอีกแห่งที่อยู่ห่างไปไม่ไกลหมู่บ้านสันติชล อยู่ห่างจากตัวอำเภอปายประมาณ 4.5 กิโลเมตร ทางไปสู่หมู่บ้านสันติชลนี่จำง่ายๆว่าต้องไปถึงวัดน้ำฮูก่อน แล้วจึงจะเลยไปถึงหมู่บ้านสันติชลได้
ที่หมู่บ้านสันติชลจะได้เห็นวัฒนธรรมของชาวจีนยูนนานครบหมด ทั้งที่อยู่อาศัย อาหารการกิน เข้าของเครื่องใช้ แม้แต่บ้านก็เป็นบ้านดินแบบยูนนาน แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าที่นี่เขาสร้างขึ้นมาให้มาเที่ยว เหมือนระลึกอดีตของชาวหมู่บ้านสันติชล ส่วนที่อยู่อาศัยจริงๆในสมัยนี้ก็อยู่รอบๆหมู่บ้านสันติชลที่สร้างขึ้นให้ไปเที่ยว
ภาพจากpainaidii |
สิ่งที่เห็นสะดุดตาก่อนก็คือก้อนหินใหญ่มีตัวหนังสือจีน และมีเสามังกร เมื่อมองไปรอบๆจะเห็นบ้านที่สร้างด้วยดินเป็นช่วงๆ ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ขายขนม ขายใบชา กับมีบ้านดินให้เช่าเป็นที่พัก ได้อารมณ์แบบอยู่เมืองจีนที่ยูนนานกันเลยทีเดียว
ภาพจากpai-in-love.2013 |
ใบชาของที่นี่มีให้เลือกหลายชนิด มีอุปกรณ์ชงชาจำหน่ายด้วย พร้อมทั้งมีน้ำชาร้อนๆให้จิบ เผื่อว่าจะติดใจจะได้ซื้อหากลับไปฝากคนทางบ้าน บางร้านเป็นเหมือนสวัสดิการของกลุ่มเยาวชนของที่นี่ร่วมกันทำ ภายในร้านมีรายละเอียดของใบชาชนิดต่างๆบอกไว้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เท่าดีทดลองจิบน้ำชาดูหลายชนิด รู้สึกว่าถูกอกถูกใจมาก มาคราวนี้ถูกใจใบชายอดน้ำค้างที่สุด ชุ่มคอและหอมชื่นใจ อาหมวยคนขายใบชาบอกว่า เฉพาะใบชายอดน้ำค้างหรือหยาดน้ำค้างนี้ บางปีก็ไม่มี เพราะอากาศไม่ได้ตามที่จะให้ผลผลิต ใบชาชนิดนี้มีบางปีเท่านั้นที่จะเก็บได้
บริเวณหมู่บ้านสันติชลกว้างขวางพอดู เดินดูไปทั่วแล้วเหงื่อซึมๆเหมือนกัน สินค้าแต่ละร้านจะคล้ายๆกันแต่ยังมีแตกต่างกันบ้าง ของบางอย่างบางร้านก็ไม่มีจึงควรดูให้ทั่วๆ มีเสื้อผ้าแบบจีนรองเท้าผ้าแบบจีน เหลือซื้อหากันได้ตามสะดวก คนขายที่นี่อัธยาศัยดีๆทั้งนั้น
สิ่งสะดุดอย่างหนึ่งคือชิงช้ายูนนาน
ถามคนที่นี่เขาบอกว่าเรียกว่า หยาคว่าชิว เป็นชิงช้าเล่นได้ 4 คน
ใช้แรงงานคนคอยหมุน นักท่องเที่ยวชอบเล่นกันไม่น้อย ค่าเล่นคนละ 25 บาท
เท่ากับว่าเล่นครั้งหนึ่งเขาได้เงินแค่ 100 บาทเท่านั้น ตรงชิงช้านี้มีบริการม้าให้ขี่ไปรอบหมู่บ้านสันติชล แต่ขี่ม้าแบบมีคนจูง คิดราคาสำหรับเด็กรอบละ 100 บาท ระยะทางรอบหนึ่งใช้เวลานานเหมือนกัน
จุดเที่ยวอีกแห่งในหมู่บ้านสันติชลคือกำแพงเมืองจีนจำลอง ที่นี่มีซินแสตรวจโรคด้วยการแมะ และเปิดจุดลมปราณด้วย มีร้านอาหารจีนยูนนานรสชาติอร่อยมาก อร่อยพอๆกับร้านด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้านสันติชน แต่บรรยากาศคนละแบบ ห้องน้ำที่นี่สะอาดใช้ได้
เมื่อขึ้นไปบนกำแพงเมืองจีนจะเป็นจุดชมวิวในมุมกว้าง
ตรงนี้ด้านหนึ่งจะเห็นธรรมชาติของทิวเขาและเนินขึ้นๆลงๆ
แต่อีกด้านหนึ่งจะเห็นบ้านเรือนที่ชาวหมู่บ้านสันติชลเขาอาศัยอยู่กันจริงๆ
เป็นบ้านแบบปัจจุบันเหมือนคนเมืองอยู่กันนั่นเอง
ในบริเวณหมู่บ้านสันติชลมีร้านอาหารจีนยูนนานซึ่งต้องแวะรับประทานให้ได้ ร้านด้านในคือร้านที่อยู่ตรงกำแพงเมืองจีน แต่ร้านดั้งเดิมคือร้านตรงปากทางเข้าหมู่บ้านสันติชล เป็นร้านที่จัดแบบจีนยูนนานโบราณด้วย บรรยากาศเหมือนโรงเตี้ยมในหนังจีนกำลังภายใน
ทั้งผนังและพื้นของร้านนี้เป็นดินแบบเดิมๆ
อาหารที่เคยสั่งมารับประทานหลายๆอย่างนั้น ขอเรียนให้ทราบว่าอร่อยจริงๆ
ที่พลาดไม่ได้คือขาหมูยูนนานที่มาพร้อมหมั่นโถวแบบนึ่งและทอด
รสชาติของขาหมูไม่เหมือนกับแบบที่เราเคยรับประทานกัน ของที่นี่จะใส่มาเป็นชามใหญ่
เห็นทีแรกสะดุ้งเพราะมีมันหมูมีน้ำมันลอยเยอะ แต่ชิมแล้วแปลกที่ไม่เลี่ยน ยิ่งจิบชาจีนร้อนๆตามยิ่งไม่รู้สึกเลี่ยน
รสชาติของขาหมูคล้ายๆแกงเผ็ดเล็กๆ
อาหารประเภทปลาและผัดผักก็อร่อย พวกเต้าหู้นี้ขนาดคนไม่ชอบเต้าหู้ยังรับประทานจนเกลี้ยง
ที่ต้องสั่งอีกอย่างคือพวกเห็ดผัด ที่ทั้งสดทั้งหอมอร่อยจริงๆ
เหมือนโรงเตี๊ยมในหนังกำลังภายใน |
ลืมถ่ายรูปขาหมู,ผัดเต้าหู้,และอีกหลายอย่างเพราะรับประทานหมดก่อน |
หยุนไหล ทะเลหมอก
สถานที่ๆพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดคือ หยุนไหล หรือ ทะเลหมอก
จะอยู่เลยหมู่บ้านสันติชนสูงขึ้นไปบนเขา มีถนนถึงด้านบนที่เป็นลานกว้างจอดรถได้
ถนนขึ้นไปออกจะแคบและซิกแซกไปตามบ้านเรือน แถมทางยังชันไม่น้อย
คนตัวหนักๆขี่มอเตอร์ไซด์บางช่วงต้องลุ้นกันเลยทีเดียว
เมื่อขึ้นมาถึงหยุนไหลแล้วรับรองได้ว่าไม่เสียเที่ยวที่มา
จากลานจอดรถต้องเดินขึ้นไปบนยอดเขา
ซึ่งเราขับรถขึ้นมาแล้วเลยดูเหมือนตรงนี้เป็นแค่เนิน
ทางชันพอให้เหงื่อซึมหรือหอบบ้าง เมื่อขึ้นมาถึงต้องเสียค่าชมคนละ 20 บาท
แต่มีน้ำชาจีนแถมให้ 1 กา และกล้วยอีก 1 ลูก
ข้างบนนี้เป็นลานกว้างพอสมควร
แถวลานจอดรถเห็นทิวทัศน์แบบนี้ |
เดินขึ้นไปอีกนิดแต่เหนื่อยนิดๆ |
เมื่อหันไปชมวิวบนหยุนไหลแล้วหลายคนถึงกับตะลึง
เพราะเห็นเมืองปายในมุมกว้างและสูง เห็นทิวเขาซ้อนๆกันรอบด้าน
เห็นหมอกแต่ไกลๆทำให้บรรยากาศดูลึกลับมีเสน่ห์น่าค้นหา
ยิ่งถ้ามาตอนอาทิตย์ขึ้นหรือตกด้วยแล้ว จะยิ่งสวยงามมาก
พระอาทิตย์ตอนเช้าส่องแสงสวยงามมาก ทั้งตอนเช้าจะมีทะเลหมอกมากเป็นพิเศษ
มองเห็นปกคลุมทิวเขาและอ.ปาย
ช่วงเวลาที่ควรกะเวลามาที่หยุนไหลจึงควรเป็นตอนเช้าและเย็น
เนื่องจากตอนที่ไปถึงหยุนไหลยังเป็นช่วงบ่ายๆ จึงเห็นหมอกไม่มากเท่าตอนเช้า แต่ก็ยังสวยและแปลกตาที่เห็นกลุ่มหมอกปกคลุมตัวอำเภอแต่ไกล
จุดจ่ายค่าชมวิว |
รับน้ำชาและกล้วยที่นี่ |
ดูดีๆต้นอะไรกันนี่ |
เสียดายไม่ได้มาตอนเช้า แต่ก็ยังเห็นหมอก |
ฝ้าเพราะหมอก |
ตรงนี้พื้นใช้วิธีสาน จึงเดินแล้วยวบๆพอเสียวๆ |
บรรยากาศสงบจริงๆ |
เสียดายที่ไม่ได้รอดูดวงอาทิตย์อัสดง |
น้ำตกหมอแปง
นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวอ.ปาย มักจะต้องมีน้ำตกหมอแปงอยู่ในตารางท่องเที่ยวด้วย เพราะสามารถเดินทางไปเที่ยวได้สะดวก เนื่องจากอยู่ห่างจากตัวเมืองปายเพียง 8-9ก.ม. แถมยังเป็นเส้นทางเดียวกับทางไปวัดน้ำฮูและหมู่บ้านสันติชล จำง่ายๆว่าไปถึงหมู่บ้านสันติชลได้ก็แค่เลยไปอีกไม่ไกล ก็จะถึงน้ำตกหมอแปง
น้ำตกหมอแปงมี 3
ชั้น ส่วนมากจะไปเล่นน้ำกันที่ชั้นสองและชั้นสาม น้ำตกหมอแปงมีความสูงประมาณ
15 ม. มีส่วนกว้างประมาณ 10-15 ม. น้ำตกที่นี่ไหลตลอดปีแต่ในช่วงฤดูฝนจะสวยงามที่สุด ใกล้ๆน้ำตกมีหมู่บ้านมูเซอแดง จะเดินไปดูสักหน่อยก็ได้ มีของขายมีอาหารขายตามสไตล์บ้านๆ
เส้นทางนี้ควรวางโปรแกรมที่หยุนไหลเป็นหลัก คือถ้าจะดูทะเลหมอกดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าให้ไปหยุนไหลแล้วค่อยไปน้ำตกหมอแปง ถ้าจะดูพระอาทิตย์ตกดินไปที่น้ำตกหมอแปงก่อนแล้วกลับมาหยุนไหลให้ทันช่วงพระอาทิตย์ตก
ภาพ gotogo.net |
จุดชมวิวดอยกิ่วลม
ดอยกิ่วลมนี้มีหลายแห่ง
ต้องไปถึงแล้วจึงจะเข้าใจว่าทำไมถึงเรียกว่า “กิ่วลม” จุดชมวิวดอยกิ่วลมที่จะไปนี้เป็นดอยกิ่วลมของเส้นทางที่ไปยังอ.ปางมะผ้า
นักท่องเที่ยวเรียกตามป้ายที่บอกว่าดอยกิ่วลมปาย-ปางมะผ้า อยู่ห่างจากอ.ปายประมาณ 30
ก.ม.นิดๆ ถ้าจะเลยไปเที่ยวอ.ปางมะผ้าก็ไปอีกแค่ 20 ก.ม. แต่อย่าลืมว่าเป็น 20
ก.ม.ที่คดเคี้ยวไปบนเขา เส้นทางนี้จะมุ่งไปจ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งห่างไปอีกประมาณ
80กว่าก.ม. ดอยกิ่วลมที่นิยมเที่ยวกันอีกที่หนึ่งนั้นชื่อซ้ำกัน จะอยู่ที่ห้วยน้ำดังซึ่งเป็นเส้นทางก่อนเข้าปาย
มองจากดอยกิ่วลมเห็นเส้นทางไปปางมะผ้า,แม่ฮ่องสอน |
ใครๆก็มาถ่ายรูปตรงนี้ |
เราสามารถเช่ามอเตอร์ไซด์ขับมาจากอ.ปาย ขอแนะนำว่าควรเตรียมหมวกเสื้อแขนยาวหรือเสื้อแจ็คเก็ตมาด้วย
เพราะอากาศที่ดอยกิ่วลมนี้เย็นและลมแรงมาก
ยิ่งเป็นช่วงหน้าหนาวด้วยแล้วหนาวสะท้านกันเลยทีเดียว ถ้าขับรถมาก็มีที่จอดรถได้สบาย
ที่นี่มีห้องน้ำบริการ มีกาแฟดีๆพร้อม
บริเวณดอยกิ่วลมเป็นส่วนของสันเขาสูง
ดังนั้นเท่ากับว่าเรายืนอยู่บนยอดเขานั่นเอง จึงสามารถมองวิวได้ 360 องศา
จะเห็นทิวเขาซ้อนกันเป็นชั้นๆออกไปสวยงามมาก มองย้อนไปทางอ.ปายก็สวย
มองไปทางอ.ปางมะผ้าก็เข้าท่า ทำให้อยากเดินทางต่อไปอีก
ถ้าจะไปต่อก็แนะนำว่าน่าจะต่อไปให้ถึงจ.แม่ฮ่องสอนกันเลย
แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯทางฝั่งแม่ฮ่องสอนแทน
ที่จุดชมวิวมีกาแฟหอมๆขายด้วย ชื่อร้านกาแฟปลายฟ้า ชื่อของร้านเก๋ดี มีร้านค้าของชาวเขาซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าที่เขาตัดเย็บกันเองจริงๆ มีเด็กๆชาวเขามาเป็นฉากถ่ายรูปสวยๆ ซึ่งต้องให้สตางค์เขาเป็นทุนการศึกษาบ้าง ถามๆดูก็ว่าไม่ให้ตังค์ก็ได้แต่ถ้าให้ก็ดีกว่า ซึ่งก็จริงของเด็กมัน
บนดอยกิ่วลมนี้ถ้ามาตอนเช้าและเย็นจะเห็นทะเลหมอกที่สวยงามมาก มีนักท่องเที่ยวนิยมไปกางเต้นท์นอนค้างแรม
เพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกยามเช้า นักท่องเที่ยวจำนวนมากถ้ามาถึงช่วงบ่ายแก่ๆจะยังไม่ยอมกลับ
คือจะนั่งรอดูวิวพระอาทิตย์ตกพร้อมทะเลหมอก
อย่างไรก็ตามถึงจะมาตอนไหนก็ได้เห็นหมอกที่ปกคลุมภูเขาแน่
เพียงแต่ลักษณะของหมอกอาจจะยังไม่จับกันเป็นแผ่นลอยต่ำลงคล้ายทะเลเท่านั้น
ถ้าไปในช่วงดอกบัวตองบานจะสวยงามมากเป็นพิเศษ
ขนาดใกล้เที่ยงยังมีหมอกขาววอกลมแรงมากๆ |
ถนนคนเดินปาย
ถ้ามาเที่ยวปายแล้วไม่มาถนนคนเดินปายก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ถนนคนเดินปายนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาเที่ยวปายกันเลย จะเริ่มตั้งแต่ตอนเย็นไปจนดึก มีสินค้าให้เลือกซื้อมากมายหลายแบบหลายสไตล์ คนที่มาเดินมีทั้งฝรั่งญี่ปุ่นจีน ฝรั่งจะเยอะที่สุด ชาติอาเซี่ยนก็มีให้พบเห็น
บริเวณที่เป็นย่านถนนคนเดิมเราจำง่ายๆว่าให้ไปที่สี่แยกปายหนาว ตรงสี่แยกมีร้านอาหารทุกด้าน เป็นร้านดังทุกร้านคือ ร้านน้องเบียร์ ร้านมาดามจู ร้านกาแฟปายหนาว ร้านปายใจดี สี่ร้านนี้ยึดสี่แยกปายหนาวไว้คนละมุม
ตรงสี่แยกปายหนาวนี้ให้เดินขึ้นไปทางถนนที่มีร้านน้องเบียร์กับร้านปายใจดี เดินเที่ยวไปจนสุดทางและตามทางแยกก็เป็นถนนคนเดิน ท่านที่นำกล้องถ่ายรูปไปด้วยขอแนะนำว่า ให้ตั้งเมนูกล้องไปที่ถ่ายภาพแสงของหลอดทังสเตน(ถ้ามี) เพราะเขาพร้อมใจกันใช้หลอดไฟแบบทังสเตน ซึ่งก็คือหลอดไฟมีไส้หลอดเป็นทังสเตนแบบหลอดรุ่นเก่า ให้แสงสีเหลืองๆส้มๆ
ถนนคนเดินมีทั้งอาหารนานาชาติ อาหารพื้นเมือง ขนม มีร้านนวดเส้น ร้านขายกระเป๋าผ้า ร้านขายเป้ ร้านเสื้อผ้า ร้านขายโปสเตอร์ กิ๊ปช๊อป ร้านซูวิเนียร์ ร้านอาหารแบบคอฟฟี่ช๊อป ร้านอาหารแบบสวนอาหาร ร้านเหล้าแบบผับ แผงลอยขายของขายอาหารจานเดียว เรียกว่าอะไรๆที่ถนนคนเดินมีทั้งนั้น มาเดินที่ถนนคนเดินแล้วเป็นได้เสียเงินแน่นอน
สถานที่เที่ยวและกิจกรรมในปายยังมีอีกมาก ยังมีขี่ช้าง ล่องแพไม้ไผ่ เดินป่า ขี่จักรยาน ทดลองปล่อยโคมลอย กางเต้นท์นอนริมแม่น้ำปาย โดยเฉพาะริมแม่น้ำปายนั้นมีสะพานไม้ไผ่เตี้ยให้เดินข้ามแม่น้ำด้วย
ผู้ที่มาเที่ยวปายแล้วรับรองว่าต้องรู้สึกว่า มาเที่ยวปายเพียงครั้งเดียวยังไม่พอ ยังต้องกลับมาที่ปายอีกอย่างแน่นอน
ถ้ามาเที่ยวปายแล้วไม่มาถนนคนเดินปายก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ถนนคนเดินปายนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาเที่ยวปายกันเลย จะเริ่มตั้งแต่ตอนเย็นไปจนดึก มีสินค้าให้เลือกซื้อมากมายหลายแบบหลายสไตล์ คนที่มาเดินมีทั้งฝรั่งญี่ปุ่นจีน ฝรั่งจะเยอะที่สุด ชาติอาเซี่ยนก็มีให้พบเห็น
บริเวณที่เป็นย่านถนนคนเดิมเราจำง่ายๆว่าให้ไปที่สี่แยกปายหนาว ตรงสี่แยกมีร้านอาหารทุกด้าน เป็นร้านดังทุกร้านคือ ร้านน้องเบียร์ ร้านมาดามจู ร้านกาแฟปายหนาว ร้านปายใจดี สี่ร้านนี้ยึดสี่แยกปายหนาวไว้คนละมุม
ตรงสี่แยกปายหนาวนี้ให้เดินขึ้นไปทางถนนที่มีร้านน้องเบียร์กับร้านปายใจดี เดินเที่ยวไปจนสุดทางและตามทางแยกก็เป็นถนนคนเดิน ท่านที่นำกล้องถ่ายรูปไปด้วยขอแนะนำว่า ให้ตั้งเมนูกล้องไปที่ถ่ายภาพแสงของหลอดทังสเตน(ถ้ามี) เพราะเขาพร้อมใจกันใช้หลอดไฟแบบทังสเตน ซึ่งก็คือหลอดไฟมีไส้หลอดเป็นทังสเตนแบบหลอดรุ่นเก่า ให้แสงสีเหลืองๆส้มๆ
ถนนคนเดินมีทั้งอาหารนานาชาติ อาหารพื้นเมือง ขนม มีร้านนวดเส้น ร้านขายกระเป๋าผ้า ร้านขายเป้ ร้านเสื้อผ้า ร้านขายโปสเตอร์ กิ๊ปช๊อป ร้านซูวิเนียร์ ร้านอาหารแบบคอฟฟี่ช๊อป ร้านอาหารแบบสวนอาหาร ร้านเหล้าแบบผับ แผงลอยขายของขายอาหารจานเดียว เรียกว่าอะไรๆที่ถนนคนเดินมีทั้งนั้น มาเดินที่ถนนคนเดินแล้วเป็นได้เสียเงินแน่นอน
ผัดไทยเจ้าดัง ผัดไทยครูไก่ |
ข้าวปุกอาฉี ที่เห็นโน๊ตบุ็คนั้นคือเมียอาฉีรับออเดอร์ทางอีเมล์ |
หน้าตาข้าวปุก |
ภาพ sihawatchara |
ผู้ที่มาเที่ยวปายแล้วรับรองว่าต้องรู้สึกว่า มาเที่ยวปายเพียงครั้งเดียวยังไม่พอ ยังต้องกลับมาที่ปายอีกอย่างแน่นอน
ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปปายให้ได้ เพราะเป็น...ปายอินเลิฟในฝันจริงๆ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น