วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

กฏแห่งกรรม..เรื่องที่๑ ทานชีวิต

กฏแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว..ท.เลียงพิบูลย์
เรื่องที่ ๑
ทานชีวิต

     เมื่อก่อนหน้า พ.ศ. ๒๔๙๕ เล็กน้อย  ข้าพเจ้ามีกิจธุระทางถนนเยาวราช  ได้เดินผ่านไปแถวเจ็ดชั้น  บังเอิญสายตามองไปเห็นคนมุงดูอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง  ข้าพเจ้าเป็นคนอยากรู้อยากเห็น  จึงเดินไปชะโงกดูกับเขาบ้าง  ก็ได้ทราบว่า จีนขายเต่าคนหนึ่งกำลังอธิบายเรื่องเต่าเป็นภาษาจีน  ข้าพเจ้าถามจีนที่ยืนอยู่ก่อนว่าเขาพูดอะไรในเรื่องเต่า  เพราะมองเห็นเต่าตัวหนึ่งนอนหงายอยู่กับพื้นซีเมนต์หน้าร้านค้านั้น  ที่ตัวมีอักษร  เข้าใจว่าถูกจารึกลงไว้ด้วยเหล็กแหลม  จีนผู้ถูกถามนั้นคงจะพูดไทยไม่ได้มากนัก เพียงแต่ว่า เต่าพะๆ”   ข้าพเจ้าชักสงสัยที่จีนคนนั้นเรียกเต่าพะ  จึงแหวกคนเข้าไปดูเต่าที่ตัวหงายท้องอยู่  เต่าตัวนั้นเป็นเต่าขนาดกลางที่ท้องจารึกเป็นตัวอักษรอยู่เต็ม   ข้าพเจ้าจึงขอจีนหยิบออกมา  แหวกคนให้แสงสว่างส่องเห็นตัวอักษรชัดเจนขึ้น  จึงเห็นได้ว่าตัวอักษรนั้นบางตัวเลือนรางเต็มที  แต่ก็ยังพอจะอ่านได้มีใจความว่า

     “ถ้าผู้ใดพบเต่าตัวนี้อย่าได้ฆ่า  โปรดกรุณานำมาให้ที่บ้านเลขที่……….ถนน………ตำบล……………  ถ้าผู้ใดรู้แล้ว  ทำอันตรายเต่าตัวนี้  จงประสบภัยวิบัติทั้งปวงด้วย

     เมื่อข้าพเจ้าทราบข้อนั้นแล้ว  จึงได้บอกกับจีนเจ้าของเต่าว่าควรจะนำเต่าตัวนี้ไปให้เจ้าของเดิม   ตามตำบลบ้านที่จารึกอยู่บนท้องเต่านี้ คงจะได้รับรางวัลค่าป่วยการอย่างแน่นอน และได้พยายามอธิบายให้ฟังแต่รู้สึกว่าจีนผู้ขายเต่าตัวนั้นไม่ค่อยสนใจ  เขาอยากจะขายเต่าตัวนี้ให้พ้นๆไปเท่านั้น  ซ้ำยังบอกว่าไปไกลและยังไม่รู้ว่าจะพบบ้านหรือไม่  ถ้าหากพบแล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้รางวัลคุ้มกันหรือเปล่า  เมื่อไม่มีใครซื้อจริง ๆ เขาก็จะนำไปฆ่ากินเอง  เขาว่าได้เต่ามาหลายตัว  ทุกตัวขายไปหมดเหลือแต่ตัวนี้  คนซื้อเห็นเป็นเต่าประหลาดมีตัวอักษรอยู่ในตัว  ชาวจีนจึงไม่กล้าซื้อไปกิน

     เมื่อข้าพเจ้าชี้แจงให้คนขายนำไปให้เจ้าของเดิมไม่สำเร็จ  ข้าพเจ้าคิดว่าควรซื้อเสียเองแล้วปล่อยลงน้ำไปดีกว่า  เมื่อคิดแล้วก็ตกลงรับซื้อเต่านั้นไว้เป็นมูลค่า ๓๐ บาท รู้สึกว่าจีนผู้ขายเต่านั้นยินดีมากที่ขายเต่าตัวนั้นไปได้  เมื่อซื้อแล้วนำมาบ้าน  คนทางบ้านข้าพเจ้าต่างพากันแปลกใจ  นึกว่าข้าพเจ้าคงจะทำการปาณาติบาตแน่  ข้าพเจ้าจึงได้อธิบายให้ฟังจนหายความเข้าใจผิด  ต่อไปนี้ก็เป็นปัญหาที่ข้าพเจ้าจะนำไปปล่อยที่ไหนดี  จะไปปล่อยที่บ่อในบ้าน ในวัด หรือแม่น้ำ   ซึ่งจะเป็นปลอดภัย เมื่อขบปัญหานี้ไม่ตก จึงคิดว่าควรนำไปให้ท่านเจ้าของเดิมดีกว่า

     ต่อมาอีกวันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ได้นำเต่าตัวนั้นตรงไปยังบ้านที่จารึกไว้ การหาบ้านไม่ยากนักเพราะได้ปรากฏแจ้งชัดอยู่แล้ว  ลักษณะบ้านนั้นรู้สึกว่าท่านเจ้าของบ้านเป็นผู้มีอันจะกินผู้หนึ่งในย่านนั้น  เมื่อข้าพเจ้ากดกริ่งหน้าบ้านสักครู่หนึ่ง ก็มีเด็กหญิงรุ่นผู้หนึ่งออกมาเปิดประตูถามว่ามาหาใคร  ข้าพเจ้าบอกว่ามาหาเจ้าของบ้าน

     เด็กผู้นั้นพาข้าพเจ้าไปรออยู่ในห้องรับแขก  สักครู่หนึ่งท่านเจ้าของบ้านก็เดินเข้ามา  ข้าพเจ้ามองแวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่า  ท่านเป็นคนมีสง่าและใจดีสมกับเป็นผู้มีเมตตาสัตว์  ตามลักษณะสังเกตได้ว่าเคยเป็นผู้มีอำนาจวาสนามาก่อน  ข้าพเจ้ารีบลุกขึ้นทำความเคารพทันที  ท่านกล่าวขอโทษที่ทำให้ข้าพเจ้านั่งรอช้าไปหน่อย  เพราะท่านกำลังให้ปุ๋ยต้นไม้อยู่หลังบ้าน  แล้วท่านกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า  มีอะไรที่จะให้ท่านช่วยเหลือบ้าง

     ข้าพเจ้าถามว่า ท่านเคยทำบุญปล่อยเต่าบ้างไหมครับ
     ท่านตอบทันที ไม่เหมือนคนมีอายุมากบางคนว่า

     “เคยครับ เคยเมื่อ ๔-๕ ปีมานี้เอง  มีจีนนำเอาเต่ามาเที่ยวเดินขายผมสงสารเลยซื้อไว้  และได้จารึกหนังสือแล้วก็ปล่อยไป  ผมคิดว่าถ้าปล่อยไปตามธรรมดาแล้ว  มันคงไปไม่ได้นานคงมีคนจับได้อีก  แล้วก็คงไม่พ้นถูกฆ่า   เพื่อคุ้มครองให้มันมีชีวิตยืนยาวต่อไป  จึงได้จารึกอักษร  แล้วนำไปปล่อยที่ท่าน้ำหน้าวัด

     ข้าพเจ้าเล่าให้ท่านฟังว่า  ได้ไปพบและซื้อจากจีนคนหนึ่งทางเยาวราช  เดิมทีก็จะนำไปปล่อย  แต่มาคิดได้ว่า  ท่านผู้เป็นเจ้าของคงอยากทราบว่า  เต่าตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และถ้ามันรู้ภาษา มันก็คงอยากพบท่านผู้มีคุณของมันเป็นแน่  เมื่อสนทนากันพอสมควรแล้ว  ข้าพเจ้าก็กลับออกมานำเต่าออกจากรถ เห็นมันกำลังคลานต้วมเตี้ยมหาทางออกอยู่ เมื่อท่านเจ้าของบ้านได้พบมันแล้ว  สังเกตเห็นว่าท่านดีใจมาก ท่านหยิบขึ้นดูสักครู่ก็เรียกคนใช้นำไปเลี้ยงไว้หลังบ้านก่อน  ภายหลังจะนำไปปล่อย

     จากนั้นท่านก็พยายามที่จะนำมูลค่าที่ข้าพเจ้าได้ซื้อมาจากจีนนั้นมาให้  ข้าพเจ้าจึงเรียนให้ท่านทราบว่า  ข้าพเจ้าไม่ขอรับมูลค่าใดๆทั้งสิ้น ท่านขอบอกขอบใจข้าพเจ้ามาก  เมื่อสนทนากันไป ข้าพเจ้ากราบลาท่าน  รับพรด้วยความเคารพแล้วก็เดินออกจากบ้าน  ขณะที่จะก้าวออกประตูก็พอดีเด็กหญิงซึ่งมาเปิดประตูครั้งแรกวิ่งมาร้องบอกว่า  ท่านขอเชิญให้ข้าพเจ้ากลับเข้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง

     เมื่อข้าพเจ้าหวนกลับเข้าไปอีก  ท่านเจ้าของบ้านได้บอกว่า

     “ผมอยากจะให้ของคุณไว้เป็นที่ระลึกสักอย่างหนึ่ง”  ท่านพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  คนอย่างคุณเวลานี้คงหาไม่ได้ง่ายนัก  ผมรักคุณมาก รักน้ำใจคุณ  แม้เราจะพบกันเวลาชั่วเพียงเล็กน้อย  ผมก็อ่านคุณออกเพราะฉะนั้น  ผมขอมอบพระองค์นี้ให้คุณไว้บูชาเป็นที่ระลึก”  แล้วท่านก็มอบห่อให้ข้าพเจ้าห่อหนึ่ง  ข้าพเจ้ากราบท่านด้วยความเคารพอย่างจริงใจ

     “คุณนำไปบูชา  จะป้องกันภัยต่าง ๆ ได้  ตลอดจนอัคคีภัยด้วยเป็นของเก่าหาได้ยากแล้วในสมัยนี้

     เมื่อข้าพเจ้ากลับถึงบ้านแล้วแก้ห่อออก ก็เห็นพระพุทธรูปเก่าแก่องค์หนึ่ง  ข้าพเจ้าได้นำไปตั้งไว้บนที่บูชาที่หัวนอน

     ต่อจากนั้นประมาณ ๑ ปี  คืนหนึ่ง  หลังจากข้าพเจ้ากลับมาบ้านได้นำรถเข้าโรงเรียบร้อยก็เข้านอนตามปกติ  ประมาณราว ๒ นาฬิกาของวันใหม่  ข้าพเจ้าต้องตกใจลุกขึ้นทันทีเพราะมีเสียงมากระซิบที่หู

     “ลุกขึ้น..!  ไฟกำลังไหม้โรงรถ  ลุกขึ้น..!  ไฟกำลังไหม้โรงรถ

     ข้าพเจ้ารีบลุกขึ้นเปิดไฟดู  ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้องสักคนหนึ่ง ประตูหน้าต่างก็ลงกลอนเรียบร้อย  เมื่อนึกขึ้นได้  ข้าพเจ้ารีบวิ่งไปที่โรงรถก็ได้กลิ่นสายไฟไหม้คล้ายกับเคี่ยวยางมะตอยลาดถนน  ข้าพเจ้ารีบเปิดประตูรถเข้าไปทันที  เห็นแสงไฟแลบออกมาจากกระโปรงเครื่อง  ข้าพเจ้ารีบกระโดดขึ้นไปสตาร์ทเครื่อง  เคราะห์ดีเครื่องติด  แล้วรีบถอยรถออกไปกลางสนามหญ้าหน้าบ้าน  จากนั้นก็เอากระสอบข้าวเก่า ๔-๕ ใบ เปิดฝากระโปรงออก  ใช้กระสอบข้าวฟาดแล้วคลุมไว้จนดับ  กว่าจะเรียบร้อยข้าพเจ้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยแทบแย่


     เหตุการณ์นี้  คนในบ้านไม่มีใครทราบเรื่องและตื่นเลย  เพราะตั้งแต่เริ่มจนดับ  ข้าพเจ้าไม่ได้พูดหรือร้องเรียกใครช่วยสักคำเดียว  เหตุการณ์จึงผ่านไปและยังความปลอดภัยแก่ข้าพเจ้าอย่างน่าพิศวง  ข้าพเจ้าได้รอดพ้นภัยพิบัติได้ด้วยอะไร  ถ้าไม่เกี่ยวกับอานิสงส์แห่งทานชีวิตที่ได้บำเพ็ญโดยมิได้หวังผลตอบแทนอย่างใดเลย

จบตอนที่ ๑
ความดีงามจงบังเกิดอยู่กับท่านผู้อ่าน 
และมอบอุทิศแด่ ท่านอาจารย์ ทองหยก เลียงพิบูลย์ เจ้าของวรรณกรรมอิงธรรมะชุดนี้


1 ความคิดเห็น:

  1. เรื่องเต่านี้ผมได้เคยอ่านในหนังสือกฏแห่งกรรมเมื่อครั้งยังเป็นเด็กๆ เป็นหนังสือเล่มใหญ่แลหนามากๆ จําเรื่อง"เต่าพะ" นี้ได้ และอีกเรื่องที่เกี่ยวกับลุงแก่คนนึงที่ฆ่าเพื่อนรักที่ชื่อสาย(ผลักตกนํ้า) และได้มีอายุยืนจนแก่เพื่อที่ชดใช้กรรมตัวเอง. หนังสือกฏแห่งกรรมนี้มีคุญค่ามากๆที่ทําให้คนตระหักถึงบาปบุญคุญโทษที่โลกนี้นับวันจะมีน้อยคนนักที่เชื่อ , ฝรั่งเรียกว่าKarma

    ตอบลบ